ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

‘โป๊ปฟรานซิส-โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16’ 2 พระสันตะปาปาแห่งยุคเปลี่ยนผ่าน


ประวัติศาสตร์

24 เม.ย. 68

พีรชัย พสุทันท์

Logo Thai PBS
แชร์

‘โป๊ปฟรานซิส-โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16’ 2 พระสันตะปาปาแห่งยุคเปลี่ยนผ่าน

https://www.thaipbs.or.th/now/content/2610

‘โป๊ปฟรานซิส-โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16’ 2 พระสันตะปาปาแห่งยุคเปลี่ยนผ่าน
บริการเสริมจาก Thai PBS AI

ในเดือนเมษายน 2025 ทั่วโลกต่างให้ความสนใจต่อข่าวการสิ้นพระชนม์ของ ‘โป๊ปฟรานซิส’ และการสรรหาโป๊ปองค์ต่อไป แต่หากกลับมาดูพระชีวประวัติของโป๊ปฟรานซิสนั้น หลายคนอาจจะยังไม่รู้เรื่องราวของพระองค์และ ‘โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16’ ที่เคยถูกนำไปสร้างเป็นหนังมาแล้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างโป๊ปฟรานซิส (Pope Francis – ค.ศ. 1936-2025) และโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 (Pope Benedict XVI – ค .ศ. 1927-2022) ได้รับความสนใจจากทั่วโลกมาตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากโป๊ปทั้งสองพระองค์ทรงต่างมีพระดำริเกี่ยวกับศาสนจักร (the Church) ในศตวรรษที่ 21 ต่างกัน “คนละขั้ว” ก็ว่าได้

อันที่จริง พระคาร์ดินัลโจเซฟ แรดซิงเกอร์ (Joseph Ratzinger - พระนามเดิมของเบเนดิกต์ที่ 16) จากเยอรมนี และพระคาร์ดินัล ฮอร์เฮ มาริโอ เบร์โกกลิโอ (Jorge Mario Bergoglio - พระนามเดิมของฟรานซิส) จากอาร์เจนตินา ต่างมีสิทธิรับตำแหน่งพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ในการเลือกตั้งพระสันตะปาปาปี ค.ศ. 2005 (2005 papal conclave) หลังจากที่โป๊ปจอห์น พอลที่ 2 (Pope John Paul II – ค.ศ. 1920-2005) สิ้นพระชนม์ แต่สุดท้าย เป็นพระคาร์ดินัลแรดซิงเกอร์ที่ได้รับเลือกให้เป็นโป๊ปพระองค์ใหม่ 

จนกระทั่งปี ค.ศ. 2013 โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงสละตำแหน่งเนื่องจากปัญหาพระวรกาย ถือเป็นโป๊ปพระองค์แรกในรอบเกือบ 600 ปีที่สมเด็จพระสันตะปาปาทรงสละตำแหน่งขณะที่ยังมีพระชนม์ชีพนับจากโป๊ปเกรกอรีที่ 12 (Pope Gregory XII – ค.ศ. 1326-1417) และพระคาร์ดินัลเบร์โกกลีโอก็ได้รับเลือกให้เป็นโป๊ปพระองค์ใหม่ในพระนาม ‘ฟรานซิส’ ซึ่งมาจากชื่อของฟรังซิสแห่งอัสซีซี (Francis of Assisi – ค.ศ. 1181-1226) นักบุญของผู้ยากไร้

ในแง่หนึ่ง ช่วงเปลี่ยนผ่านตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปา ณ ตอนนั้น ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงอุดมการณ์ของคริสตจักรโรมันคาทอลิกด้วย เพราะโลกมองเบเนดิกต์ที่ 16 ว่าทรงเป็น “โป๊ปอนุรักษนิยม” ขณะที่ฟรานซิสนั้นทรงถูกมองว่าเป็น “โป๊ปหัวก้าวหน้า” จึงเกิดคำถามว่า ความสัมพันธ์ของโป๊ปทั้ง 2 พระองค์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงนั้นจะเป็นเช่นไร

9 เดือนหลังรับตำแหน่งผู้นำศาสนจักรโรมันคาทอลิก โป๊ปฟรานซิส (ขวา) กำลังทรงจับพระหัตถ์ของอดีตโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 ในวาติกัน (ภาพจาก: Osservatore Romano/AFP)

1 ยุคสมัย โป๊ป 2 พระองค์ ?

แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะจดจำเบเนดิกต์ที่ 16 ได้ในฐานะโป๊ปอนุรักษนิยม แต่ย้อนกลับไปช่วงทศวรรษที่ 1960 เบเนดิกต์ที่ 16 ในพระนามเดิมแรดซิงเกอร์นั้น ทรงมีแนวคิดเปิดกว้างและเป็นเสรีนิยม เช่น ระหว่างสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 (Second Vatican Council) ในปี ค.ศ. 1962 พระองค์ทรงรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านเทววิทยา และมีส่วนร่วมในการตั้งถามต่อบทบาทศาสนจักรที่ถูกมองว่า “หยุดอยู่กับที่” พระองค์ทรงรำลึกความเมื่อปี ค.ศ. 2022 ไว้ว่า การสังคายนาครั้งนั้น “จำเป็น” และ “มีความหมาย” อย่างมากต่ออนาคตของคริสตจักรโรมันคาทอลิก

แต่มุมมองของบาทหลวงแรดซิงเกอร์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงหลังจากที่ท่านรับหน้าที่เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย University of Tübingen ทางตอนใต้ของเยอรมนี เพราะนักเรียนสาขาเทววิทยาที่นั่นวิพากษ์วิจารณ์ถึงพันธสัญญาใหม่ (New Testament) สัญลักษณ์พระเยซูบนกางเขน และพระเจ้า (God) อย่างสุดโต่ง บาทหลวงแรดซิงเกอร์เห็นว่า อุดมการณ์สุดโต่งที่อ้างศาสนาเช่นนี้กำลังบ่อนทำลายความศรัทธา 

นับตั้งแต่นั้น ท่านได้ผันตนเองมาเป็นพระอนุรักษนิยมที่ยึดกับหลักคำสอนดั้งเดิม และมองว่า มีเพียงคริสตจักรโรมันคาทอลิกเท่านั้นที่จะปกป้อง ‘ความจริงสูงสุดจากพระเจ้า (divine truth)’ ได้ เมื่อได้ขึ้นเป็นพระสันตะปาปา โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 จึงไม่มีพระดำริที่จะปฏิรูปศาสนจักรให้ “ทันสมัย” มากนัก ทั้งนี้ พระองค์ทรงพระวิริยะที่จะจัดการปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในศาสนจักร ซึ่งกลายเป็นวิกฤตนับตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1990

โมเสกพระรูปของโป๊ปฟรานซิสและโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 ภายในโบสถ์  Basilica of Saint Paul Outside the Walls (ภาพจาก: Andreas Solaro/AFP)

ส่วนพระชีวประวัติของโป๊ปฟรานซิสนั้น แม้พระองค์จะเคยถูกตั้งคำถามว่าเป็น “อนุรักษสุดขั้ว” หรือไม่ในยุค “สงครามสกปรก (Dirty War - ค.ศ. 1976-1983)” ครั้นที่พระองค์ยังทรงเป็นหัวหน้าคณะเยสุอิตในอาร์เจนตินา และทรงไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง แต่ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์นั้น พระองค์ทรงยึดมั่นที่จะทำให้ศาสนาเรียบง่ายมากขึ้นและโอบรับคนทุกกลุ่ม – โดยเฉพาะผู้ยากไร้ ไม่กี่วันหลังจากทรงขึ้นเป็นพระสันตะปาปา โป๊ปฟรานซิสทรงพระดำรัสว่า “ข้าพเจ้าประสงค์ศาสนจักรอันเรียบง่ายและขัดสน เพื่อผู้ขัดสนเสียจริง”

โป๊ปฟรานซิสทรงมีพระดำริที่เปิดกว้างและทันสมัยในหลายประเด็น เช่น พระองค์ทรงยอมรับกลุ่มหลากหลายทางเพศ ทรงปฏิรูปโครงสร้างการบริหารและสร้างความโปร่งใสภายในสำนักวาติกันอย่างจริงจัง ทรงเห็นพระทัยกลุ่มผู้อพยพที่ตกทุกข์ได้ยาก ทรงเรียกร้องให้นานาประเทศแก้ไขภาวะโลกรวน รวมถึงทรงเรียกร้องสันติภาพและการเลิกเข่นฆ่าในสงครามยูเครน-รัสเซีย และสงครามกาซา ขณะเดียวกัน พระวิริยะของโป๊ปฟรานซิสในการปฏิรูปศาสนจักรก็อาจทำให้คณะสงฆ์กลุ่มอนุรักษนิยมไม่พอใจด้วย

