วันนี้ (20 เม.ย.2568) เกิดเหตุรถบรรทุกวิ่งบนถนนมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 ตั้งแต่ช่วงกิโลเมตรที่ 10 มุ่งหน้าขาออก ช่วงเวลาตั้งแต่ 21.59 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุราว 30 นาที ขับเปลี่ยนช่องทางจราจร มาด้วยความปกติ ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ เพียงไม่กี่กิโลเมตร
ก่อนพุงรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง (SUV) อัดกับรถบรรทุกกึ่งพ่วง ที่บรรทุกน้ำมันพืชจอดหยุดนิ่งอยู่ บริเวณที่จอดรถฉุกเฉิน ที่กิโลเมตรที่ 23 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน บาดเจ็บ 3 คน เมื่อคืนนี้ (24 เม.ย.2568)
ข้อมูลการสอบสวนทราบว่ารถยนต์อเนกประสงค์คันที่เกิดเหตุ เป็นกลุ่มเครือญาติเดินทางมาจาก จ.อุดรธานี มุ่งหน้าไปหาญาติที่ จ.ระยอง ระหว่างทางได้แวะรับ น.ส.จารุวรรณ อายุ 31 ปี ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลีใต้ ก่อนออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ มาจอดบริเวณจุดจอดรถฉุกเฉิน
คำให้การของผู้รอดชีวิตเบื้องต้น ให้การว่าจอดเพื่อเปลี่ยนแพมเพิร์สให้เด็กอายุ 1 ขวบ ที่โดยสารมาในรถ จอดอยู่ประมาณ 15 นาที ระหว่างนั้นมีรถบรรทุกกึ่งพ่วง 22 ล้อ พุ่งเข้ามาชนท้ายอัดกับรถบรรทุกอีกคันที่จอดอยู่ด้านหน้า จะทำให้ผู้ที่อยู่ในรถเสียชีวิตทั้งหมด 8 คน คนที่ได้รับบาดเจ็บ 2 คน อยู่นอกตัวรถเป็นหญิงอายุ 18 ปี ได้รับบาดเจ็บแขนหัก และด็กหญิงอายุ 12 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ข้อมูลการสอบสวนเผยแผนผังที่นั่งภายในรถขณะเกิดเหตุ
- นาย อภิวัฒน์ อายุ 38 ปี เป็นผู้ขับขี่
- น.ส.อริญญา อายุ 38 ปี ภรรยาของนายอภิวัฒน์ นั่งฝั่งข้างคน โดยมีเด็กหญิงอายุ 4 ขวบนั่งตัก (ซึ่งเป็นลูกของ น.ส.จารุวรรณ
- เบาะแถว 2 มี น.ส.จารุวรรณ อายุ 31 ปี กำลังเปลี่ยนแพมเพิร์ส ให้กับเด็กเพศหญิงอายุ 1 ขวบ ซึ่งเป็นลูกสาวของตัวเอง และมีนางหมุน อายุ 62 ปีคอยช่วยเหลือ
- เบาะที่นั่งแถว 3 มีเด็กชายพชรพล อายุ 12 ปี และนางสาวการต์รัตน์ อายุ 16 ปี ลูกของ น.ส.อริญญา กับ นายอภิวัฒน์ นั่งอยู่
ทั้งหมดเสียชีวิต
- ส่วนเด็กหญิงปันปัน ที่เป็นลูกสาวของญาติที่กำลังจะเดินทางไปหา ในพื้นที่จ.ระยอง และ น.ส.หมวย อายุ 16 ปี ลูกของน.ส.อริญญา อีกคนหนึ่ง อยู่ภายนอกตัวรถ ทั้ง 2 คนรอดชีวิต แต่นางสาวหมวยถูกเฉี่ยวชนได้รับบาเเจ็บแขนหักถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
- ส่วนคนขับรถบรรทุกคันที่ชนท้าย ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล อยู่ระหว่างเข้ารับการรักษา
พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผู้กำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบถึงสาเหตุของรถบรรทุกเทรลเลอร์ที่ขับมาชนท้ายได้ เนื่องจากคนขับรถบรรทุกคันที่ขับมาชนท้าย ได้รับบาดเจ็บอยู่ระหว่างรับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่จะพยายามแวดล้อมสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการหลับใน
สอดคล้องกับข้อมูลของ นายกวางแก้ว จันทร์ประทุม คนขับรถบรรทุกน้ำมันปาล์ม คันที่จอดหยุดนิ่งที่ช่องจอดรถฉุกเฉิน เปิดเผยว่าตัวเองจอดพักระหว่างทาง หลังเหนื่อล้าจากการขับรถระยะไกล ได้มีรถบรรทุกอีกคันขับพุ่งมาชนท้าย แต่ในขณะนั้นไม่ทราบว่ามีรถอเนกประสงค์จอดอยู่ เมื่อลงจากรถไปดูเหตุการณ์ก็พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ และตั้งข้อสงสัยว่าบริเวณที่เกิดเหตุเป็นจุดจอดฉุกเฉิน ที่หากรถบรรทุกคันที่ชนท้ายขับมาตามปกติก็ก็ไม่มีทางที่จะเกิดเหตุได้
นายกฤษณะ เพ็ญสมบูรณ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เปิดเผยว่าบริเวณที่เกิดเหตุเป็นจุดจอดรถฉุกเฉินอนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะกรณีรถเสีย ยางแตก เครื่องยนต์ขัดข้อง หรือผู้ขับขี่มีเหตุฉุกเฉินทางร่างกายเท่านั้น
ซึ่งจุดจอดฉุกเฉินดังกล่าวมีความยาวประมาณ 100 เมตร ความกว้าง 5 เมตร ซึ่งกว้างกว่าช่องไหล่ทางปกติของมอเตอร์เวย์ที่กว้างเพียง 2.5 เมตร โดยจุดจอดรถฉุกเฉินสามารถรองรับรถพ่วงขนาดใหญ่ได้ไม่น้อยกว่า 5 คัน จุดจอดรถฉุกเฉินของกรมทางหลวงจึงมีมาตรฐานสากลและปลอดภัย ยืนยันว่า ทั้งสภาพพื้นผิวจราจร ไฟเส้นจราจร ไฟส่องสว่าง และป้ายระบุของจุดจอดฉุกเฉินทุกจุด รวมทั้งจุดเกิดเหตุ อยู่ในสภาพสมบูรณ์

โดยระบุว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุสุดวิสัย จากผู้ขับขี่ยานพาหนะ ส่วนภาพวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ ได้รับรายงานจากศูนย์กล้องวงจรปิด ว่าเกิดความขัดข้องตั้งแต่ช่วงบ่ายเมื่อวาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกู้ไฟล์ภาพ เพื่อมอบให้กับตำรวจไว้เป็นหลักฐานและหาสาเหตุจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
ส่วนกฎระเบียบและข้อบังคับในการห้ามจอดบริเวณช่องจอดฉุกเฉิน ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่แขวงการทาง และตำรวจทางหลวง คอยเฝ้าระวังตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งตลอดแนวถนนมอเตอร์เวย์ หากพบว่ามีผู้มาจอดที่บริเวณจุดจอดฉุกเฉิน ก็ให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเพื่อตรวจสอบ หากพบว่าเป็นการจอดพักทั่วไปที่ไม่เข้ากรณีฉุกเฉิน ให้เข้าไปตักเตือนให้ขยับรถออกจากจุดดังกล่าว แต่ถ้าหากไม่เชื่อฟัง ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายตาม พ.ร.บ.จราจร ในเรื่องจอดรถในที่ห้ามจอด ซึ่งมีโทษปรับ 5,000 บาท
ขณะที่ความคืบหน้าในการสืบสวน และหาข้อเท็จจริงในการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบรถยนต์คันที่เกิดเหตุ ทั้ง 3 คัน ที่จอดอยู่บริเวณกองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ส่วนทางด้านการช่วยเหลือเยียวยา ทางด้านรถบรรทุกคันที่ชนท้ายมีทั้งประกันภาคสมัครใจมอบให้กับผู้เสียชีวิต 500,000 บาท แล้วประกันภาคบังคับให้ 500,000 บาท รวมแล้วผู้เสียชีวิตจะได้คนละ 1,000,000 บาท ซึ่งยังไม่รวมกับประกันรถยนต์คันที่เกิดเหตุ รวมถึงการช่วยเหลือเยียวยาในด้านอื่น ๆ
อ่านข่าวเพิ่ม : รถบรรทุกชนท้ายรถยนต์ บนถนนมอเตอร์เวย์ เสียชีวิต 8 เจ็บ 3 คน