ที่ใดมีมนุษย์ ที่นั่นมีสารพันเรื่องราว “บวก-ลบ-คูณ-หาร” แล้วแต่จะพูดคุย หรือขยายความ ตามแต่นานาทัศนะ และความสนใจ ซึ่งโดยปกติวิสัยของหมู่ชนในทุกสังคมร่วมโลกใบเดียวกันนี้มักจะ “ใฝ่รู้” เพื่อเพิ่มพูน “ฐานข้อมูล” ของตนเอง และ“แบ่งปันเครือข่าย” มิให้ “ตกข่าว” ส่งผลให้เกิดสารพัด “เมนูข่าวสาร” ไว้บริการฝ่าย “ผู้บริโภค”
บุคคล สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ สิ่งไร้ชีวิต สถานที่ ประเทศ และสังคมย่อยใด ๆ ในสังคมโลกใบเดียวกันนี้ที่มีความพิเศษ เสมือนเป็น “เมนูโดดเด่น” ไม่ว่าจะด้านบวก หรือด้านลบ ก็มักเป็นที่นิยมสนใจของ “ผู้บริโภค” มากกว่า “เมนูทั่วไป” ซึ่งเหล่าศิลปินดาราก็จัดเป็น “เมนูโดดเด่น” ยอดนิยมของ “ผู้บริโภค” มากกว่า “เมนูทั่วไป”

“K-Pops” หรือเหล่าศิลปินดาราเกาหลีใต้ กลายเป็นหนึ่งใน “เมนูโดดเด่น” ในสังคมโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทุกเรื่องราวของพวกเขาเป็นศูนย์รวมความสนใจของ “ผู้บริโภค” โดยเฉพาะกลุ่ม “แฟนคลับ” ข้ามประเทศของพวกเขาในยุค “ดิจิทัลโลกาภิวัฒน์” ไร้ขอบเขตพรมแดนในปัจจุบัน

หนังสือพิมพ์ El País ของสเปน ฉบับภาษาอังกฤษ รายงานเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2568 ว่า การผงาดขึ้นเป็นศิลปินดาราที่ประสบความสำเร็จ มีผลงานที่กลายเป็น “เมนูโดดเด่น” ยอดนิยมของกลุ่มแฟนคลับไร้พรมแดน ไม่เพียงหมายถึงชื่อเสียง เงินทอง ไหลมาเทมาของปัจเจกศิลปิน แต่ยังถือเป็นสินทรัพย์สำคัญของประเทศต้นสังกัดด้วย
“เมนูโดดเด่น” จากเหล่า K-Pops ดึงรายได้เข้าสู่เกาหลีใต้ถึงราว 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือร้อยละ 0.2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP (Gross Domestic Product) เมื่อปี 2547 เกื้อหนุนฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศจากสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อกลางปี 2540 ได้ภายใน 7 ปี และขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจหลักของประเทศ

ภาคธุรกิจ K-Pops ของเกาหลีใต้เติบโตต่อเนื่อง ดึงรายได้สู่เศรษฐกิจของประเทศเพิ่มพูนขึ้นกว่า 6 เท่า เป็นกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อปี 2562 ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยสถาบัน Casa Asia ในสเปน และยังคงขยายตัวโดยไม่สะดุด อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคคาดหวังจาก “เมนูโดดเด่น” ในระดับสุดยอด “ห้ามพลาด” มิเช่นนั้นจะถูกติติง พร้อมแต้มนิยมร่วง

รายงานชี้ว่า สังคม “สนทนานิยม” ของเกาหลีใต้ (และน่าจะอีกหลายประเทศ) เรื่องราวของ K-Pops จะถูกจับจ้องสูง และถูกขยายแบ่งปันอย่างกว้างขวางไร้เขตแดนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลร่วมสมัยในยุคปัจจุบัน ดังนั้น เกาหลีใต้จึงเป็นประเทศที่มีสถิติการฆ่าตัวตายของ K-Pops ที่เผชิญมรสุมชีวิต หรือ “พลั้งพลาด” ให้ได้รับรู้-รับฟังค่อนข้างถี่บ่อย
ล่าสุดที่กำลังเป็นกระแสอื้อฉาว ก็คือ คิมแซรน (Kim Sae-ron) อดีต K-pop สาว ระดับ “ซูเปอร์สตาร์” แถวหน้าทั้งในวงการจอเงิน และจอแก้ว ซึ่งปลิดชีพตนเองที่บ้านพักในกรุงโซล ด้วยวัยเพียง 24 ปี เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2568 หลังจากการ “พลั้งพลาด” เพียงครั้งเดียว พลิกชะตาชีวิตของเธอจาก “เมนูโดดเด่น” สู่ภาวะ “แต้มนิยมร่วง”