จากจุดยืนของพระสันตะปาปาทั้ง 2 พระองค์ ทำให้เกิดความคิดที่ว่า เบเนดิกต์ที่ 16 และฟรานซิสทรงเป็น “คู่แข่งทางอำนาจ” กันหรือเปล่า และบางครั้ง ก็มีข่าวลือและทฤษฎีสมคบคิดว่า เบเนดิกต์ที่ 16 ยังทรงมีอำนาจในวาติกัน – โดยเฉพาะในหมู่พระสงฆ์สายอนุรักษนิยม – แม้พระองค์จะทรงสละตำแหน่งโป๊ปไปแล้วก็ตาม ยกตัวอย่างในปี ค.ศ. 2020 อดีตโป๊ปเบเนดิกต์ทรงพระดำรัสในหนังสือ ‘From the Depths of Our Hearts’ ของพระคาร์ดินัลโรเบิร์ต ซาราห์ (Cardinal Robert Sarah) ว่า พระองค์ทรงสนับสนุนแนวคิด “การครองตนเป็นโสดของนักบวช (priestly celibacy)” ซึ่งประจวบพอดีกับช่วงเวลาที่โป๊ปฟรานซิสกำลังทรงพิจารณถึงการยกเลิกข้อจำกัดการแต่งงานของพระสงฆ์ในพื้นที่ชนบทห่างไกล  

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงนั้น ความสัมพันธ์ของพระสันตะปาปาทั้ง 2 พระองค์นั้น อาจเรียกได้ว่าเป็น “มิตรภาพ” เสียมากกว่า

อดีตโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงทักทายโป๊ปฟรานซิสหลังจบพิธีแต่งตั้งพระคาร์ดินัลกลุ่มใหม่ เมื่อเดือน ก.พ. 2014 (ภาพจาก: Osservatore Romano/AFP)

มิตรภาพระหว่าง ‘โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16-โป๊ปฟรานซิส’

แม้โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 และโป๊ปฟรานซิสจะทรงยืนอยู่บนแนวคิดทางศาสนาอันแตกต่างกัน แต่ทั้ง 2 พระองค์ทรงต่างแสดงความเคารพและความชื่นชมต่อกันและกันมาตลอด จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้แอนโทนี แมคคาร์เทน (Anthony McCarten) นักประพันธ์และผู้สร้างภาพยนตร์ชาวอังกฤษ เขียนบทละครเวทีเรื่อง ‘The Pope’ ซึ่งต่อมาได้ถูกพัฒนาเป็นภาพยนตร์เรื่อง ‘The Two Popes’ ในปี ค.ศ. 2019 

โจนาทาน ไพรซ์ (ขวา) รับบทว่าที่โป๊ปฟรานซิส และแอนโทนี ฮ็อฟกินส์ รับบทโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 ใน 'The Two Popes' (ภาพจาก: Netflix)

ระหว่างที่ให้โอวาทครั้งแรกในฐานะสมเด็จพระสันตะปาปา โป๊ปฟรานซิสทรงเอ่ยถึงพระนามของอดีตโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 และมีรับสั่งแก่คริสต์ศาสนิกชนหน้ามหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ว่า “พวกเราจงสวดมนต์ให้แก่ท่าน [เบเนดิกต์ที่ 16] ขอพระเจ้าทรงอำนวยพรแก่ท่าน และขอพระแม่ของพวกเราพิทักษ์รักษาท่าน” 

โป๊ปฟรานซิสทรงยกย่องโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 ในฐานะ “บิดา” ของพระองค์ ในปี ค.ศ. 2022 พระองค์ทรงชื่นชมอดีตโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 ในฐานะ “ผู้นำ” องค์แรกที่แก้วิกฤตคดีล่วงละเมิดทางเพศในศาสนจักร หรือเมื่อปี ค.ศ. 2024 โป๊ปฟรานซิสประทานสัมภาษณ์ในหนังสือ ‘The Successor’ โดยทรงพระดำรัสไว้ว่า:

“[ท่านเบเนดิกต์ที่ 16] ปล่อยให้ข้าพเจ้าได้เติบโตและตัดสินใจด้วยตนเอง ท่านมีความอดทนยิ่ง และหากท่านไม่เห็นด้วยในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ท่านจะทบทวนไตร่ตรอง 3-4 ครั้งก่อนที่จะบอกข้าพเจ้า”

นอกจากนี้ โป๊ปฟรานซิสทรงแสดงความเห็นพระทัยต่อสถานการณ์ที่เบเนดิกต์ที่ 16 ทรงเผชิญโดยเฉพาะในช่วงที่พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งไว้ว่า:

“ท่านเบเนดิกต์เป็นบุรุษแห่งความอ่อนโยนยิ่ง แต่ในบางครั้ง ผู้คนกลับเอารัดเอาเปรียบท่านโดยอาจไม่มีเจตนาร้ายใด ๆ และจำกัดท่าทีของท่าน โชคร้ายเสียจริงที่ในแง่หนึ่งนั้น พวกเขากำลังตีวงจำกัดท่านไว้อยู่ ท่านเป็นผู้ที่ละเอียดอ่อนยิ่ง แต่ท่านไม่ได้อ่อนแอ ท่านเข้มแข็งและนอบน้อม แต่ไม่ฝืนบังคับผู้ใด ดังนั้น ท่านจึงทุกข์ทรมานมาก”

นอกจากนี้ มีการกล่าวว่า ก่อนที่โป๊ปฟรานซิสจะเสด็จไปปฏิบัติพระกรณียกิจในต่างประเทศทุกครั้ง พระองค์จะเสด็จเยี่ยมอดีดโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 เสมอ จวบจนถึงวาระสุดท้ายในพระชนม์ชีพของโป๊ปเบเดดิกต์ที่ 16 ผู้สิ้นพระชนม์ในวันที่ 31 ธ.ค. ค.ศ. 2022

โป๊ปฟรานซิสและอดีตโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 เมื่อปี ค.ศ. 2018 (ภาพจาก: Vatican Media/AFP)

ท่ามกลางข่าวลือต่าง ๆ ที่ว่าเบเนดิกต์ที่ 16 ยังทรงมีอิทธิพลในศาสนจักรอยู่แม้จะสละตำแหน่งโป๊ปไปแล้ว พระองค์ทรงออกมายืนยันแก่นิตยสาร Corriere Della Sera เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2019 ว่า “มีพระสันตะปาปาเพียงผู้เดียว และท่านผู้นั้นคือท่านฟรานซิส” และพระองค์ทรงพระดำรัสว่า ตลอดเวลานับหลายศตวรรษ เอกภาพของคริสตจักรโรมันคาทอลิกต้องสั่นคลอนและตกอยู่ในอันตรายจากภัยทั้งหลาย เช่น สงครามและความขัดแย้งต่าง ๆ

“แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความตระหนักว่าศาสนจักรมีเอกภาพและต้องมีเอกภาพนั้น ทรงพลังเหนือทุกสิ่งเสมอมา และเอกภาพนี้แข็งแกร่งกว่าความขัดแย้งภายในและสงครามทั้งปวง” - พระดำรัสของอดีตโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 ในปี ค.ศ. 2019

ในปี ค.ศ. 2016 ระหว่างการฉลองครบ 65 ปีพระสังฆภาพ หรือการบวชเป็นสงฆ์ของอดีตโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 พระองค์ทรงมีพระดำรัสว่า พระองค์ทรงประทับพระทัยใน “ความดี” ของโป๊ปฟรานซิสนับตั้งแต่การเลือกตั้งพระสันตะปาปาในปี ค.ศ. 2013 และความดีของฟรานซิสก็ค้ำจุนพระจิตภายในของอดีตโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 อย่างยิ่ง และทรงพระดำรัสต่อว่า:

“แม้สวนวาติกันจะงดงามเพียงใด ก็ไม่ใช่บ้านที่แท้จริงของข้าพเจ้า บ้านที่แท้จริงของข้าพเจ้าคือความดีของท่าน [โป๊ปฟรานซิส] ที่ซึ่งข้าพเจ้ารู้สึกปลอดภัย”

พิธีพระศพอดีตโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 เมื่อเดือน ม.ค. 2023 โดยโป๊ปฟรานซิสทรงดำเนินพิธีการด้วยพระองค์เอง (ภาพจาก: Alberto Pizzoli/AFP)

จากที่กล่าวมาทั้งหมด พระประวัติของโป๊ปฟรานซิสและโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 จึงอาจเป็นบทเรียนแก่ผู้คนในทุกศาสนาและความเชื่อได้ แม้จุดยืนทางความคิดจะต่างกัน แต่สมเด็จพระสันตะปาปาทั้ง 2 พระองค์ทรงแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ทุกคนบนโลกสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ เพียงมองเห็นข้อดีและมีความเคารพซึ่งกันและกัน

อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ ‘โป๊ปฟรานซิส’ จากเครือ Thai PBS

อ้างอิง

เครดิตภาพปก: HO/Osservatore Romano/AFP

ติดตามบทความและเรื่องราวทันทุกกระแสที่ Thai PBS NOW: www.thaipbs.or.th/now

โป๊ปทั้ง 2 พระองค์ในพิธีฉลอง 65 ปี พระสังฆภาพของอดีตโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 เมื่อปี ค.ศ. 2016 (ภาพจาก: HO/Osservatore Romano/AFP)

แท็กที่เกี่ยวข้อง

โป๊ปฟรานซิสโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16สมเด็จพระสันตะปาปาศาสนาคริสต์นครรัฐวาติกัน
พีรชัย พสุทันท์
ผู้เขียน: พีรชัย พสุทันท์

ศิษย์เก่าอักษร จุฬาฯ และโปรแกรมปริญญาโททุน EU ด้านวรรณกรรมยุโรปในฝรั่งเศสและกรีซ ผู้ชอบพาตัวเองไป (หลง) อยู่ในกระแสพหุวัฒนธรรม และเปิดเพลง ABBA ประโลมชีวิตทุกครั้งที่เขียนงาน | porrorchor.com

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด