ภูพระบาทได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO) ถือเป็นแหล่งมรดกโลกลำดับที่ 8 ของไทย
Thai PBS ชวนมารู้จัก “ภูพระบาท” หรืออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทกันให้มากยิ่งขึ้น เหตุใดจึงได้รับการยกย่องจากยูเนสโก และพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ มีร่องรอยทางอารยธรรมใดที่น่าสนใจกันบ้าง ?
ภูพระบาท ลักษณะทางธรณีของมหายุคมีโซโซอีก (Mesozoic)
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทตั้งอยู่บนภูเขาที่ชื่อว่าภูพระบาท ในเขตพื้นที่เมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน ซึ่งเป็นเทือกเขาหินทราย อยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดอุดรธานี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยปานกลางประมาณ 320 – 350 เมตร
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าโปร่ง มีพืชพรรณธรรมชาติประเภทไม้เนื้อแข็งขึ้นปกคลุม แต่ลักษณะทางธรณีวิทยากลับมีประวัติศาสตร์อันยาวนานซ่อนอยู่ โดยพื้นที่แถบนี้มีลักษณะหินทรายปนหินกรวดมนชั้นหนา หรือที่เรียกกันว่าหินภูพานที่จัดอยู่ในกลุ่มหินชุดโคราช (Khorat Group) อันเป็นหลักฐานแสดงความเชื่อมโยงกับมหายุคมีโซโซอิก (Mesozoic) ที่มีอายุอยู่ในช่วง 250 - 65 ล้านปีก่อน นอกจากนี้ลักษณะของชิ้นหินทรายที่ทับถมมีความทนทานแตกต่างจนเกิดเป็นการกัดเซาะที่สร้างรูปทรงธรรมชาติอันงดงามทั่วทั้งพื้นที่ภูพระบาท
ภูพระบาท แกลเลอรีภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท มีถ้ำเล็กถ้ำน้อยที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ โดยปรากฏร่องรอยแห่งยุคก่อนประวัติศาสตร์เอาไว้ให้นักโบราณคดีได้ศึกษา โดยเฉพาะภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ มีปรากฏกว่า 54 แห่งทั่วพื้นที่ บันทึกวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่ก่อนประวัติศาสตร์ อาทิ การล่าสัตว์ การทำการเกษตร รูปสัตว์ต่าง ๆ นักโบราณคดีสันนิษฐานกันว่า ภาพเขียนเหล่านี้น่าจะมีอายุราว 3,000 – 2,500 ปีมาแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มนุษย์เริ่มรู้จักการเกษตรและการใช้เครื่องมือต่าง ๆ จากโลหะ
ภาพเขียนในถ้ำอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท แบ่งออกเป็นภาพเสมือนจริง ได้แก่ ภาพคน สัตว์ พืช สิ่งของต่าง ๆ และภาพนามธรรม มีลักษณะเป็นสัญลักษณ์และรูปทรงเรขาคณิต โดยสีที่นำมาใช้ขีดเขียน นักโบราณคดีสันนิษฐานกันว่า เป็นสีจากธรรมชาติ เช่น ดินเทศ แร่เฮมาไทต์ นำมาผสมกับของเหลวที่มีคุณสมบัติเป็นกาวในพื้นที่ เช่น ยางไม้ ทำให้ภาพเขียนสีเหล่านี้ มีความคงทน และยังคงมองเห็นสีสันและรูปทรงมาจนถึงปัจจุบัน
ยุคประวัติศาสตร์ของภูพระบาท “หินตั้ง” วัฒนธรรมสีมาแห่งสมัยทวารวดี
เวลาผันผ่านสู่ช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 – 16 หรือราว 1,400 – 1,000 ปีที่แล้ว พื้นที่ภูพระบาทเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ โดยได้รับเอาวัฒนธรรมทวารวดีเข้ามา ซึ่งปรากฏผ่านเหล่า “หลักหิน” ที่ปักไว้หลายแห่งด้วยกัน มีลักษณะเป็นแผ่นหินหรือแท่งหิน ส่วนใหญ่มีทรงสี่เหลี่ยมยอดแหลม นิยมเรียกกันว่า “ใบเสมา” หรือ “สีมา”