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า จุดพลิกผันสู่ชีวิตที่เรียกคืนไม่ได้ของเธอเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2565 เมื่อเธอขับรถยนต์ชนต้นไม้และเสาไฟฟ้าข้างทางพังเสียหายขณะมึนเมา เหตุเกิดบนถนนเส้นหนึ่งทางตอนใต้ของกรุงโซล นครหลวงของเกาหลีใต้ ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับชั่วคราว กระทบต่ออาคารธุรกิจราว 60 หลังในบริเวณใกล้เคียง
ถึงแม้เธอได้โพสต์ข้อความขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยลายมือของเธอผ่านแพลตฟอร์ม Instagram และยินดีชดใช้ความเสียหายต่ออาคารที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งกระแสการติติงวิพากษ์วิจารณ์เธอในทุกเรื่องราวตั้งแต่นั้นในกลุ่มสังคม “สนทนานิยม”

อาทิ รายงานของ El País ระบุว่า เมื่อศาลตัดสินเปรียบเทียบปรับเธอ 20 ล้านวอน หรือราว 13,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเดือน เม.ย. 2566 ในคดีที่เธอขับรถชนต้นไม้ และเสาหม้อแปลงไฟฟ้า เธอถูกติติงว่า เป็นอภิสิทธิ์ชนจากสถานะ K-Pop ทำให้ควักกระเป๋าจ่ายค่าปรับน้อยกว่าสามัญชนทั่วไป
หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์รายงานว่า เธอถูกนินทากรณีติดหนี้บริษัทธุรกิจบันเทิง Goldmedalist อดีตต้นสังกัดของเธอราว 700 ล้านวอน หรือ 642,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากให้ Goldmedalist ช่วยจ่ายชดใช้ค่าเสียหายต่าง ๆ ในคดีเมาแล้วขับของเธอ และเธอต้องดิ้นรนหาเงินผ่อนชำระหนี้

รายงานของสำนักข่าวเอพีระบุเพิ่มเติมว่า เธอยังถูกติติงทุกครั้งที่ร่วมงานปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อน หรือเมื่อเธอตัดพ้อว่า รับงานได้น้อยลง หรือเธอถูกวิจารณ์ว่า “แต้มร่วง” จนต้องทำงานในร้านกาแฟ หรือรับเล่นภาพยนตร์ค่ายฟอร์มเล็กแล้วยังยิ้มร่า ซึ่งดูเหมือนผู้ร่วมวง “สนทนานิยม” ลืมเลือนความเป็น “เมนูโดดเด่น” ยอดนิยมของเธอจนหมดสิ้น

ลืมเลือนว่า เธอผ่านการคัดเลือกได้เริ่มเป็นดารานักแสดงตั้งแต่ 9 ขวบ โดยรับบทเด็กหญิงกำพร้าในภาพยนตร์เรื่อง “A Brand New Life” เมื่อปี 2552 ซึ่งเป็นบันไดก้าวแรกที่ทำให้เธอก้าวขึ้นเป็น “ดาราเด็กชื่อดัง” พร้อมรางวัลนักแสดงรุ่นเยาว์ในภาพยนตร์ระทึกตื่นเต้น เรื่อง “The Man From Nowhere” หนึ่งในภาพยนตร์ยอดฮิตในยุคนั้นในอีก 1 ปีต่อมา

ลืมเลือนว่า พรแสวง และพรสวรรค์ในการเป็นดาราเจ้าบทบาทของเธอได้สร้างความสุข แบ่งปันอารมณ์ต่าง ๆ ให้แก่เหล่าแฟนคลับทั่วโลกผ่านภาพยนตร์ทั้งจอเงิน และจอแก้วที่เธอแสดงต่อเนื่องเป็นเวลา 13 ปี ก่อนสู่ภาวะ “แต้มนิยมร่วง” จนตัดสินใจจบชีวิตตนเองในที่สุด
ก่อนหน้า คิมแซรน ก็มี K-Pops “แต้มนิยมร่วง” อีกหลายคนที่เลือกจบชีวิตตนเอง เช่น ดาราสาว Jung Chae-yull วัย 26 ปี และนักร้องชาย Moonbin วัย 25 ปี และนักแสดงชื่อดังรุ่นใหญ่ Lee Sun-kyun วัย 48 ปี เมื่อปี 2566 นักร้อง-นักแสดงสาว Sulli วัย 25 ปี และเพื่อนนักร้อง-นักแสดงสาวของเธอ Goo Hara วัย 28 ปี เมื่อปี 2562
กระแสกดดันสภาพจิตใจของ K-Pops ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในแวดวง “สนทนานิยม” แม้ว่าข่าวคราวการจบชีวิตของคิมแซรน ยังไม่ห่างหาย โดย K-Pop ชายระดับ “ซูเปอร์สตาร์” แถวหน้าที่กำลัง “แต้มนิยมร่วง” รายล่าสุด คือ คิมซูฮยอน วัย 37 ปี ซึ่งขณะนี้คงมีแฟนคลับหลายคนคาดหวังว่า เขาจะเลือกยืนหยัด ฝ่าฟัน และเดินหน้าชีวิตต่อไป

