ชีวิตทุกวันนี้มีรายจ่ายมากมาย ทั้งการกินใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงของใช้ที่จำเป็น อาจรวมไปถึงของใหญ่ที่เป็นภาระหนี้นานหลายปี และจากข้อมูลเรื่องภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2566 ของ สภาพัฒน์ฯ เปิดเผยว่าวัยทำงานอายุต่ำกว่า 50 ปี ส่วนใหญ่เป็นหนี้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย รองลงมาเป็นหนี้รถยนต์ หนี้ส่วนบุคคล หนี้อื่น ๆ และหนี้บัตรเครดิต โดยในช่วง COVID-19 มีการกู้เพื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น แต่เมื่อมีหนี้แล้ว ก็ยิ่งทำให้การใช้จ่ายในแต่ละวันให้ผ่านพ้นเดือนยากลำบากขึ้นไปอีก แต่จะทำอย่างไรให้เราพอมีเงินเก็บไว้บ้าง เผื่อไว้ใช้ยามจำเป็นและสร้างกำลังใจในการทำงาน
เทคนิคเก็บเงินอยู่ แม้เป็นหนี้
- มีหนี้ได้ แต่ไม่ควรเกิน 50 %
มีหนี้ไม่เกิน 50 % ของรายได้แบบคงที่ทุกเดือน ไม่นับรวมเงินโอที หรือเงินที่ได้จากส่วนอื่น เพราะหากฉุกเฉินเงินก้อนอื่น ๆ ที่เคยได้รับ ถ้าเกิดวิกฤตไม่ได้เหมือนเดิมอาจประสบปัญหาทางการเงินในการใช้หนี้แน่ ๆ
- ตั้งสติก่อนซื้อ
ซื้อของที่จำเป็นเท่านั้น แม้จะเจอในราคา Sale ที่ชวนให้ควักเงินออกจากกระเป๋า หรือถ้าเป็นของจำเป็นให้คิดก่อนว่าเงินที่มีเพียงพอไหม ให้กลับมาคิดทบทวน ก่อนจ่ายเงินซื้อ เพื่อให้มีเงินใช้พอในแต่ละเดือนและเพิ่มเงินเก็บ
- เก็บเงินออมเท่าที่จะทำได้ และต่อเนื่อง
ตั้งเป้าออมเงินในจำนวนที่คิดว่าไหว และทำได้ต่อเนื่องแบบไม่ลดเงิน แม้จำนวนเงินเก็บอาจไม่มาก อาจไม่ถึงเกณฑ์ที่ตั้งกันไว้ แต่ช่วยสร้างกำลังใจไปพร้อมจ่ายหนี้ เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น เพิ่มเงินในการเก็บออมขึ้น
- บัตรเครดิต รูดแต่ละเดือนเท่าไรจ่ายให้ครบ
เพราะเป็นบัตรที่ใช้ง่าย พกพาสะดวก แต่ก็อาจทำให้เกิดหนี้เพิ่มได้เหมือนกัน เมื่อใช้จ่ายแต่ละเดือนเท่าไร ก็ควรจ่ายให้ครบ ไม่แนะนำให้ผ่อนชำระ เพราะดอกเบี้ยอาจถึง 16 % ต่อปี แล้วยังต้องนำเงินมาจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มในแต่ละเดือน
- ออมเงินจนได้เงินก้อนแนะให้นำไปลงทุน
เมื่อออมเงินจนได้เงินก้อนแนะให้นำไปลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่สามารถรับได้ นอกนั้นอาจไปออมแบบไม่เสี่ยงมากแจกเงินฝาก พันธบัตร หุ้นกู้
ตัวอย่างการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น กองทุน ตามอายุ
100 - อายุเจ้าของเงินออม = ได้เท่าไร คือจำนวนที่แนะเอาไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
ยิ่งอายุน้อยยิ่งลงทุนเสี่ยงได้เยอะ และมีระยะเวลาเล่นได้นานกว่า แต่แนะนำให้เอามาผสมผสานการลงทุนไม่เสี่ยงมาก ให้เหมาะกับความเสี่ยง ความคาดหวัง และเป้าหมายในการลงทุนได้ปีละกี่ 10 % เพื่อวางแผนไปยังวัยเกษียณได้
เป็นหนี้บัตรฯ คลินิกแก้หนี้ช่วยได้
เป็นหากคุณประสบปัญหาเป็นหนี้บัตรฯ ค้างชำระอยู่ ก็มียังมีตัวช่วย กับ โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่ช่วยรวมหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ไว้ในที่เดียว กับดอกเบี้ยต่ำ 3-5% ต่อปี ผ่อนได้นานสูงสุด 10 ปี
คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ
- เป็นบุคคลธรรมดา ที่มีรายได้ อายุไม่เกิน 70 ปี
- เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันของสถาบันที่เข้าร่วมโครงการ
- เป็นหนี้เสีย (NPL) ค้างชำระมากกว่า 120 วัน (ตามรายงานเครดิตบูโร ณ เดือนปัจจุบันต้องมีสถานะค้างชำระตั้งแต่ 121-150 วันขึ้นไป)
- หนี้รวมไม่เกิน 2 ล้านบาท
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Call Center 1443 (เวลา 09.00 - 19.00น. ทุกวัน)
www.debtclinicbysam.com
ที่มา : สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
รายการเศรษฐกิจติดบ้าน ตอน เทคนิคการจัดการหนี้แบบมีเงินออม