ปัญหา #ค่าไฟแพง เรื่องสำคัญใกล้ตัวทุกคน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างยิ่งยวด ด้วยเหตุนี้จึงมีการหาวิธี #ลดค่าไฟ ทำให้ค่าไฟถูกลง ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ถูกพูดถึงมากก็คือ การติดตั้ง “โซลาร์เซลล์” #ThaiPBS จึงขอนำเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแผงผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์มาให้ได้ทราบ เพื่อสร้างความเข้าใจมากขึ้นก่อนตัดสินใจติดตั้ง “โซลาร์เซลล์” ที่บ้าน
โซลาร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop)
คือระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา โดยใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Module) ที่ติดตั้งบนหลังคาที่พักอาศัยหรืออาคารต่าง ๆ รับพลังงานแสงเข้ามาเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสตรง ก่อนส่งไปยังเครื่องแปลงไฟ (Inverter) เพื่อเปลี่ยนจากไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ แล้วนำพลังงานไฟฟ้าที่ได้ไปใช้งานต่อไป
การติดตั้ง “โซลาร์เซลล์” มี 2 ประเภทหลัก ๆ
Off Grid
ส่วนใหญ่เป็นการใช้แบตเตอรีจึงไม่เชื่อมต่อกับการไฟฟ้าฯ ดังนั้นไม่ต้องขออนุญาตกับการไฟฟ้าฯ หรือกับหน่วยงานราชการต่าง ๆ
On Grid
“โซลาร์เซลล์” แบบที่ติดบนหลังคาบ้าน คือแบบออนกริด เชื่อมต่อกับไฟของการไฟฟ้าฯ ดังนั้นต้องมีการขออนุญาตกับการไฟฟ้าฯ และหน่วยงานราชการต่าง ๆ โดยแบบ On Grid จะมี 2 ชนิดคือ แบบขายไฟ กับแบบไม่ขายไฟ ซึ่งทั้งคู่ต้องมีการขออนุญาต หากติดตั้งแบบไม่ขายไฟสามารถใช้มิเตอร์เดิม แล้วติดอุปกรณ์รีเลย์ เพื่อกันไฟย้อนกลับเข้าสู่ระบบ ก็สามารถใช้ไฟฟ้าภายในบ้านตัวเองได้เลย หากติดตั้ง “โซลาร์เซลล์” On Grid แบบขายไฟ ต้องเปลี่ยนมิเตอร์เป็นแบบดิจิทัล เพื่อแยกไฟฟ้า ซื้อกับขาย
การติดตั้ง “โซลาร์เซลล์” ขนาดเท่าใด ให้พิจารณาจากค่าไฟ
เช่น ค่าไฟ 100 บาท ก็ควรติดตั้งโซลาร์เซลล์ 50 บาท เนื่องจากเราใช้ไฟได้เฉพาะกลางวัน เหลือเอาไปใช้ต่อไม่ได้ (อยากเก็บไฟไว้ใช้กลางคืน ต้องมี Storage สำหรับเก็บไฟฟ้า) จะติดตั้งกี่กิโลวัตต์ ก็คำนวณจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าประมาณ 50% เป็นต้น
“โซลาร์เซลล์” กับการคืนทุน
ขึ้นอยู่กับการใช้งาน หากใช้ไฟช่วงกลางวันเยอะ ผลิตมาแล้วใช้หมดก็ถือว่าคุ้ม แต่หากผลิตมาแล้วเหลือทิ้ง หรือขายคืนการไฟฟ้าฯ จะได้มูลค่าน้อย
หากที่บ้านใช้ไฟฟ้าประมาณเดือนละ 3,000 บาท ควรติดตั้งที่ 5 กิโลวัตต์ ราคาประมาณ 2-3 แสนบาท หากไม่มี Storage หรือแบตเตอรีเก็บไฟ จะประหยัดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 1,000-2,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวันด้วย โดยการคืนทุนในการติดตั้ง “โซลาร์เซลล์” บนหลังคาบ้านจะอยู่ที่ประมาณ 6-7 ปี หากใช้ไฟกลางวันเยอะ หรืออาจจะ 10 กว่าปีหากใช้ไฟกลางวันน้อย
ส่วนคนที่กลางวันไม่อยู่บ้าน แต่อยากเก็บไฟไว้ใช้กลางคืน ต้องมีงบประมาณเพิ่มสำหรับติดตั้ง Storage เพื่อเก็บไฟฟ้า
เลือกชนิด “โซลาร์เซลล์” ให้เหมาะสม
เนื่องจากโซลาร์เซลล์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติ และราคาแตกต่างกัน เช่น แผ่นโซลาร์เซลล์แบบผลึกเดี่ยว แผ่นโซลาร์เซลล์แบบผลึกรวม หรือแผ่นโซลาร์เซลล์แบบฟิล์มบาง เป็นต้น ดังนั้นควรเลือกให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การนำไปผลิตกระแสไฟฟ้า รวมถึงสถานที่ติดตั้ง เช่น พื้นที่มีความเข้มของแสงต่ำ หรือพื้นที่มีอุณหภูมิสูง เป็นต้น
อายุการใช้งาน และการดูแลรักษา
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนซื้อคือ “ประกัน” โดยมาตรฐานการรับประกันสินค้าจะอยู่ที่ 10 ปี ขณะที่การรับประกันประสิทธิภาพของแผงจะอยู่ที่ 25 ปี
สำหรับสิ่งที่ต้องดูแลก็คือ ระบบแผงควบคุมโดยสังเกตให้อยู่ในสภาพปกติ และแผงโซลาร์เซลล์ต้องสะอาด นอกจากนี้อินเวอร์เตอร์ หรือตัวแปลงไฟ ควรอยู่ในห้องที่อากาศถ่ายเท แสงแดดส่องไม่ถึง เนื่องจากจะทำให้เครื่องเสื่อมสภาพ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : ดุสิต สุขสวัสดิ์ อาจารย์ประจำวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิทยาศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง