วันนี้ (24 เม.ย.2568) กรุงเทพมหานครประกาศใช้กฎหมายควบคุมการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงฉบับใหม่ โดยจะมีผลบังคับใช้ 10 ม.ค.2569 เพื่อส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์และความปลอดภัยสาธารณะในเขตเมือง กฎหมายกำหนดให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องขึ้นทะเบียนสัตว์ ฉีดวัคซีนป้องกันโรค เช่น โรคพิษสุนัขบ้า และควบคุมพฤติกรรมสัตว์ในที่สาธารณะ เช่น สวมสายจูงและเก็บมูลสัตว์ ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกลงโทษทั้งจำคุกและปรับ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการรณรงค์ทำหมันฟรีและศูนย์พักพิงสัตว์จรจัดเพื่อลดปัญหาการทิ้งสัตว์ กฎหมายนี้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 ของประเทศไทย ซึ่งกำหนดให้ผู้เลี้ยงต้องจัดหาอาหาร น้ำ และที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และห้ามทารุณหรือทิ้งสัตว์ ต่อไปนี้คือภาพรวมกฎหมายการจัดการสัตว์เลี้ยงใน 9 ประเทศอาเซียนที่นอกเหนือจากไทย ซึ่งไทยพีบีเอสออนไลน์ จำแนกออกเป็น 2 หมวดหมู่คือ กลุ่มประเทศที่มีกฎหมายเฉพาะด้านสวัสดิภาพสัตว์ จำนวน 4 ประเทศ และ อีก 5 ประเทศที่ไม่มีกฎหมายเฉพาะด้านสวัสดิภาพสัตว์
ประเทศที่มีกฎหมายเฉพาะด้านสวัสดิภาพสัตว์
1. มาเลเซีย เป็นผู้นำในอาเซียนด้านสวัสดิภาพสัตว์ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยี เช่น Pet Passport และการรณรงค์ทำหมัน
พ.ร.บ.สวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2558 (Animal Welfare Act 2015, Act 772) เป็นกฎหมายหลักที่กำหนดให้ผู้เลี้ยงต้องรับผิดชอบต่อความต้องการพื้นฐานของสัตว์ เช่น อาหาร น้ำ ที่อยู่อาศัยที่สะอาด และการดูแลสุขภาพ การทารุณสัตว์หรือละเลยหน้าที่มีโทษปรับสูงสุด 100,000 ริงกิต (ประมาณ 800,000 บาท) หรือจำคุกสูงสุด 3 ปี
เจ้าของสุนัขต้องลงทะเบียนและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ในเมืองใหญ่ เช่น กัวลาลัมเปอร์ มีระบบ "Pet Passport" เพื่อติดตามประวัติสุขภาพสัตว์ รัฐบาลยังสนับสนุนโครงการทำหมันฟรีและศูนย์พักพิงสัตว์จรจัดเพื่อควบคุมประชากรสัตว์เลี้ยง การบังคับใช้กฎหมายเข้มงวดในเขตเมือง แต่ในพื้นที่ชนบทยังมีข้อจำกัดเนื่องจากขาดบุคลากร
2. ฟิลิปปินส์ มีการรณรงค์ทำหมันและการศึกษาในชุมชนช่วยลดปัญหาสัตว์จรจัดและโรคพิษสุนัขบ้า
พ.ร.บ.สวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2541 (Animal Welfare Act of 1998, Republic Act No. 8485) และการแก้ไขในปี 2556 (Republic Act No. 10631) กำหนดให้ผู้เลี้ยงปฏิบัติตามหลัก 5 Freedoms เสรีภาพจากความหิว ความเจ็บป่วย ความกลัว ฯลฯ การทารุณสัตว์หรือละเลยการดูแลมีโทษปรับสูงสุด 250,000 เปโซ (ประมาณ 150,000 บาท) หรือจำคุกสูงสุด 2 ปี
กฎหมายยังควบคุมร้านค้าสัตว์เลี้ยงและการขนส่งสัตว์ โดยกำหนดมาตรฐานด้านกรงและยานพาหนะ ในเมืองมะนิลาและดาเวา มีระเบียบให้เจ้าของลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงและฉีดวัคซีนป้องกันโรค รัฐบาลร่วมมือกับองค์กร เช่น สมาคมสวัสดิภาพสัตว์แห่งฟิลิปปินส์ (Philippine Animal Welfare Society - PAWS) เพื่อทำหมันและฉีดวัคซีนฟรี อย่างไรก็ตาม ยังพบปัญหาเรื่องการบังคับใช้ในพื้นที่ห่างไกลยังไม่ทั่วถึง

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