หลักหินเหล่านี้เชื่อกันว่า ทำหน้าที่เป็นนิมิตพัทธสีมาสงฆ์ หรือสัญลักษณ์เขตแดนที่พระสงฆ์ทำพิธี นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งทำพุทธประวัติและชาดก รวมทั้งยังมีหลักหินอีกจำนวนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับประเพณีความเชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ที่ให้ทั้งคุณและโทษแก่มนุษย์ อันมีความเชื่อมโยงกับประเพณีการปักหินตั้ง (Megaliths) ที่เป็นการแสดงความเชื่อเรื่องการนับถือผีบรรพบุรุษของชนพื้นเมืองในอุษาคเนย์
วัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดีนี้เอง ที่องค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้พิจารณาถึงการเชื่อมโยงสืบทอดวัฒนธรรมอันยาวนานต่อเนื่องกว่า 400 ปี มาสู่ประเพณีของวัดฝ่ายอรัญวาสี มีการรักษาความเป็นของแท้และดั้งเดิมจนได้รับรองให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
“อุสาบารส” ตำนานนิทานพื้นบ้านสู่ชื่อแลนด์มาร์คสำคัญของภูพระบาท
หลักหินหนึ่งที่สูงตระหง่านแต่มียอดเป็นหินแผ่นดูแปลกตา ตั้งอยู่เป็นเอกลักษณ์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูพระบาท มีชื่อเรียกกันว่า หอนางอุสา ชื่อนี้มีความเชื่อมโยงกับตำนานเรื่องเล่า “อุสาบารส” ที่ถือเป็นวรรณคดีเรื่องสำคัญในพื้นที่สองฝั่งโขง
เรื่องราวเรื่องเล่า “อุสา - บารส” มีหลายฉบับด้วยกัน โดยรวมเป็นเรื่องราวความรักระหว่างนางอุสากับท้าวบารส ทั้งคู่พบรักกัน แต่กลับถูกขัดขวางทั้งจากบิดาของนางอุสา และจากครอบครัวของท้าวบารส ท้ายที่สุดทั้งคู่ต้องแยกจากกัน นางอุสาเสียชีวิตไปก่อน เมื่อท้าวบารสตามหาจนพบก็ตรอมใจตายตามไป
หลักหินทั่วบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทมีหลายแห่งที่ตั้งชื่อตามเรื่องราว “อุสา - บารส” อันเป็นเรื่องเล่าที่เชื่อมโยงกับยุคสมัยทวาราวดี เช่น หอนางอุสา กู่นางอุสา บ่อน้ำนางอุสา วัดลูกเขย (ท้าวบารส) วัดพ่อตา (ท้าวกงพาน) คอกม้าท้าวบารส สะท้อนความเชื่อที่ส่งต่อกันมาอย่างยาวนานของวัฒนธรรมในพื้นที่
การเดินทางไปอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตั้งอยู่ที่บ้านติ้ว ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ขับรถจากตัวจังหวัดอุดรธานี ระยะทางประมาณ 67 ก.ม. เดินทางตามเส้นทางหมายเลข 2 เส้นอุดรธานี – หนองคาย ถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 13 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2021 มุ่งไปทาง อ.บ้านผือ ระยะทาง 42 ก.ม. จากนั้นแยกขวาประมาณ 500 เมตร และตรงไปตามเส้นทางหมายเลข 2348 อีกประมาณ 12 ก.ม. จะพบแยกขวามือเป็นทางเข้าอุทยานระยะทางประมาณ 2 ก.ม.
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/YRMQruM9RcZvBotM8 ติดต่อสอบถามได้ที่ 042 219 838
อ้างอิง
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
- อุทยานประวัติศาสตร์ ภูพระบาท อุดรธานี