การย้อนจำลองสถานการณ์การคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศ เมื่อปี 2567 ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อประกอบการสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 คดีฟอกเงิน สว.อาคาร Impact forum hall 4 เมือง ทองธานี วันนี้ ( 25 เม.ย. 2568) โดยใช้เครื่องมือพิเศษและ AI เก็บข้อมูล ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นการเดินหน้าทำคดีฮั้วเลือกตั้งสว.อย่างเข้มข้นเท่านั้น
แต่การรับสอบสวนคดีอั้งยี่-ซ่องโจร เพิ่มอีกฐานความผิดตามพ.ร.บ.คดีพิเศษ มาตรา 21 วรรค 2 หลังตำรวจสภ.รัตนาธิเบศร์-สภ.โกสุมพิสัย ส่งสำนวนร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยระบุ เป็นคดีเกี่ยวพันกับคดีพิเศษ เหตุมีการกระทำความผิดหลายบท แม้ขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ใด และอยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในขั้นตอนต่อไป ถือเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายที่อยู่ในมือของดีเอสไอแบบครบวงจร
แต่พลันที่ “นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ” ในฐานะข้าราชการฝ่ายการเมือง ที่ปรึกษาของ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้ามากำกับการแถลงข่าวของดีเอสไอ ภายใต้การนำของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะรองอธิบดีผู้รับผิดชอบคดีโดยตรง ทำให้เกิดคำถามว่า คดีดังกล่าวนี้ปราศจากการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองจริงหรือไม่
22 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้าผลการทำงานของพนักงานสอบสวนว่า มีความคืบหน้าพอสมควร และอยากทำให้ทันภายในกรอบเวลา อาจจะเป็นสิ้นเดือน เม.ย.นี้ ที่จะต้องมีกระบวนการการแจ้งข้อกล่าวหา หรือจับกุม จะส่งฟ้อง หรือ ไม่ส่งฟ้อง
“ทีมสอบสวนมีกรอบเวลา หากผมพูดไปจะเป็นการไปกำหนดกรอบเวลา เช่นเดียวกันกับคดีที่ทางดีเอสไอ ไปดำเนินการสอบสวนร่วมกับ กกต. ซึ่งขณะนี้ไม่มีปัญหาเรื่องของข้อมูล เช่น ข้อมูลผู้สมัครกว่า 40,000 คน ก็ได้มาแล้ว”
ต้องไม่ลืมว่า พ.ต.อ.ทวี เป็นหัวหน้าพรรคประชาชาติ ในฐานะรมว.ยุติธรรม เคยเป็นอดีตอธิบดีดีเอสไอมาก่อน
ขณะที่ “นายสมบูรณ์” เป็นอดีตอัยการเก่า เคยเป็นสมาชิกสภากทม.และเคยเป็นกรรมการบอร์ดรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 เขามีรายชื่อปาร์ตี้ลิสในลำดับที่ 3 ของพรรคประชาชาติ แต่คะแนนไม่ถึง จึงไม่ได้เป็นสส.และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม
ที่สำคัญพรรคประชาชาติ ในทางการเมืองถือเป็นองคาพยพหนึ่งของพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองหนึ่งที่เติบโตในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ มี “ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา” เป็นหัวหน้าพรรค และพ.ต.อ.ทวี เป็นเลขาธิการพรรคฯ ต่อมาเมื่อพรรคเพื่อไทยสลับขั้วจัดตั้งกับรัฐบาลกับพรรคร่วมปัจจุบัน มีการดึงพรรคประชาชาติเขาร่วม และเสนอชื่อ “นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา” เป็นประธานรัฐสภา จึงเปิดทางให้ พ.ต.อ.ทวี ขยับเป็นหัวหน้าพรรคฯ