3. สิงคโปร์ ระบบไมโครชิปและการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพทำให้สิงคโปร์เป็นแบบอย่างสำหรับเมืองใหญ่
พ.ร.บ.สัตว์และนก (Animals and Birds Act, Chapter 7) และ แนวปฏิบัติสำหรับร้านค้าสัตว์เลี้ยงและสถานที่รับฝากเลี้ยง (Code of Practice for Pet Shops and Boarding Facilities, 2020)
กำหนดให้ผู้เลี้ยงจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและดูแลสุขภาพสัตว์ สุนัขทุกตัวต้องมีใบอนุญาต ฝังไมโครชิป และฉีดวัคซีนป้องกันโรค สุนัขพันธุ์อันตราย เช่น พิทบูล ต้องสวมปลอกคอและสายจูงในที่สาธารณะ และเจ้าของต้องผ่านการฝึกอบรม
การทิ้งสัตว์หรือทารุณสัตว์มีโทษปรับสูงสุด 40,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 1,000,000 บาท) หรือจำคุก 18 เดือน สิงคโปร์มีหน่วยงาน สำนักงานอาหารและสัตวแพทย์ (Agri-Food & Veterinary Authority - AVA) ตรวจสอบสวัสดิภาพสัตว์อย่างเข้มงวด และมีศูนย์พักพิง เช่น สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์ (Society for the Prevention of Cruelty to Animals - SPCA) อย่างไรก็ตาม ค่าครองชีพที่สูงทำให้บางครัวเรือนเลี่ยงการขึ้นทะเบียนสัตว์
4. อินโดนีเซีย รวมหลัก 5 Freedoms ในกฎหมายและการทำงานร่วมกับองค์กรท้องถิ่นช่วยยกระดับสวัสดิภาพสัตว์
กฎหมายหมายเลข 18 พ.ศ.2552 ว่าด้วยปศุสัตว์และสุขภาพสัตว์ (Law No. 18 of 2009 on Husbandry and Animal Health) กำหนดให้ผู้เลี้ยงจัดหาอาหาร น้ำ และที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม การทารุณสัตว์มีโทษปรับสูงสุด 200 ล้านรูเปียห์ (ประมาณ 450,000 บาท) หรือจำคุก 6 เดือน
ในเมืองใหญ่ เช่น จาการ์ตาและบาหลี มีระเบียบให้เจ้าของลงทะเบียนสุนัขและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า รัฐบาลสนับสนุนโครงการทำหมันผ่านความร่วมมือกับองค์กร เช่น เครือข่ายช่วยเหลือสัตว์จาการ์ตา (Jakarta Animal Aid Network) อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายขึ้นอยู่กับรัฐบาลท้องถิ่น ทำให้ประสิทธิภาพแตกต่างกันไป โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่ขาดงบประมาณและบุคลากร

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ประเทศที่ไม่มีกฎหมายเฉพาะด้านสวัสดิภาพสัตว์
5. บรูไน ขาดกรอบกฎหมายและทรัพยากรในการบังคับใช้ ส่งผลให้สวัสดิภาพสัตว์ขึ้นอยู่กับความริเริ่มของชุมชน
บรูไนไม่มีกฎหมายเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยง แต่ใช้ พ.ร.บ.สัตวแพทย์ (Veterinary Surgeons Act) และข้อบังคับด้านสาธารณสุขเพื่อควบคุมการเลี้ยงสัตว์ในที่สาธารณะและป้องกันโรคจากสัตว์สู่คน เช่น โรคพิษสุนัขบ้า
ในเมืองบันดาร์เสรีเบกาวัน เจ้าของต้องควบคุมสุนัขในที่สาธารณะและกำจัดมูลสัตว์ การทารุณสัตว์อาจถูกดำเนินคดีภายใต้ประมวลกฎหมายอาญา แต่ไม่มีบทลงโทษเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยง การจัดการสัตว์จรจัดมักพึ่งพาองค์กร เช่น สมาคมสวัสดิภาพสัตว์บรูไน (Brunei Animal Welfare Society) ซึ่งรณรงค์ทำหมันและรับเลี้ยงสัตว์ การขาดกฎหมายเฉพาะทำให้การคุ้มครองสัตว์ยังไม่ครอบคลุม
6. กัมพูชา การพึ่งพาองค์กรเอกชนและการขาดโครงสร้างกฎหมายทำให้การจัดการสัตว์เลี้ยงไม่ทั่วถึง
