พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดฤดูกาลใหม่เป็นที่เรียบร้อย เรื่องราวความสนุกเร้าใจในเกมการแข่งขัน ยังคงเต็มอัตราเช่นเดิม
ไทยพีบีเอส ขอนำเรื่องน่ารู้ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2023 – 2024 มาบอกกัน เพื่อเพิ่มความสนุกในการรับชม ไปดูกันว่า มีเรื่องราวไหนที่น่าสนใจกันบ้าง
ปรับกฎกติกาใหม่
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดสนามกันไปนัดแรก (11 ส.ค.66) แฟนกีฬาคงได้สัมผัสกับกฎกติกาที่ถูกปรับปรุงใหม่ อาทิ การทดเวลาในช่วงท้ายเกมที่มากขึ้นกว่าเดิม จากเมื่อก่อนต่อเวลา 5 – 7 นาที ถือว่านาน แต่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ บางคู่ต่อเวลาเพิ่มมากกว่า 10 นาที ทั้งนี้เพื่อรักษาเวลาการแข่งขันให้ “ครบสมบูรณ์” มากที่สุด
เนื่องจากที่ผ่านมา มีช่วงเวลาที่หยุดระหว่างเกมจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนตัวผู้เล่น การบาดเจ็บ หรือแม้แต่การแสดงความดีใจของทีมที่ทำประตูได้ ซึ่งบางมุมอาจมองได้ถึงการเจตนาถ่วงเวลาการแข่งขัน
ดังนั้น จึงเป็นสาเหตุให้ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2023 – 2024 ปรับเปลี่ยนกติกาการนับเวลา หากมีช่วงเวลาที่ต้องหยุดระหว่างเกม จะถูกนำมาคำนวณอย่างละเอียด เพื่อนำไปเป็นการทดเวลาในช่วงท้ายเกมออกไป เพื่อให้มีความเที่ยงธรรมมากที่สุด
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทดเวลาช่วงท้ายเกมมากขึ้น เพื่อให้เกมออกมาสมบูรณ์ที่สุด
อีกกฎใหม่ที่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นำมาใช้ นั่นคือ การแจกใบเหลืองและใบแดง จากที่ผ่านมา ในระหว่างเกม หากมีการทำฟาวล์จากผู้เล่นเกิดขึ้น เรามักจะได้เห็นผู้เล่นอีกฝ่าย ยกมือทำสัญลักษณ์ขอใบเหลืองจากกรรมการผู้ตัดสิน
แต่สำหรับกติกาใหม่ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ หากผู้เล่นคนไหนทำท่า “ขอใบเหลือง” แบบนี้ กรรมการจะแจกใบเหลือง (ให้กับผู้เล่นคนนั้น) ทันที ไม่ว่าเจ้าตัวจะเกี่ยว หรือไม่เกี่ยวในจังหวะการฟาวล์หรือไม่ก็ตาม
แฟนกีฬาคนไหนที่ได้ชมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดเปิดสนามล่าสุดไป คงได้เห็นท่าทางอาการของบรรดานักเตะหลายรายที่ “เป็นงง” เพราะตัวเองถูกใบเหลือง (ได้ไง ?) เรื่องของเรื่อง เพราะเจ้าตัวไปติดทำท่า “ชูมือขอใบเหลือง” แบบเดิม ๆ กรรมการก็เลยจัดให้!
ซึ่งกรณีนี้ ถือเป็นกฎใหม่ เป็นความพยายามป้องกันผู้ตัดสิน ห้ามไม่ให้ผู้เล่นรุกล้ำพื้นที่ของผู้ตัดสิน หากใครมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือพยายามเข้ามารุมล้อมตัวผู้ตัดสินเหมือนที่เคยทำมา จะโดนลงโทษด้วยการแจกใบเหลือง
ส่วนอีกกรณีคือการแจกใบแดง โดยเฉพาะกรณีการทำทำฟาวล์ของผู้เล่นที่ยืนตำแหน่งคนสุดท้ายของฝ่ายรับ ก่อนหน้านี้มีผลถึงการโดนใบแดง-ไล่ออกจากสนาม แต่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลล่าสุด มีการปรับกฎ ให้ดูที่เจตนาการทำฟาวล์เป็นหลักมากกว่า จึงอาจไม่โดนใบแดงในบางกรณี
กฎกติกาเหล่านี้ เป็นการสร้างมาตรฐานเกมให้มีคุณภาพ และมีความสนุกมากยิ่งขึ้น
ตลาดการซื้อขายนักเตะยังคึกคักเหมือนเดิม
หลังปิดฤดูกาล 2022 – 2023 ไป หลายทีมในพรีเมียร์ลีกมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายนักเตะ มีทั้งที่ซื้อเพิ่ม และมีทั้งที่ขายผู้เล่นออกไป ซึ่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลใหม่นี้ มีการซื้อขายนักเตะในหลักราคาร้อยล้านปอนด์เกิดขึ้นหลายราย
สรุปการซื้อขายผู้เล่นในราคาสูง นับจนถึงขณะนี้ (20 ส.ค.66) มีดังนี้
- มอยเซส ไกเซโด ราคา 115 ล้านปอนด์ (ย้ายจากไบร์ทตัน ไปเชลซี)
- เดแคลน ไรซ์ ราคา 105 ล้านปอนด์ (ย้ายจากเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไปอาร์เซนอล)
- ยอสโก กวาร์ดิโอล ราคา 77 ล้านปอนด์ (ย้ายจากแอร์เบ ไลป์ซิก ไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้)
- ราสมุส ฮอยลุนด์ ราคา 72 ล้านปอนด์ (ย้ายจากอตาลันต้า ไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
- ไค ฮาร์แวร์ตซ์ ราคา 65 ล้านปอนด์ (ย้ายจากเชลซี ไปอาร์เซนอล)