คิมซูฮยอนถูกติติงว่า “ออกเดท” หรือคบหาฉันชู้สาวกับคิมแซรน K-Pop ผู้เพิ่งล่วงลับ ตั้งแต่ฝ่ายหญิงอายุเพียง 15 ปี และสานสัมพันธ์ต่อเนื่องเป็นเวลา 6 ปี หลังจากมีการเผยแพร่คลิปวีดีโอแสดงความสัมพันธ์ของทั้งสอง ตลอดจนเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกันอื่น ๆ ของทั้งสอง
ข่าวอื้อฉาวดังกล่าวกำลังกระทบต่อชื่อเสียง และงานแสดงของคิมซูฮยอนอย่างหนักหน่วง รวมถึงซีรีส์ Knock-Off ที่กำลังจะเปิดตัว อีกทั้งเขายังตกเป็นข่าวว่า ถูกแบรนด์สินค้าต่าง ๆ ยกเลิกสัญญาการเป็นพรีเซนเตอร์ตามกระแสกดดันของกลุ่มสังคม “สนทนานิยม” ด้วย ส่งผลให้ยอดผู้ติดตามทาง Instagram ของเขาร่วงลงแล้วกว่า 500,000 จาก 21 ล้าน

รายงานของเดอะสเตรทไทมส์ระบุว่า คิมซูฮยอนจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นต่าง ๆ ที่เขาตกเป็นข่าวอื้อฉาวในขณะนี้ในช่วงสัปดาห์หน้า (16-22 มี.ค. 2568) หลังจาก Goldmedalist บริษัทต้นสังกัดที่เขาถือหุ้นอยู่ด้วย เคยออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวฉาวดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2568
สถิติการจบชีวิตตนเองที่ค่อนข้างสูงของ K-Pops โดยรายล่าสุด คือ คิมแซรน และชะตากรรม “แต้มนิยมร่วง” ที่คิมซูฮยอน กำลังเผชิญ สะท้อนถึงด้านมืดของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ และกระตุ้นให้องค์กรศิลปินดาราต่าง ๆ อีกทั้งกลุ่มนักวิชาการและกลุ่มผู้สังเกตการณ์ต่างเรียกร้องเสียงดังขึ้นให้หยุดยั้งสถิติดังกล่าวจากต้นเหตุกลุ่มสังคม “สนทนานิยม” ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ
และสื่อมวลชนสายบันเทิงเริ่มถูกเพ่งเล็ง ถูกเตือนให้เพลา ๆ การผสมโรง และให้นำเสนอข่าวในกรอบจรรยาบรรณวิชาชีพ ขณะเดียวกัน ภาครัฐ โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ ก็ถูกเรียกร้องให้
กำกับควบคุมจรรยาบรรณสื่อมวลชน และกำหนดหลักเกณฑ์การใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้รัดกุมขึ้น

ทั้งนี้ สำนักข่าวเอพีรายงานว่า YouTube ประกาศจะปรับกฎระเบียบกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจ และกลุ่มผู้ใช้ YouTube ให้รัดกุมขึ้นแล้ว เพื่อยุติการเผยแพร่ข้อความ หรือคลิปวีดีโอที่เข้าข่ายข่มเหงรังแก กระตุ้นให้เกิดกระแสการต่อต้าน ดูหมิ่น ชิงชัง โดยผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนจะถูกห้ามดำเนินการผ่าน YouTube หรือถูกยกเลิกสัญญา
เป็นที่คาดหวังว่า หลังจาก YouTube เดินนำหน้าแล้ว จะมีฝ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเดินตาม เป็นการ “เปิดไฟ” ให้ด้านมืดของวงการบันเทิง และวงการอื่น ๆ ให้สว่างขึ้นไม่เพียงเฉพาะในเกาหลีใต้ แต่ทั่วทั้งประชาคมโลก ในยุค “ดิจิทัลโลกาภิวัฒน์” ปัจจุบัน
ติดตามชมรายการทันโลก กับ Thai PBS วันจันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 21.00 – 21.30 น. ทางช่อง Thai PBS หมายเลข 3 หรือรับชมออนไลน์ผ่านทาง www.thaipbs.or.th/Live และชมย้อนหลังได้ที่ https://www.thaipbs.or.th/program/Tanloke