กัมพูชายังไม่มีกฎหมายเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยง การควบคุมสัตว์อยู่ในขอบเขตของ อนุบัญญัติว่าด้วยสุขภาพและการผลิตสัตว์ พ.ศ.2546 (Sub-Decree on Animal Health and Production, 2003) ซึ่งเน้นป้องกันโรคระบาด เช่น โรคพิษสุนัขบ้า การทารุณสัตว์อาจถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมายอาญาทั่วไป แต่ไม่มีบทลงโทษชัดเจน
ในพนมเปญและเสียมราฐ มีโครงการฉีดวัคซีนและทำหมันโดยองค์กร เช่น การช่วยเหลือสัตว์กัมพูชา (Animal Rescue Cambodia) และสมาคมสวัสดิภาพสัตว์พนมเปญ (Phnom Penh Animal Welfare Society) การขาดกฎหมายเฉพาะและทรัพยากรจำกัดทำให้ปัญหาสัตว์จรจัดและการทารุณสัตว์ยังคงเป็นความท้าทาย

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
7. ลาว
ลาวไม่มีกฎหมายที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยง แต่ใช้ กฎหมายปศุสัตว์และสัตวแพทย์ พ.ศ.2559 (Livestock and Veterinary Law 2016) ซึ่งมุ่งเน้นการป้องกันโรคระบาดและการจัดการสัตว์ในภาคเกษตรกรรม การทารุณสัตว์อาจถูกดำเนินคดีภายใต้ประมวลกฎหมายอาญา แต่ไม่มีบทลงโทษที่ระบุไว้อย่างชัดเจนสำหรับกรณีนี้
ในกรุงเวียงจันทน์ มีระเบียบที่ควบคุมสุนัขจรจัดและการจัดการของเสียจากสัตว์ องค์กรระหว่างประเทศ เช่น Humane Society International สนับสนุนโครงการทำหมันและฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค แต่โรคที่สามารถตรวจพบได้ (เช่น โรคพิษสุนัขบ้า) สามารถป้องกันได้โดยการใช้มาตรการป้องกัน เช่น การฉีดวัคซีนให้สัตว์เลี้ยง การขาดกรอบกฎหมายที่ครอบคลุมจำกัดประสิทธิภาพของการริเริ่มด้านสวัสดิภาพสัตว์
8. เมียนมา ความไม่มั่นคงทางการเมืองและโครงสร้างพื้นฐานที่อ่อนแอขัดขวางการพัฒนาสวัสดิภาพสัตว์
เมียนมาไม่มีกฎหมายเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยง การควบคุมสัตว์อยู่ภายใต้ กฎหมายสุขภาพและการพัฒนาสัตว์ พ.ศ.2536 (Animal Health and Development Law, 1993) ซึ่งเน้นสุขภาพสัตว์ในภาคเกษตร การทารุณสัตว์อาจถูกดำเนินคดีภายใต้ประมวลกฎหมายอาญา แต่การบังคับใช้แทบไม่มี ในย่างกุ้ง
องค์กร เช่น เครือข่ายสวัสดิภาพสัตว์เมียนมา (Myanmar Animal Welfare Network) รณรงค์ฉีดวัคซีนและทำหมันสัตว์จรจัด ความไม่แน่นอนทางการเมืองและข้อจำกัดด้านทรัพยากรทำให้การพัฒนากฎหมายสัตว์เลี้ยงหยุดชะงัก

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
9. เวียดนาม กฎหมายที่มีอยู่เน้นสุขภาพสัตว์มากกว่าสวัสดิภาพ และการบังคับใช้ยังไม่ครอบคลุม
กฎหมายสัตวแพทย์ พ.ศ.2558 (Law on Veterinary Medicine, 2015) และ กฤษฎีกาหมายเลข 05/2017/ND-CP ควบคุมสุขภาพสัตว์และป้องกันโรค เช่น โรคพิษสุนัขบ้า การทารุณสัตว์ถูกควบคุมภายใต้กฎหมายอาญา พ.ศ.2558 โดยมีโทษปรับสูงสุด 3,000,000 ดอง (ประมาณ 4,000 บาท) หรือจำคุกในกรณีร้ายแรง
ในฮานอยและโฮจิมินห์ มีระเบียบท้องถิ่นให้เจ้าของลงทะเบียนสุนัขและฉีดวัคซีน องค์กร เช่น Animals Asia สนับสนุนการรณรงค์สวัสดิภาพสัตว์ การบังคับใช้กฎหมายยังไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท
ภาพรวม กม.ควบคุมสัตว์เลี้ยงของไทย-แนวโน้มอาเซียน
กฎหมายควบคุมการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงฉบับใหม่ของ กทม. ซึ่งจะบังคับในวันที่ 10 ม.ค.2569 นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับสวัสดิภาพสัตว์และความปลอดภัยสาธารณะในประเทศไทย กฎหมายนี้กำหนดให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องขึ้นทะเบียนสัตว์ ฉีดวัคซีนป้องกันโรค เช่น โรคพิษสุนัขบ้า และควบคุมพฤติกรรมสัตว์ในที่สาธารณะ เช่น การใช้สายจูงและการเก็บมูลสัตว์ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกรับโทษ
นอกจากนี้ กรุงเทพฯ ยังผลักดันโครงการรณรงค์ทำหมันฟรีและจัดตั้งศูนย์พักพิงสัตว์จรจัดเพื่อแก้ปัญหาการทิ้งสัตว์และควบคุมประชากรสัตว์เลี้ยงอย่างยั่งยืน การพัฒนานี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยในการสร้างสังคมที่รับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยง และวางตำแหน่งประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในผู้นำด้านสวัสดิภาพสัตว์ในอาเซียน

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในอาเซียน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียมีกฎหมายสวัสดิภาพสัตว์ที่ชัดเจนและมีการบังคับใช้อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในเขตเมือง ตัวอย่างเช่น สิงคโปร์ใช้ระบบไมโครชิปและใบอนุญาตสุนัขเพื่อติดตามและควบคุมสัตว์เลี้ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนมาเลเซียนำระบบ "Pet Passport" มาใช้เพื่อบันทึกประวัติสุขภาพสัตว์
ในทางกลับกัน บรูไน กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามยังขาดกฎหมายเฉพาะด้านสวัสดิภาพสัตว์ ทำให้การจัดการสัตว์เลี้ยงต้องพึ่งพาความริเริ่มของชุมชนและองค์กรเอกชน เช่น ในกัมพูชา องค์กรอย่าง Animal Rescue Cambodia ดำเนินโครงการทำหมันและฉีดวัคซีน แต่ขาดการสนับสนุนจากกรอบกฎหมาย
ประเทศไทยสามารถเรียนรู้จากจุดแข็งของประเทศที่มีระบบก้าวหน้า เช่น การนำเทคโนโลยีอย่างไมโครชิปมาใช้ในเมืองใหญ่ หรือการพัฒนาระบบลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังเผชิญความท้าทายที่คล้ายกับบางประเทศในอาเซียน เช่น การขาดทรัพยากรและความตระหนักในพื้นที่ชนบท ซึ่งอาจจำกัดการบังคับใช้กฎหมายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
การจัดการปัญหาสัตว์จรจัดและการทารุณสัตว์ในชุมชนห่างไกล ยังคงต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และชุมชน ไทยสามารถพัฒนาแนวทางที่ยั่งยืน เช่น การจัดตั้งหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อดูแลสวัสดิภาพสัตว์ หรือการเพิ่มงบประมาณสำหรับโครงการทำหมันและการศึกษาในชุมชน

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ที่มา : World Animal Protection, กรมปศุสัตว์มาเลเซีย, ราชกิจจานุเบกษาของฟิลิปปินส์, สำนักงานอาหารและสัตวแพทย์แห่งสิงคโปร์, กระทรวงเกษตรของอินโดนีเซีย, รัฐบาลบรูไน, กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของกัมพูชา, ระเบียบปศุสัตว์ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, กระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และชลประทานของเมียนมา, สภาแห่งชาติเวียดนาม, กฎหมายสัตวแพทย์
อ่านข่าวอื่น :
เลี้ยงสัตว์ใน กทม.ต้องรู้ ข้อบัญญัติใหม่ ควบคุมการเลี้ยง-ปล่อยสัตว์
มูลนิธิสัตว์ มองข้อบัญญัติคุมเลี้ยงสัตว์ ตัดโอกาส "หมา-แมวจร" ได้บ้านใหม่
เทรนด์เลี้ยงสัตว์ยังโต จาก เลี้ยงแบบสมาชิกในครอบครัว - สู่ช่วยสร้างรายได้
เลี้ยงสัตว์ใน กทม.ต้องรู้ ข้อบัญญัติใหม่ ควบคุมการเลี้ยง-ปล่อยสัตว์