จีนเปิดประเทศ แบบเต็มสูบ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา ภาคธุรกิจต่างตื่นตัวเตรียมรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจชาวจีนที่จะเข้ามาไทย ด้วยความหวังว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ หลังจากจีนล็อกดาวน์ประเทศยาวนานถึง 3 ปี แต่ก็มิวายมีความกังวลต่อปัญหา “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” และ “ทุนจีนสีเทา” ที่เรื้อรังในไทย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไทยมีบทเรียน "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" ที่นักธุรกิจท่องเที่ยวจีนเคยนำมาใช้กับไทย จนแทบจะกล่าวได้ว่า ประโยชน์และผลตอบแทนที่ได้รับจากทัวร์จีนนั้น แทบไม่เหลือตกมาถึงมือคนไทย
นอกจากนี้ "ธุรกิจจีนสีเทา" ที่เข้ามาอาศัยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการกระทำผิดกฎหมาย เป็น "ปัญหาระดับชาติ" ที่ไทยกำลังเผชิญอยู่ มีการจับกุมรายวันจนกลายเป็นกระแสร้อนให้สังคมต้องเฝ้าจับตากันอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังมีตำรวจ และฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นผู้บังคับให้กฎหมายกลับกลายเป็นผู้รู้เห็น "รับสินบน-ใต้โต๊ะ" เสียเอง
จากประเด็น "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" ในวันนั้น สู่ปัญหา "ทุนจีนสีเทา" ในวันนี้ สร้างปัญหาใหญ่ ฝังรากลึกแทรกซึมทุกวงการ ทำให้ธุรกิจจีนสีเทาเฟื่องฟูอีกครั้ง หากภาครัฐตั้งการ์ดไว้ไม่สูงพอ
ThaiPBS Solutions ได้สัมภาษณ์ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงการตั้งการ์ดและกวาดล้าง “ทุนจีนสีเทา”
“อาชญากรรมไม่มีทางหมดไปจากโลกนี้ เพียงแต่ว่าจะไปก่ออาชญากรรมที่ไหนก็ไป แต่ว่าจะต้องไม่ก่ออาชญากรรมในดินแดนไทย”
ประเทศปลอดภัยดึงดูดนักท่องเที่ยว
การเปิดประเทศของจีน มั่นใจว่าส่งผลดีกับเศรษฐกิจไทยแน่นอน คาดหวังไว้ว่าใน ปี 2566 และ ปี 2567 ยอดนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศไทย ประมาณ 25 ล้านคน
“แน่นอนเมื่อเปิดประเทศจีนแล้ว นักท่องเที่ยวชาวจีนมากมายมหาศาลกว่า 80% ต้องเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เมื่อมีการเดินทางข้ามพรมแดน ผ่านแดนหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คืออาชญากร ก็จะแฝงตัวมาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว”
ในการปราบทุนจีนสีเทา เป็นการปราบเพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวจีน และคนประเทศอื่น ๆ เป็นนักท่องเที่ยวมีคุณภาพ เข้ามาแล้วมาท่องเที่ยวจริง ๆ ไม่ใช่แฝงมาในรูปแบบนักท่องเที่ยวแล้วเข้ามาก่ออาชญากรรมในไทย ซึ่งการคัดกรองด่านหน้าที่สำคัญคือ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง
“ที่ใดปลอดภัย นักท่องเที่ยวก็จะไปที่นั่น หากมาไทยแล้วปลอดภัย เมื่อกลับไปแล้วไปโพสต์ว่าให้มาไทย เพราะมาแล้วปลอดภัยไม่มีล้วงกระเป๋า ไม่มีแก๊งยาเสพติด ไม่มีค้ามนุษย์ ลูกหลานญาติพี่น้องก็อยากมาเที่ยวที่ประเทศไทย”
ฉะนั้นวันนี้การวางมาตรการรองรับ ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้อย่างดี ตั้งแต่การปราบปรามอาชญากรรม ทุกรูปแบบ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เน้นสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ทุกวันนี้รูปแบบนักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไป เพราะลักษณะแบบทัวร์น้อยลง ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวขนาดเล็ก ถ้าเป็นกลุ่มไมซ์ (MICE) ที่ใช้ของราคาแพง นอนโรงแรมราคาแพง รูปแบบนักท่องเที่ยวที่มาในรูปแบบทัวร์จะน้อยลง
สิ่งที่จะส่งผลต่อผู้ประกอบการไทยคือโรงแรมขนาดเล็ก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นทัวร์ที่นำนักท่องเที่ยวปริมาณมากเข้ามาพักอาจกระทบ
ทัวร์ศูนย์เหรียญล่มสลาย
“ประเด็นทัวร์ศูนย์เหรียญ ปัจจุบันไม่มีแล้วแน่นอน”
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยืนยัน
เนื่องจากเมื่อ 7 ปีที่แล้ว พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบให้ตนปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ และต่อมาเกิดวิกฤตโควิด-19 จึงทำให้ทัวร์ศูนย์เหรียญล่มสลาย ดังนั้นสามารถกล่าวได้ว่า ทัวร์ศูนย์เหรียญไม่มีแน่นอน หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย ส่วนชาวจีนที่เข้ามาแฝงตัวคือ เข้ามาทำคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้โอนเงิน หลอกลวงลงทุน ค้ามนุษย์ สถานบริการ ผับ บาร์ ยอมรับว่าเป็นรูปแบบที่มีอยู่ในขณะนี้
แม้ทัวร์ศูนย์เหรียญ “เป็นศูนย์” แต่อาจแปลงร่างเป็นกลุ่มทุนสีเทา จากการกวาดล้างอย่างหนัก ทุนจีนสีเทาหนีออกนอกประเทศไทย ไปเป็นจำนวนมาก เพราะจับกุมยึดทรัพย์และดำเนินคดีอาญา ส่วนใหญ่หนีไปประเทศเพื่อนบ้าน
“ผมต้องปกป้องประเทศไทยอย่างเดียว จะไปก่อเหตุที่ใดก็แล้วแต่ แต่ต้องไม่ใช่ในดินแดนไทยและคนไทย”
กลุ่มมิจฉาชีพ ผิดกฎหมาย อย่างกลุ่มทุนจีน วันนี้ต้องยึดหลักว่าคนทุกประเทศ รวมทั้งไทยมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่คนดีต้องมากกว่าคนไม่ดี ไม่อย่างนั้นประเทศอยู่ไม่ได้
คนจีนที่ดีในไทยมีเยอะ เราต้องส่งเสริมคนเหล่านี้ แต่คนที่ไม่ดีเช่น นำเข้ายาเสพติด นำนักท่องเที่ยวค้ายา บ่อนพนันกาสิโน ฯลฯ กลุ่มนี้รัฐบาลจีนมีหมายจับอยู่
ตม. ต้องมีทักษะการคัดกรอง
ตม. มีระเบียบกฎหมายอยู่แล้ว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่หลายคนทำงานมา 40–50 ปี ต้องมีทักษะในการดูคน ต้องมีทักษะในการคัดกรอง เช่น คุณมีเงินเท่าไหร่ คุณจะเข้ามาในประเทศไทย อยู่กี่วัน เข้ามาแล้วพักโรงแรมอะไร ถ้าเข้ามาแล้วบอกว่า ไม่มีโรงแรมพัก ไม่มีการจองโรงแรม ถ้าไปพักบ้านญาติ พักที่ไหน เพราะวีซ่านักท่องเที่ยวอนุญาตได้ 30 วัน พอเที่ยวครบ 30 วัน แล้วอยู่ต่ออยู่แบบใด หากอ้างว่าใช้วีซ่าของมูลนิธิต้องดูว่าไปทำกิจกรรมกับมูลนิธิจริงหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้
คนต่างชาติไม่ใช่เฉพาะคนจีน ที่เข้ามาไทยและประกอบอาชีพไม่สุจริต ส่วนมากมักใช้ “นอมินี” ที่เป็นคนไทย หรือคนที่สวมบัตรประชาชนไทย
เชื่อว่าขณะนี้ ไม่มีฝ่ายปกครองคนใด กล้าทำบัตรประชาชนปลอม เพราะจับกุมปลัดอำเภอ นายอำเภอ ไปหลายคน ตรงนี้เป็นการกวาดบ้านให้สะอาด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีนที่เอาเงินเข้ามาเที่ยวและจับจ่ายใช้สอย รายได้เข้าประเทศและคนไทยจริง
“ตำรวจไทย” รับใต้โต๊ะ
ตัวชี้วัดคอร์รัปชันของไทยลำดับต่ำลง เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าไทยยังมีเรื่องใต้โต๊ะอยู่ วันนี้สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ น้ำดีกำลังไล่น้ำเสีย การกวาดบ้านให้สะอาด ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐต้องใช้เวลา ตนมองว่ากำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น เช่น จับกุมอธิบดีบางกรม ตำรวจจับกุมตำรวจด้วยกันเอง ตนดำเนินคดีกับลูกน้อง หรือไล่ตำรวจออกจากราชการ กรณีผับคนจีน โดยไม่มีการช่วยเหลือกัน เด็กรุ่นใหม่จะเข้ามา ผู้บังคับบัญชาต้องทำตัวเป็นแบบอย่างกับลูกน้อง
“ถามว่าหนักใจในการดำเนินคดีกับใครหรือไม่ ผมไม่หนักใจ เพราะเป็นหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรมเสมอภาค ประชาชนจึงจะเชื่อมั่น แล้วเราจะทำงานง่าย”
หากเมื่อใดรัฐนั้นอ่อนแอ การบังคับใช้กฎหมายหย่อนยาน มิจฉาชีพ ไม่ว่าจะเป็น ยุโรป อาเซียน จะเข้ามาอยู่และอาศัยประเทศนั้น ใช้เป็นแหล่งพักพิงและก่ออาชญากรรม เมื่อเราเข้มแข็งปราบปรามจริงจัง คนแบบนี้จะไปหาประเทศอื่นอยู่ เพราะอยู่ในไทยไม่ได้
อาชญากรรมไม่มีทางหมดไปจากโลกนี้เพียงแต่ว่าจะไปก่ออาชญากรรมที่ใดก็ไปแต่ต้องไม่มาก่ออาชญากรรมในดินแดนไทย อันนี้คือมาตรการที่เราเตรียมรองรับเอาไว้
หากถามว่าหลังจากนี้จะทำให้คนไทยมั่นใจได้อย่างไร คือรักษามาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมาย ตรวจสอบ ปราบปราม ขอให้คนไทย หรือคนจีนที่อยู่ในไทยขอให้มั่นใจว่า หากประกอบอาชีพโดยถูกต้องสามารถทำได้อย่างสบายใจ ส่วนคนที่ประกอบอาชีพไม่ถูกต้อง วันนี้ปราบปรามไปเกือบหมดหากเหลืออยู่คงไม่กล้าทำผิด
“ฝากถึงประชาชนคนไทย ให้หายห่วงว่า รัฐบาล โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ปราบปรามกลุ่มทุนจีนไปแทบจะหมด ทำให้กลุ่มทุนจีนหลายส่วนไม่กล้าอยู่ในไทยอีก และต้องไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน จะไปอยู่ประเทศไหนก็แล้วแต่ แต่ต้องไม่อยู่ในประเทศไทย” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย