ไขปริศนามัมมี่พันปี ใช่ "มนุษย์ต่างดาว" หรือไม่ ?

ฮือฮากันไปทั่วโลก เมื่อ "เจมี มอสซัน" ผู้สื่อข่าวที่เกาะติดเรื่องปรากฏการณ์ผิดปกติที่ระบุไม่ได้ นำซากของสิ่งมีชีวิตสองร่างที่ถูกบรรจุอยู่ในโลง โดย "อ้างว่ามาจากนอกโลก" มาแสดงในรัฐสภาของเม็กซิโก ซึ่งระบุด้วยว่า ทั้งสองร่าง ถูกค้นพบในประเทศเปรูเมื่อปี 2017 มีอายุประมาณ 700 ปี และ 1,800 ปี มือแต่ละข้างมีเพียง 3 นิ้ว และมีศีรษะที่ยาวยืด เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก ว่านี่น่ะหรือ คือ "มนุษย์ต่างดาว" หรือ "เอเลียน" ที่เขาว่ากัน

สรุปแล้วสิ่งมีชีวิตนอกโลกมีจริงไหม ?
มัมมี่เอเลียนพันปีที่ถูกนำมาแสดงนั้น ใช่เอเลียนจริงหรือเปล่า ?
แล้วจะมีวิธีพิสูจน์อย่างไร ?

ร่วมหาคำตอบในประเด็นนี้กับ ดร. มติพล ตั้งมติธรรม นักวิชาการดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)

“พบ DNA ของสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ ไม่รู้ว่าคืออะไร จริง ๆ มันฟังดูแล้วมันก็ตลกมากนะครับ” ดร. มติพล กล่าวถึงสิ่งที่ผู้สื่อข่าวเจมี มอสซัน ระบุในรัฐสภาของเม็กซิโก โดย ดร. มติพล อธิบายว่า ฟังแล้วคงดูแปลกที่พบ DNA ของสิ่งที่ไม่รู้ที่มา จากซากศพที่วางอยู่บนผ้าสีขาวที่อยู่ในโลงอย่างดี มีเศษทรายโรยอยู่รอบตัว แล้วอ้างว่าเป็นซากของมนุษย์ต่างดาว

การพบซากสิ่งมีชีวิตที่ระบุว่าเป็น "เอเลียน" โดยอ้างว่า พบ DNA ของสิ่งที่ไม่รู้ว่าคืออะไร แล้วรู้ได้อย่างไรว่า มนุษย์ต่างดาวจะต้องมี DNA เหมือนเรา? ดร. มติพล ตั้งข้อสังเกต

ดร. มติพล อธิบายว่า เรื่องราวของซากสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้ว่า คืออะไร แต่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็น “มนุษย์ต่างดาว” นั้น ก็เปรียบเหมือนกับการถุยน้ำลายแล้วไปป้ายในเครื่องตรวจโควิด-19 และผลออกมาเป็นลบ และไปอ้างว่าเครื่องตรวจนี้ พบ DNA ของสิ่งที่ไม่รู้ว่าคืออะไร เพราะไม่ใช่โควิด-19 แน่ ๆ ขณะเดียวกันก็ไม่ได้แปลว่า น้ำลายนั้นเป็นของมนุษย์ต่างดาว ฉะนั้น การที่เอาหลักฐานมาอ้างว่า เจอ DNA ของสิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร “มันประหลาด” มากจริง ๆ

“ผมว่าจริง ๆ มันประหลาดกว่านั้นอีกคือ สมมติผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ แล้วเขาส่งให้ผมไป เพราะเจอเอเลียนตกลงมาบนโลกจริง ๆ ผมไม่คิดว่ามันมี DNA ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เพราะ DNA เป็นสารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลก คุณรู้ได้อย่างไร ว่ามนุษย์ต่างดาวต้องมี DNA เหมือนเรา มันอาจจะเป็นศาสตร์ อื่นของพันธุกรรมก็ได้”

สำหรับหลักในการตรวจ DNA นั้น โดยปกติจะมีแม่แบบ DNA ซึ่งจะเป็นรหัสเพื่อที่จะเข้าคู่กันหากลงล็อก ดังนั้น หากต้องการหาว่าเป็นอะไร จะต้องมีรหัสพันธุกรรม เพื่อตรวจว่าเข้าคู่กับอีกรหัสพันธุกรรมอื่นหรือไม่

มนุษย์ต่างดาว มีจริงไหม ?

หากถามตรง ๆ ในมุมของ “นักดาราศาสตร์” คนที่ทำอาชีพนี้ เขาเชื่อจริง ๆ หรือไม่ว่า “สิ่งมีชีวิตนอกโลก มีอยู่จริง?” ดร. มติพล ในฐานะนักดาราศาสตร์คนหนึ่ง ให้ความเห็นว่า นักดาราศาสตร์ส่วนมาก “น่าจะเชื่อว่า มีสิ่งมีชีวิตอยู่นอกโลกจริง ๆ” แต่นักดาราศาสตร์ส่วนมากเชื่อว่า ทุกวันนี้ยังไม่มีหลักฐานว่ามีอยู่ หรือว่าเจอ

“เราเชื่อว่าน่าจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในจักรวาลนี้เยอะมาก แต่ยังรอคอยการค้นพบอยู่ เรายังหาไม่เจอนะครับ ไม่ต้องพูดไปถึงว่าเขาเคยมาเยือนโลกนะครับยังไม่มีหลักฐาน” ดร. มติพล กล่าว

ทั้งนี้ หากดูในแง่ความจริง นักวิทยาศาสตร์ส่วนมาก ใช้หลักฐานมาพูดคุย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การไม่พบ ไม่เจอ แปลว่ามนุษย์ต่างดาวไม่ได้อยู่บนโลก เพียงแต่ยังไม่เคยพบหลักฐานจริง ๆ ที่จะอธิบายได้ว่า เคยมีมนุษย์ต่างดาวมาเยือน และหากมาเยือนในลักษณะที่ไม่เหลือหลักฐานเอาไว้เลย แต่มีคนบางคน “บังเอิญไปถ่ายรูปได้” โดยที่รูปนั้น ก็ “บังเอิญไม่ชัด” พอดีด้วย ทำให้หลักฐานมันไม่สอดคล้องกัน

หากตอบในฐานะนักดาราศาสตร์ ถ้าสมมติว่าพบเจอมนุษย์ต่างดาวจริง ๆ บอกทั้งโลกแน่นอน ใครก็ปิดไม่อยู่ เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะต้องแอบไปกระซิบถามรัฐบาล แล้วให้รัฐบาลตัดสินว่าสามารถเปิดเผยได้ไหม เพราะเชื่อว่าคงไม่มีใครสนใจ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครห้ามไม่ให้บอกคนอื่นได้

“มัมมี่เอเลียนพันปี” ฟันธงได้หรือยัง ใช่-ไม่ใช่ ของจริง?

ดร. มติพล อธิบายในเชิงยกตัวอย่างว่า สมมตินักวิทยาศาสตร์แถลงข่าวพบอุกกาบาตก้อนหนึ่งที่มาจากดาวอังคาร ซึ่งในนั้นมีสิ่ง ๆ หนึ่งที่เหมือนจะเป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตอยู่ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องนำอุกกาบาตมาแสดง เพียงแค่รายงานผล รายงานภาพกับกล้องอิเล็กตรอน ขณะที่ “มัมมี่เอเลียนพันปี” ไม่มีหลักฐานอะไรเลย มีเพียงศพที่อ้างว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว ถูกจัดวางอยู่ในกล่องที่มีฝาเป็นกระจกให้มองเห็นได้ แล้วก็มีเศษทรายโรยอยู่ มีการเตรียมตัว เตรียมการแสดง ทำให้บ่งชี้ว่า “คนที่นำเสนอสนใจเรื่องภาพลักษณ์มากกว่าเรื่องผลงาน”

การพิสูจน์ความจริง เรื่องมนุษย์ต่างดาว ?

ดร. มติพล ฝากข้อมูลไว้ประกอบการตัดสินใจว่า ควรจะเลือก “เชื่อ” คำกล่าวอ้างการค้นพบมนุษย์ต่างดาว ได้อย่างไร โดยระบุว่า สังเกตได้จากผู้ที่กล่าวอ้างว่าสิ่งนี่คือ มนุษย์ต่างด้าวนั้น ผลัก Burden of Proof หรือ ภาระการพิสูจน์ไปที่ไหน ซึ่งหากเป็นงานวิจัยจริง ๆ หน้าที่ของนักวิจัยคือ นำหลักฐานขึ้นมาอ้างว่า เชื่อว่าเป็นอย่างนี้เพราะอะไร หลักฐานบ่งชี้อย่างไร

ในทางกลับกัน หากไม่มีหลักฐานที่จะบอกว่าเป็นอะไรก็เลยต้องเป็นมนุษย์ต่างดาว เหมือนกับการทิ้งภาระการพิสูจน์เอาไว้ให้เป็นของคนอื่น ซึ่งไม่ใช่หลักการที่ถูกต้อง

ดังนั้น ใครก็ตามที่มีคำกล่าวอ้างก็เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องพิสูจน์ ยิ่งคำกล่าวอ้างเวอร์วังแค่ไหน ภาระการพิสูจน์ก็ต้องหนักขึ้นเท่านั้น ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานที่จะให้เชื่อว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวจริง ๆ จึงไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องเชื่อ

ล่าสุด ทีมแพทย์เม็กซิโกเร่งตรวจสอบร่างของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ หลังถูกนำออกมาแสดงภายในรัฐสภาเม็กซิโก ในระหว่างการอภิปรายเกี่ยวกับปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่อาจระบุได้ หรือ UAP เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพแห่งกองทัพเรือ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบทั้งหมด 3 ครั้ง ด้วยซีที สแกน การเอกซเรย์ทั่วไปและการตรวจอวัยวะที่ต้องมีการใช้สารทึบรังสีร่วมกับการถ่ายภาพเอกซเรย์ หรือ การถ่ายภาพเอกซเรย์ฟลูโอโรสโคปี พบว่า ทั้ง 2 ร่างมีโครงกระดูกและเป็นส่วนประกอบของโครงกระดูกเพียงโครงเดียว รวมถึงกะโหลกศีรษะที่เป็นชิ้นเดียวกัน ซึ่งไม่ได้มีการดัดแปลงหรือถูกประกอบขึ้นมา ตามที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยก่อนหน้านี้

----------------------
.
🌏 “รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ #ThaiPBSSciAndTech