ก่อนก้าวเป็นรมว.ยุติธรรม มีข้อมูลในพื้นที่ชายแดนใต้ระบุว่า พ.ต.อ.ทวี มีความใกล้ชิดกับ “นายคีรี กาญจนพาสน์” ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว และ “คีรี”เคยลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้บ่อยครั้ง เพื่อจัดกิจกรรมพบปะนักธุรกิจ นักการเมืองท้องถิ่น และโรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีนที่ อ.เบตง จ.ยะลา
และ “นายสมบูรณ์” ที่ปรึกษารมว.ยุติธรรมก็เคยเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ปฯ เช่นกัน
ท่ามกลางเกมการเมืองตบ-จูบ ระหว่างพรรคเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ในสมรภูมิหักเหลี่ยมชิงพริบปรับครม.ใหญ่เดือนพ.ค.ที่จะถึงนี้ โดยอาจมีการถีบค่ายสีน้ำเงินออกจากพรรคร่วม เปิดปฏิบัติการขยี้ 2 ฐานความผิดฟอกเงิน-อั้งยี่ซ่องโจร
หลังก่อนหน้านี้ ดีเอสไอ สืบสวนพบมีว่า พรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องเลือกใช้จังหวัดเล็ก ที่มีฐานเสียงแน่นและการแข่งขันน้อยโดยจัดเตรียมคนสมัครจากทุกกลุ่มอาชีพ (20 กลุ่ม) ในทุกอำเภอ ทั้ง ๆ ที่ มีรายชื่อ ส.ว. เป้าหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยให้งบสนับสนุนเงินประมาณ 500 ล้านบาท แยกให้ผู้สมัครระดับอำเภอคนละ 15,000 บาท (ค่าสมัคร 2,500 ที่เหลือเป็นค่าตอบแทน)
เอกสารที่ถูกระบุว่า เป็นของดีเอสไอ ส่งถึงประธาน กกต. วันที่ 3 ก.พ. 2568 แจ้งความคืบหน้าผลการสืบสวน และขอความเห็นการดำเนินคดี ระบุรายละเอียดการสอบสวน ตามคำร้อง 3 คำร้องที่ได้รับระหว่างเดือน ก.ค.-ส.ค. 2567 ปรากฏข้อเท็จจริง เชื่อได้ว่ามีขบวนการในรูปแบบคณะบุคคล มีการจัดตั้งเครือข่ายขบวนการซึ่งปกปิดวิธีการ มีการวางแผน ทราบเฉพาะในกลุ่มขบวนการ
โดยขบวนการได้จัดการให้มีผู้สมัคร สว. ในระดับอำเภอ โดยสมัครกลุ่มละ 5 คน รวม 100 คน ในระดับอำเภอ 928 อำเภอ (เกณฑ์รอบเข้าเลือกได้ 5 คน) ทำให้บางจังหวัดมีผู้สมัครจำนวนมาก และมีการจ่ายค่าตอบแทนเป็น 3 ระดับคือ ระดับอำเภอ จำนวน 5,000 บาท , ระดับจังหวัด จำนวน 10,000 บาท และระดับประเทศ จำนวน 40,000-100,000 บาท และถ้าได้สมาชิกวุฒิสภามากกว่า 120 คน จะได้เพิ่ม จำนวน 100,000 บาท
หลังจากวันที่ 16 มิ.ย. 2567 ภายหลังผ่านการคัดเลือกระดับจังหวัด ขบวน การได้นัดหมายผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ระดับประเทศ ไปจัดทำโพยฮั้ว สว.ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ,ปทุมธานี และนครนายก ในวันที่ 24 มิ.ย. 2567 เวลา 16.00 น. มีการจ่ายเงินสดเป็นมัดจำ จำนวน 20,000 บาท ส่วนที่เหลือจะได้รับภายหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองผลเลือกแล้ว
ข้อมูลการสืบสวนพบว่า โพยฮั้วสมาชิกวุฒิสภามีหมายเลข จำนวน 2 ชุด กลุ่มละ 7 คน รวม 140 คนและในการเลือก สว. ระดับประเทศ พบว่าขบวนการจัดตั้งมีจำนวนผู้สมัคร สว. ซึ่งอยู่ในขบวนการ จำนวนประมาณ 1,200 คน
และเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 เวลา 05.00 น. ขบวนการได้แจกเสื้อสีเหลือง ให้กับผู้สมัคร สว. ระดับประเทศ มีการได้อำนวยความสะดวกโดยจัดหารถตู้โดยสารส่งผู้สมัคร สว. ระดับประเทศ เดินทางไปเมืองทองธานีเพื่อเลือก สว. ระดับประเทศ และผลการเลือก สว. ในรอบเช้าและรอบไขว้ เป็นไปตามโพยฮั้ว สว.