ทีมเต็งและเรื่องราวน่าจับตามอง
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2023 – 2024 ยังเป็นการแข่งขันอย่างเข้มข้นของบรรดาทีมใหญ่ ๆ ซึ่งตามธรรมเนียมของทุกปี มักจะมีการคาดการณ์ “ทีมเต็งแชมป์”
โดยทีมเต็งหนึ่งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ ถูกยกให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลก่อน ด้วยขุมกำลังผู้เล่นที่มีประสิทธิภาพ และการทำทีมของเฮดโค้ช เป๊ป กวาร์ดิโอลา จึงยังทำให้นักวิเคราะห์ฟุตบอลหลายราย เชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้อีกครั้ง
แถมที่ไม่ธรรมดากว่านั้น เพราะหากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ฤดูกาลนี้ได้ จะเป็นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ติดต่อกันถึง 4 ครั้ง ยังไม่เคยมีทีมไหนในลีกเคยทำได้มาก่อน
ส่วนทีมเต็งสองรองลงมา ยกให้กับ อาร์เซนอล รองแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อน เนื่องจากทัพนักเตะเดิมยังอยู่กันครบครัน แถมผู้เล่นที่เสริมเข้ามาใหม่ อาทิ เดแคลน ไรซ์, ไค ฮาร์แวร์ตซ์ และ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ล้วนเป็นผู้เล่นระดับคุณภาพคับแก้วทั้งสิ้น
ซึ่งถ้าหากอาร์เซนอลสามารถคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้ได้ จะเป็นการหวนกลับมาครองถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในรอบ 20 ปี โดยขุนพลทีมปืนใหญ่เคยคว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายเมื่อฤดูกาล 2003 – 2004
ทีมเต็งสาม ถูกยกให้กับ ลิเวอร์พูล แม้ฤดูกาลนี้จะเสียนักเตะในตลาดซื้อขายไปไม่น้อย แต่ขุนพลตัวหลักก็ยังอยู่กันครบครัน อาทิ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ หรือ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังทำให้กะเก็งกันว่า ลิเวอร์พูลจะจูนเครื่องติด และเดินหน้าคว้าแชมป์มาครองได้อีกครั้ง ซึ่งหากทำได้ นี่จะเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งที่ 20 ของสโมสร
ทีมเต็งสี่ ถูกยกให้ดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งจบในอันดับที่สาม เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในการทำทีมของ เอริค เทน ฮาก มีผลงานที่ไต่ระดับดีขึ้นเรื่อย ๆ แถมนักเตะตัวหลัก ไม่ว่าจะเป็น บรูโน แฟร์นันด์ส, กาเซมิโร, เจดอน ซานโช, มาร์คัส แรซฟอร์ด ยังคงเป็นขุมกำลังสำคัญช่วยทีม ที่เหลือคือการสร้างความสม่ำเสมอ เพื่อทำผลงานไปเบียดแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกกับทีมเต็งอื่น ๆ ให้ได้
ทีมเต็งห้า ถูกยกให้กับสองทีม นั่นคือ เชลซี และ นิวคาสเซิล โดยเชลซี ในการทำทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่ เมาริซิโอ โปเชตติโน ปรับเปลี่ยนทีมจากฤดูกาลก่อนไปไม่น้อย และนัดแรกเปิดฤดูกาลเจอกับลิเวอร์พูล สามารถทำผลงานได้อย่างน่าชื่นชม จึงต้องจับตาว่าขุนพลสิงโตน้ำเงินครามยุคใหม่ จะยืนระยะได้ไกลเพียงใด
ด้านนิวคาสเซิล เมื่อฤดูกาลก่อน สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการจบในอันดับที่สี่ ทั้ง ๆ ที่ช่วงต้นฤดูกาล ยังมีอันดับอยู่ในท้ายตาราง เรียกว่าฟอร์มน่าเป็นห่วงอย่างมาก แต่เมื่อได้ผู้จัดการทีมอย่าง เอ็ดดี ฮาว เข้ามาควบคุมทีม นิวคาสเซิลก็ทะยานเหมือนติดปีก ทำผลงานขึ้นจากท้ายตารางคะแนน จนมาจบที่อันดับสี่แบบสวย ๆ แถมยังเข้าชิงในฟุตบอลถ้วยคาราบาว ลีกคัพอีกด้วย ทำให้ฤดูกาลนี้ถูกยกให้เป็นเต็งห้า ที่มีโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษฤดูกาลใหม่เช่นกัน
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2023 – 2024 เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น หนทางยังอีกยาวไกลกว่า 10 เดือน ต้องติดตามกันยาว ๆ ว่า สุดท้ายทีมใดจะเข้าป้ายแชมป์ เหนือสิ่งอื่นใด ดูกีฬาให้เกิดแรงบันดาลใจ ลุกขึ้นมาออกกำลังกาย รักษาสุขภาพกันด้วย
อ่านข่าวและบทความอื่นที่เกี่ยวข้อง
-สรุปที่สุด พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2022 - 2023
-"วาราน" โหม่งประตูชัย ช่วยให้ "แมนฯ ยูไนเต็ด" เฉือนชนะ "วูล์ฟฯ" ไป 1 - 0