รู้หรือไม่...? วันที่ 27 กันยายน คือ "วันท่องเที่ยวโลก" องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ได้กำหนดให้วันที่ 27 กันยายนของทุกปี เป็นวันท่องเที่ยวโลก ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ทุกคนได้ตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญของการท่องเที่ยว ที่ส่งผลกระทบต่อสังคม วัฒนธรรม และมูลค่าทางเศรษฐกิจที่มีต่อการท่องเที่ยวทั่วโลก อันนำไปสู่การกำหนดบทบัญญัติแผนการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวสากลในอนาคต
และเนื่องด้วยวันท่องเที่ยวโลกนี้เอง แอดมินขอเอาใจสายเที่ยว แนะนำ 5 สถานที่เที่ยวในประเทศไทย ให้ทุกคนได้ตามไปเช็กอิน รับรองว่าคุณจะได้ดื่มดำกับธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ ให้ธรรมชาติฮีลใจคุณ
1. เกาะลิบง สวรรค์กลางทะเล จ.ตรัง
สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อที่พลาดไม่ได้หากมาจังหวัดตรัง นั่นคือ "เกาะลิบง" เกาะสวรรค์กลางทะเล ถือว่าเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดตรัง ที่นี่เราสามารถพบฝูงพะยูนได้มากที่สุดในประเทศไทย โดยเราสามารถชมฝูงพะยูนได้ที่ "ยอดเขาบาตูปูเต๊ะ"
เกาะกลางทะเลที่มีจุดชมพะยูนธรรมชาติ เมื่อปีนขึ้นไปถึงยอดเขาแล้ว เราสามารถมองวิวทะเลอันดามันกว้างไกลสุดสายตา ได้แบบ 360 องศา การจะขึ้นมาข้างบนเพื่อให้ได้พบเห็นฝูงพะยูน เราควรต้องเช็กตารางน้ำขึ้น - ลง เพื่อจะได้ไม่เสียเที่ยว ปัจจุบันมีประชากรพะยูนในประเทศไทยประมาณ 250 ตัว โดยถิ่นที่อยู่อาศัยของพะยูนจะอยู่บริเวณฝั่งที่มีแหล่งหญ้าทะเล หากมองภาพมุมสูงแล้ว จะทำให้ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของพะยูนได้อย่างน่าประทับใจ
นอกจากนี้เกาะลิบงยังมีไฮไลต์อีกอย่างที่ห้ามพลาด คือ "สะพานหิน" ประติมากรรมที่สร้างจากธรรมชาติโดยการกัดเซาะของน้ำทะเล ทำให้มีรูปร่างคล้ายกับสะพาน มีช่องว่างด้านล่าง เมื่อมองแล้วเหมือนสะพานที่ทำจากหิน ถือเป็นจุดเช็กอินถ่ายรูปที่ห้ามพลาด !!
รับชมความงามของธรรมชาติและน้องพะยูนได้ในรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค ตอน ตะลุยตรัง สวรรค์เมืองติดทะเล
2. เขาหลัก สวรรค์แห่งทะเลอันดามัน จ.พังงา
จังหวัดพังงา คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงแต่ทะเล แต่จริง ๆ แล้วจังหวัดพังงา มีสายน้ำจืดธรรมชาติที่แอบซ่อนอยู่ อย่าง "วังเคียงคู่" ที่นี่เราสามารถล่องแพไม้ไผ่ เป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ล่องแพไม้ไผ่ไปตามลำธารที่ไหลมาจาก อุทยานแห่งชาติเขาหลัก - ลำรู่ บรรยากาศของเส้นทางโอบล้อมไปด้วยพื้นป่าเขียวขจี และมีน้ำใสไหลเย็นตลอดทั้งปี เย็นสบาย นับว่าเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างยิ่ง
มาลองล่องแพไม้ไผ่วังเคียงคู่ไปด้วยกันได้ในรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค ตอน เที่ยววิถีชุมชนใต้ สวรรค์แห่งทะเลอันดามัน จ.พังงา
3. อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง
อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยและต่างชาติ โดยจุดเช็กอินที่เราจะชวนไปคือ "เกาะทะลุ" จุดดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกหลายจุด ที่เราสามารถลงไปแหวกว่ายชมโลกใต้ทะเล ซึ่งเต็มไปด้วยแนวปะการังที่สมบูรณ์และเหล่าปลาน้อยใหญ่มากมาย เหมาะแก่การดำน้ำแบบ Free Diving ที่เป็นการดำน้ำที่รบกวนธรรมชาติน้อยที่สุด
นอกจากการดำน้ำแล้ว ภายในพื้นที่ของอุทยาน ฯ ยังมีจุดชมวิวเขาแหลมหญ้า ที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมาะแก่การเดินเล่นชมธรรมชาติ ชมวิวภูเขาและท้องทะเล โดยเฉพาะการได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า ถือเป็นอีกหนึ่งความประทับใจของการเดินทาง
ชวนดำน้ำชมความงดงามใต้ท้องทะเล แบบรบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุดในรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค ตอน กินลม ชมทัศนียภาพ ที่น่านน้ำตะวันออก จ.ระยอง
4. อุทยานแห่งชาติแม่ปิง จ.ลำพูน
หากพูดถึงจังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดของภาคเหนือ คงหนีไม่พ้นจังหวัดลำพูน มุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติแม่ปิง อีกหนึ่งสถานที่ในลำพูนที่เต็มไปด้วยที่เที่ยวทางธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "น้ำตกก้อหลวง" น้ำตกหินปูนที่เกิดจากลำน้ำในห้วยแม่ก้อ เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ มีทั้งหมด 7 ชั้น และมีจุดเด่น คือสีของน้ำที่เป็นสีฟ้าอมเขียว สะอาดใสเหมือนน้ำทะเล
ใกล้ ๆ กัน "น้ำตกตาดสะดอ" เป็นน้ำตกที่อยู่ในเส้นทางเดียวกับน้ำตกก้อหลวง ที่ไหลตกลงมาจากผาหินสูงประมาณ 15 เมตร ลงมายังแอ่งน้ำสีมรกต บริเวณหน้าผามีลานหินงอกออกมาคล้ายหินย้อยดูแปลกตา
ชมความงดงามของน้ำตกหินปูนที่เกิดจากธรรมชาติได้ในรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค ตอน สุขกับเส้นทางธรรมชาติ เหนือน้ำกลางป่า จ.ลำพูน
5. อุทยานแห่งชาติแม่เงา จ.แม่ฮ่องสอน
อุทยานแห่งชาติแม่เงา มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่โดดเด่น คือ "แม่น้ำเงา" แม่น้ำที่มีความใสสะอาดจนมองเห็นเงาในน้ำได้ชัดเจน เป็นลำน้ำที่ไหลเลาะคดเคี้ยวไปตามเกาะแก่งต่าง ๆ เหมาะสำหรับการนั่งเรือชมธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำ
นอกจากนี้เราสามารถออกเดินทางไปทำความรู้จักเส้นทางเดินป่าที่อุทยานแห่งชาติแม่เงา ด้วยการเดินเท้าเข้าป่าชม "น้ำตกแม่อุมแฮด" น้ำตกหินปูนกลางป่าที่มีความสวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสุดอันซีนอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่เกิดจากน้ำในหลาย ๆ ห้วยไหลมารวมกัน
น้ำตกแม่อุมแฮดมีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นจะมีความงดงามที่แตกต่างกันไป มาที่นี่ถือเป็นการเดินป่าระยะสั้น ที่ทำให้เราได้สัมผัสธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ที่โอบล้อมไปด้วยป่าไม้สีเขียวขจี ยังคงความเป็นธรรมชาติ เพราะยังไม่มีการถูกดัดแปลง หรือปรุงแต่งด้วยฝีมือมนุษย์ ยิ่งถ้าหากได้มาในช่วงที่หมดหน้าฝน น้ำในน้ำตกแม่อุมแฮดแห่งนี้จะใสและสวยงามมาก นอกจากการเดินป่าศึกษาธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์ ที่ชื่นชอบการผจญภัยกลางสายน้ำ อย่างการนั่งเรือแคนู ล่องแม่น้ำเงา ก็ได้บรรยากาศการท่องเที่ยวอีกมุมมอง ที่สามารถมองเห็นน้ำใส ๆ ผ่านแก่งต่าง ๆ ให้ได้ตื่นเต้นเป็นบางจังหวะ
ลองมาสัมผัสสายน้ำใสที่จะทำให้คุณสดชื่นขึ้นได้ในรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค ตอน สัมผัสสายลมหนาวเมืองสามหมอก จ.แม่ฮ่องสอน