สำหรับโพยฮั้ว สว. จำนวน 2 ชุด กลุ่มละ 7 คน พบว่าเป็นผู้ได้รับเลือกเป็น สว.จำนวน 138 คน และอยู่ในลำดับสำรอง 2 คน ในครั้งนั้น รายงานดีเอสไอ ระบุว่า พิจารณาแล้ว เห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2563 มาตรา 77 (3) ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 ความผิดฐานอั้งยี่ และความผิดฐานฟอกเงินตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
อย่างไรก็ตาม หลังดีเอสไอ แถลงรับสอบสวนคดีอั้งยี่ต่อจากฟอกเงิน นายสมบูรณ์ ที่ร่วมแถลงข่าว ย้ำว่า มีผู้เข้ามาร้องกับดีเอสไอว่าได้รับผลกระทบจำนวนมาก เนื่องจากมองว่า การเลือกสว.ไม่ถูกต้อง และต้องการเป็นพยานให้ข้อเท็จจริงในเรื่องการเลือกสว.ตั้งแต่ 9 มิ.ย.2567 ที่มีการเลือกตั้งระดับอำเภอ 16 มิ.ย.2567 ระดับจังหวัด และ 26 มิ.ย.2567 ระดับประเทศ
เขาบอกว่า การหาพยานหลักฐานของดีเอสไอ โดยเฉพาะคดีอั้งยี่ จะต้องประ กอบด้วยพยานบุคคล เอกสาร สถานที่ วัตถุ และวิทยาศาสตร์ ในการเลือกสว.ระดับประเทศ ที่เมืองทองธานี ...จะต้องดูกล้องวงจรปิดเป็นอย่างไร มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
การทำคดีของดีเอสไอ ไม่ช้า เพราะรับสืบสวนตั้งแต่เดือนก.ย. 2567-25 ก.พ.2568 ใช้เวลา 5 เดือนจึงเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) และรับคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 6 มี.ค.2568
และมีการสืบสวนรวบรวมพยานไว้ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุไว้พอสมควร ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินมูลค่ากว่า 300 ล้านบาทในขบวนการฮั้วเลือกตั้งสว.ก่อนหน้านี้ ทั้งผู้ช่วยรัฐมนตรีและอธิบดีดีเอสไอ ต่างปฏิเสธว่า ยังไม่ปรากฏว่ามีพรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่สถาบันการเงินต่าง ๆ ได้ทยอยส่งข้อมูลให้กับดีเอสไอแล้ว และเชื่อว่าคดีนี้ ต้องใช้ระยะเวลาอีกพอสมควร
การเปิดเกมกระชับพื้นที่รุกไล่สว.สีน้ำเงิน ด้วยข้อหาหนัก “อั้งยี่-ฟอกเงิน” เพื่อหวังล้างไพ่ และอำนาจต่อรอง ของพรรคร่วมรัฐบาล แบบตบ-จูบ ยังไม่จบลงง่ายๆ ตราบเท่าที่ผลประโยชน์ยังไม่ลงตัว
และหากยังปล่อยให้ สว.กลุ่มนี้มีอำนาจในสภาสูง เมื่อเทียบกับพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล ในระยะยาวคงจะไม่ปลอดภัยนัก โดยเฉพาะเมื่อมีการเสนอนโยบาย หรือเรื่องใด ๆ แล้วไม่ผ่าน ดังนั้น การตัดไฟ แต่ต้นลม เพื่อกระชับพื้นที่จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
อ่านข่าว:
“บิ๊กแจ๊ส” เปิดเกมเขย่าบ้านใหญ่ ศึกชิงนายกฯเล็ก "เมืองปทุมธานี"
แท็กที่เกี่ยวข้อง: