“โสด” พูดเบา ๆ เล่นเอาหัวใจสั่นไหว ยิ่งใครมาพูดใส่หูช่วงวันวาเลนไทน์ อยากจะกระโดดงับใบหูให้รู้แล้วรู้รอด!!

อันคำว่า “โสด” หรือ Single ในภาษาอังกฤษ หมายถึง คนที่ไม่มีคู่ หรืออยู่ตัวคนเดียว นอกเหนือจากนี้ ก็ยังมีคำว่า Chronically single หรือ โสดเป็นเวลายาวนาน จนเรียกว่า เป็นอาการ “โสดเรื้อรัง” สภาวะแบบนี้เป็นอย่างไร พาไปทำความรู้จักกัน…

เข้าใจความหมายคำว่า “โสด” กันเสียก่อน

โสด หรือ Single มีความหมายคือ เดี่ยว, โดด, ไม่มีคู่ หรือยังไม่มีสามี-ภรรยา ส่วนในนิยามทางกฎหมาย ผู้ที่มีสถานภาพโสด หรือ เป็นบุคคลโสด คือ บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องในความสัมพันธ์โรแมนติกจริงจังทุกชนิด ซึ่งรวมถึงการเดต (dating) ระยะยาว การหมั้นหรือการสมรส 

ทั้งนี้ บุคคลโสด อาจเข้าร่วมในการเดต และกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อหาคู่อยู่บ้าง แต่ในบางกรณี บุคคลโสดก็ไม่สนใจการสมรส รวมทั้งการอยู่กินแบบสามีภรรยา หรือความสัมพันธ์แบบผูกมัดใด ๆ

Chronically single หรือ โสดเรื้อรัง คืออะไร ?

นอกจากคำว่า Single หรือโสด ที่หมายถึง ผู้ที่ไม่มีคู่ หรือไม่มีสามี-ภรรยา ยังมีอีกคำหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือ Chronically single หมายถึง คนที่ครองโสดเป็นเวลานาน มักประสบกับปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน หรืออาจมีความสัมพันธ์แบบชั่วครั้งชั่วคราว รวมถึงมีการออกเดตน้อยมาก จนนำไปสู่การไม่มีคู่รักเป็นระยะเวลานาน

ปัจจัยอะไรที่ทำให้ต้องครองโสดยาวนาน

ความโสด เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล และเหตุผลในความโสด ก็มีความหลากหลาย สำหรับผู้ที่เป็นโสดยาวนาน อาจมีเหตุผลต่าง ๆ เช่น การมีโลกส่วนตัวสูง เป็นคนเก็บตัว หรือคิดว่าตัวเองยังไม่ดีพอสำหรับใคร 

ในมุมกลับกัน บางคนก็ตั้งตารอ “คู่ที่เพอร์เฟกต์” หรือคนที่ใช่ ยิ่งพอเวลาผ่านไป คำว่า ใช่ ก็ยิ่งเลือนลางลงไปทุกที 

อีกเหตุผลที่น่าสนใจ การรักที่จะอยู่บนความโสดยาวนาน เป็นเพราะหลายคนสบายใจที่จะอยู่ในเซฟโซนของตัวเอง รวมถึงการเป็นคนไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อต้องเปิดรับใครสักคนเข้ามาในชีวิต จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อให้ความสัมพันธ์เป็นไปด้วยดี จนบางครั้งหลายคนอาจรู้สึกถึงความไม่เป็นตัวของเอง

โสดยาวนานไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และไม่ใช่เรื่องผิดต่อตัวเอง

การมีคู่ หรือไม่มีคู่ ไม่ใช่เรื่องของการตัดสินคุณค่าของมนุษย์สักคนหนึ่ง ในคราวเดียวกัน การไม่มีคู่ หรือการยอมรับว่าคนอื่นไม่เหมาะกับตัวเอง ไม่ได้หมายความว่าเป็นความผิดหรือมีข้อบกพร่อง แต่เป็นเรื่องของความไม่เหมาะที่จะเป็นคู่กันต่างหาก 

ทางออกที่เหมาะสม คือการลองสำรวจหาสาเหตุที่แท้จริงของการเป็นโสด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง และเมื่อเข้าใจถึงเหตุผลที่ตัวเองครองความโสด เราจะไม่มีความคิดด้านลบ หรืออคติใด ๆ ต่อการเป็นโสด

เมื่อ “ใจเป็นโสด” ก็ควร “ทำใจให้เป็นสุข”

สิ่งสำคัญของการเป็นโสดอย่างมีความสุข นั่นคือ การมีทัศนคติเชิงบวก มองสถานภาพความโสดอย่างสร้างสรรค์ หรืออีกความหมายหนึ่งเรียกว่า ทำให้ภาวะใจเป็นโสด (Single at heart) กล่าวคือ เป็นคนที่มีความเป็นอิสระ ใช้ชีวิตได้ดี และมีความสุขในการครองตัวเป็นโสด 

คนที่ใจเป็นโสด จะมีความรู้สึกที่ดีกับความมีอิสระของตัวเอง รู้จักใช้ประโยชน์จากเวลาที่อยู่ตัวคนเดียวเพื่อคิดทบทวน หรือสร้างสรรค์และพัฒนาจิตใจตัวเอง คนเหล่านี้ไม่กลัวที่จะต้องอยู่เพียงลำพังกับตัวเอง ซึ่งตรงข้ามกับภาพของคนโสดในสายตาคนส่วนใหญ่ ที่มักคิดว่า คนโสดคือคนเหงา โดดเดี่ยว แต่เอาเขาจริง คนมีคู่จำนวนไม่น้อย ก็รู้สึกเหงาได้เช่นกัน 

Did You Know ? สถิติความโสด

• จากการสำรวจสำมะโนประชากรและองค์การสหประชาชาติ (UN) ในปี 2023 เผยว่า ปัจจุบันมีคนโสดทั่วโลกมากถึง 2.12 พันล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรโลก และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 35% ภายในปี 2050
• ในเอเชีย ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่มีสัดส่วนคนโสดสูงที่สุด อยู่ที่ 15.5% ของประชากรทั้งหมด
• ในปี 2566 สำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า 1 ใน 5 ของคนไทย เป็น “คนโสด” สัดส่วนสูงถึง 23.9% ของประชากรทั้งประเทศ

สุดท้าย ไม่ว่าจะโสด หรือ ไม่โสด ความสุขจะเกิดได้ อยู่ที่ “วิธีคิด” เป็นสำคัญ มากไปกว่านั้น จงภูมิใจในความเป็นตัวเอง ไม่ว่าจะเราจะอยู่ในสถานภาพใดก็ตาม...