ในโอกาสที่ “แม่เม้า-สุดา ชื่นบาน” และ “แม่แดง-ฉันทนา กิติยพันธ์” 2 ศิลปินรุ่นใหญ่ที่ผูกพันกันมาหลายทศวรรษ ได้มาเยือนรายการนักผจญเพลง Replay ผู้ชมก็มีโอกาสได้ฟังเรื่องราวของทั้งสองท่านตั้งแต่จุดเริ่มต้นในฐานะการเป็นศิลปิน จนถึงวันที่มีชื่อเสียง และกลายเป็นตำนานในวงการเพลง
แถมขณะเดียวกันลูกสาวของ แม่แดง ฉันทนา อย่าง แอม-เสาวลักษณ์ ลีละบุตร ก็กลายเป็นศิลปินแถวหน้าของประเทศ และเป็นเพื่อนร่วมวง “สาว สาว สาว” ของ แหม่ม พัชริดา วัฒนา ซึ่งเป็นลูกสาวของ แม่เม้า สุดา อีกด้วย
แต่หนึ่งในเรื่องราวการพูดคุยที่น่าสนใจของทั้งสองคน คือบรรยากาศในวงการเพลงยุค 60 ที่ใครฟังจะรู้สึกว่า เส้นทางของการเป็นศิลปินนั้นไม่ง่าย ขณะเดียวกันการที่คนฟังจะเข้าถึงศิลปินก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
เพราะในอดีตการจะหาเพลงฟัง หรือเข้าไปฟังเพลงสด ๆ จากศิลปินที่ชอบนั้น ไม่ได้ง่ายเหมือนยุคที่มีคอนเสิร์ตตามสถานที่ต่าง ๆ เหมือนในทุกวันนี้ หรือแม้แต่คอนเสิร์ตออนไลน์หรือคอนเสิร์ตที่สามารถชมผ่านจอโทรทัศน์ก็เป็นทางเลือกให้ผู้ฟังได้มากมาย
ชีวิตไม่ง่ายของศิลปินในวันวาน
ใน รายการนักผจญเพลง Replay เราได้ฟังเรื่องราวของทั้งสองศิลปินในวันแรก ๆ ของการเป็นศิลปิน พบว่าเส้นทางของทั้งสองคนนั้นไม่ง่ายเลย ในช่วงแรกเริ่ม แม่เม้า สุดา ได้เข้ามาในกรุงเทพฯ ก่อนที่ แม่แดง ฉันทนา จะเข้ามาเป็นศิลปินในเวลาต่อมา ณ ขณะนั้น ทั้งสองคนร้องเพลงสากลเป็นหลัก เนื่องจากยุคดังกล่าว ศิลปินอย่าง “จินตนา สุขสถิตย์” และ “สวลี ผกาพันธุ์” โดดเด่นในเรื่องการทำเพลงไทยสากลอย่างมาก ทำให้ทั้งสองต้องไปร้องเพลงสากลนั่นเอง
และเมื่อมาร้องเพลงสากล พวกเธอทั้งสองก็พบว่า เส้นทางการฝึกฝนนั้นไม่ง่าย เทปเพลงในยุคนั้น หรือเทปรีลเป็นของที่มีราคาสูง ทำให้ทั้งสองคนต้องเรียนร้องเพลงจากการฟังวิทยุคลื่นไนท์สปอต และการอ่านหนังสือเพลง I.S. Song Hits ที่ช่วยในการเรียนรู้เนื้อเพลงและเอามาจดเป็นภาษาไทย
สุดท้ายทั้งสองคนก็ฝึกฝนจนร้องเพลงสากลได้อย่างเชี่ยวชาญ และมีงานเข้ามามากขึ้นในเวลาต่อมา ซึ่งทั้งสองได้ยกตัวอย่าง Brenda Lee และ Sue Thompson คือศิลปินต่างชาติที่เป็นเจ้าของผลงานเพลง ที่ทั้งตัวของแม่เม้าและแม่แดงมักจะนำเพลงมาขับร้อง
