วันนี้ (19 เม.ย.2568) นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช เจ้าของรถ BMW เดินทางมาเดินทางมาที่ สภ.ลำลูกกา พร้อมพ่อ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ นายกเบี้ยว นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี พร้อมกับพวงมาลัย 2 พวง เพื่อมาพบลูกของคู่กรณี ทันทีที่ลงจากรถ ผู้สื่อข่าวพยายามเข้าไปสัมภาษณ์ แต่นายกเบี้ยว บอกว่า
พอแล้ว พอแล้วนะ วันนี้ตั้งใจมาขอโทษ
จากนั้นนายสมิทธิพัฒน์ และนายกเบี้ยว เดินทางเข้าไปพบพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปด้านใน
นายกเบี้ยว พร้อมลูกชายเดินทางมาขอโทษครอบครัวรถกระบะ คดีชนบนทางด่วน
นายกเบี้ยว พร้อมลูกชายเดินทางมาขอโทษครอบครัวรถกระบะ คดีชนบนทางด่วน
เมื่อลูกสาวและลูกชายคู่กรณี เดินทางมาถึง นายสมิทธิพัฒน์ กล่าวขอโทษลูก และพ่อแม่ผู้บาดเจ็บด้วยเสียงสั่นเครือ ระบุว่า
พร้อมรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล และค่าซ่อมแซมรถทั้งหมด หลังเกิดเหตุ ที่ไม่ได้เข้าไปดูแลผู้บาดเจ็บ เพราะตกใจ รู้สึกผิดที่ทำให้ทั้งสองคนบาดเจ็บ และขอให้สังคมให้โอกาส
ลูกสาวคู่กรณีคดีชนบนทางด่วน
ลูกสาวคู่กรณีคดีชนบนทางด่วน
จังหวะนั้นนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ผู้รับเรื่องร้องเรียน พยามเข้าไปสอบถามนายสมิทธิพัฒน์ว่า ทำไมถึงไม่เรียกรถพยาบาล ทำให้นายกเบี้ยว พาลูกชายออกจากวงสัมภาษณ์ แต่ยืนยันพร้อมขอโทษคู่กรณี จากนั้นเดินทางกลับทันที
ด้านลูกสาวคู่กรณีบอกว่า ต้องการขอคำโทษด้วยความจริงใจ และยอมรับผิดต่อการกระทำของตัวเอง
อยากให้เรามั่นใจเรื่องความปลอดภัยทั้งร่างกายและจิตใจ
ร่องรอยรถ BMW ของกลางในคดีชนบนทางด่วน
ร่องรอยรถ BMW ของกลางในคดีชนบนทางด่วน
นำรถของกลางส่งมอบตร.-พบร่องรอยท้ายรถ
ขณะที่รถ BMW ทะเบียนป้ายแดง ท-6523 กรุงเทพมหานคร ของนายสมิทธิพัฒน์ ถูกส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา ด้านท้ายรถ มีร่องรอยเสียหาย ซึ่งนายสมิทธิพัฒน์อ้างว่า เป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นบริเวณทางออกด่านเก็บเงิน ถูกรถกระบะคู่กรณีเบียด จนรถของตัวเอง ครูดกับแบริเออร์
พนักงานสอบสวนตรวจสอบรถ BMW เบื้องต้น ก่อนส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดปทุมธานี ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง พร้อมกับประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบร่องรอยเฉี่ยวชน รวมทั้งต้องเก็บหลักฐานเพิ่ม ในจุดที่นายสมิทธิพัฒน์อ้างว่า ชนแบริเออร์ เพื่อสรุปว่าเป็นจุดใด
ตำรวจตรวจสอบพบรถ BMW ซื้อมาจากศูนย์ เมื่อวันที่ 26 เม.ย.2567 มีหนัง สือยืมป้ายแดง พร้อมกับหนังสือกำกับป้ายแดงของศูนย์ มีการวางมัดจำป้ายแดงไว้จำนวนเงิน 10,000 บาท
ซึ่งนายสมิทธิพัฒน์ ได้เซ็นชื่อกำกับไว้ในเอกสารดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่า ป้ายแดงที่ติดรถ BMW เป็นป้ายทะเบียนของจริง ได้รับการอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกอย่างถูกต้อง และนำมาใช้ได้
ส่วนรถกระบะคู่กรณี ตำรวจทางหลวง นำมามอบให้ตำรวจ สภ.ลำลูกกา สภาพหน้าและล้อรถพังเสียหาย ซึ่งตำรวจจะตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนส่งต่อให้กับกองพิสูจน์หลักฐาน จ.ปทุมธานีด้วยเช่นกัน
รับทราบ 4 ข้อหาคดีอาญา-3 ข้อหาคดีจราจร
สำหรับความผิดของนายสมิทธิพัฒน์ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ คดีจราจรและคดีอาญา สำหรับคดีจราจรนายสมิทธิพัฒน์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหากับตำรวจสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เย็นวานนี้
ตำรวจทางหลวงแจ้ง 3 ข้อกล่าวหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นอันตรายกับบุคคลอื่น ใบขับขี่หมดอายุ นำรถที่ยังไม่ได้จดทะเบียนมาใช้ นายสมิทธิพัฒน์ให้การรับสารภาพ ตลอดข้อกล่าวหา ปรับข้อหาละ 2,000 บาท รวม 6,000 บาท
ส่วนคดีอาญานายสมิทธิพัฒน์ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา เมื่อคืน เพื่อรับทราบ 4 ข้อหาคือทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส กรณีคนขับรถกระบะ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ กรณีภรรยาคนขับรถกระบะ ซึ่งเป็นผู้โดยสาร ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และทำให้เสียทรัพย์
พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ภายหลังจากได้รับสำนวนจากตำรวจทางหลวง พนักงานสอบสวน ได้ไปสอบปากคำผู้เสียหาย รวมทั้งแพทย์ที่รักษาคนขับรถ กระบะ เบื้องต้นแจ้ง 4 ข้อหา ส่วนจะเข้าข่ายพยายามฆ่าหรือไม่ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม
เบื้องต้นที่แจ้งข้อหาแค่นี้ก่อน ส่วนข้อหาพยายามฆ่าที่สังคมและสื่อออกไป เมื่อออกมาต้องมีพยานหลักฐานเพิ่มเติม รวมทั้งรถคันที่เกิดเหตุต้องตรวจพิสูจน์ก่อน
ยัน "พีช" ยังอยู่ในสถานะผู้สมัคร สท.
นายสมิทธิพัฒน์ เป็นผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลตำบลธัญบุรี เขต 2 ที่กำลังจะมีการเลือกตั้งในเดือนพ.ค.นี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปทุมธานี ชี้แจงว่า นายสมิทธิพัฒน์ ยังมีสถานะ ป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง สท.อย่าง สมบูรณ์ เนื่องจากคดีความยังไม่ถึงที่สุด เพราะมาตรา 50 ของพ.ร.บ.การเลือกตั้งท้องถิ่น ลักษณะต้องห้าม จะมีผลต่อเมื่อมีคำพิพากษาจากศาลเท่านั้น
อ่านข่าว
ตร.จ่อออกหมายเรียก "ลูกพีช" คดีขับรถหรูชนกระบะบนทางด่วน
"นายกเบี้ยว" เยี่ยม 2 คนเจ็บ เหตุลูกชายขับรถหรูชนกระบะ