นอกจากการเป็นศิลปินแล้ว การเตรียมตัวไปโชว์แต่ละงานก็ไม่ง่าย และต้องเตรียมชุดหลากหลายรูปแบบตามเทศกาล ทั้งปีใหม่ที่แต่งตัวชุดซานตาคลอส แต่งชุดไทยช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ แถมบางชุดก็ต้องสั่งจากเขตปกครองพิเศษฮ่องกงด้วย จนหลายคนน่าจะเห็นภาพว่าศิลปินต้องลงทุนกับหลายสิ่ง ทั้งการเรียนรู้เรื่องเพลง ก่อนจะได้รับรายได้ที่มาจากการแสดงคอนเสิร์ตที่เป็นงานจ้างในภายหลัง
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคของศิลปินในอดีต คือ เรื่องค่านิยมการเต้นกินรำกิน แม่เม้าและแม่แดง มักจะเจอคำดูถูก และคนรุ่นเก่าไม่ค่อยอยากให้ลูกชายมาแต่งงานกับคนที่มีอาชีพนักร้อง แม้ว่าทั้งสองจะมีรายได้จากการร้องเพลงเป็นจำนวนมากก็ตาม แต่ถึงแม้ว่าเส้นทางการเป็นศิลปินของแม่เม้าและแม่แดงจะไม่ง่าย สุดท้ายทั้งสองก็เป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับจากคนฟังทั่วประเทศ
ความลำบากในการเข้าถึงเพลงของคนรักเสียงดนตรี
นอกจากเรื่องราวเส้นทางอันยากเย็นของศิลปินทั้งสองคน เรื่องราวน่าตกใจอีกอย่างที่เราได้ฟังก็คือ ตัวของแฟนเพลงหรือคนรักดนตรีนั้นก็เข้าถึงศิลปินหรือเพลงได้ยากเช่นกัน เพราะถ้าแฟนเพลงอยากสนับสนุนตัวของแม่เม้าและแม่แดง ต้องซื้อเทปและแผ่นเสียงซึ่งไม่ได้มีราคาถูก
หรือถ้าอยากฟังเพลงก็ไปได้แค่เลานจ์ตามโรงแรมที่ทั้งสองเข้าแสดงเท่านั้น เพราะการแสดงคอนเสิร์ตยังไม่ได้แพร่หลายในช่วงเวลานั้น ทำให้การสนับสนุนศิลปินในอดีตเป็นเรื่องยากมาก ศิลปินทั้งสองคนบอกว่า ถ้าอยากเข้าถึงเพลง บางทีต้องไปขอเพลงจากคลื่นวิทยุ หลายคนที่ฟังเรื่องราวจากปากของแม่เม้าและแม่แดง น่าจะรู้สึกเหนื่อยแทนคนรักเสียงเพลงในยุคนั้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไป การแสดงคอนเสิร์ตเริ่มมีจำนวนและหลากหลายโอกาสมากขึ้น รายการทีวีเกี่ยวกับเพลงและรายการเพลงทางวิทยุก็มีจำนวนมากขึ้น ทำให้คนฟังเพลงยุคต่อมา เข้าถึงเพลงได้ง่ายขึ้น
กระทั่งพอมาถึงยุคนี้ นอกจากการฟังเพลงจากสื่อหลักแล้ว เรายังสามารถเข้าฟังเพลงผ่านช่องทางออนไลน์และอินเทอร์เน็ตได้อีกด้วย โดยสามารถค้นหาและเข้าไปฟังได้ง่าย ๆ ทำให้การเข้าถึงเพลงง่ายกว่าอดีตอย่างมาก
บทสรุป
วงการเพลงในยุคของแม่เม้า สุดา และ แม่แดง ฉันทนา ใช้ชีวิตมา ถือเป็นยุคที่ไม่ง่ายกับทั้งศิลปินและคนฟังเพลง แต่ถึงแม้ว่าหลายอย่างจะมีข้อจำกัด แต่สุดท้ายทั้งสองก็ได้กลายเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จ ขณะที่แฟนเพลงก็ต้องพยายามพอสมควรเพื่อเข้าถึงวงการเพลงเช่นกัน ก่อนที่ทุกสิ่งจะง่ายและมาอยู่ที่ปลายนิ้วเราอย่างทุกวันนี้