ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ย้อนรอยชาวอุยกูร์เป็นใคร? เหตุใดจีนถึงถูกกล่าวหา ละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง


รอบโลก

6 มี.ค. 68

InfoFriend

Logo Thai PBS
แชร์

ย้อนรอยชาวอุยกูร์เป็นใคร? เหตุใดจีนถึงถูกกล่าวหา ละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง

https://www.thaipbs.or.th/now/content/2422

ย้อนรอยชาวอุยกูร์เป็นใคร? เหตุใดจีนถึงถูกกล่าวหา ละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง
บริการเสริมจาก Thai PBS AI

 

ชาวอุยกูร์ (Uyghurs/Uighurs) เป็นชนกลุ่มน้อย หรือกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ หรือ XUAR (Xinjiang Uyghur Autonomous Region) ทางตะตกเฉียงเหนือของจีน ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในจีนกว่า 1.6 ล้านตารางกิโลเมตร อีกทั้งเป็นแหล่งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และฝ้ายแห่งสำคัญของประเทศ

ถึงแม้ภูมิประเทศส่วนใหญ่ของ XUAR เป็นภูเขาสูง และทะเลทราย แต่มีทัศนียภาพที่สวยงาม อีกทั้งเป็นภูมิภาคที่อยู่ใกล้กลุ่มประเทศในเอเชียกลาง และยุโรปตะวันออก ตามแนว “เส้นทางสายไหม”  (Silk Road) โบราณของจีน ดังนั้น จีนจึงให้ความสำคัญว่า XUAR ซึ่งมีเนื้อที่ถึงราว 1 ใน 6 ของประเทศ เป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์การค้ากับต่างประเทศ

ทัศนียภาพของเมืองคัชการ์ ในเขตปกครองตนเองซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566

ชาวอุยกูร์พูดภาษา “อุยกูร์” ซึ่งคล้ายกับภาษาตุรกี และมีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกับกลุ่มประเทศอื่น ๆ ในเอเชียกลาง เช่น คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน และอุซเบกิสถาน อีกทั้งส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามมาตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 9 แต่ก่อนหน้านั้น ชาวอุยกูร์นับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์ (Zoroastrianism) หรือ ศาสนาบูชาไฟ และศาสนาพุทธ

ชาวอุยกูร์ด้านนอกมัสยิดอิดกะฮ์ ในเมืองคัชการ์ ในเขตซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566

หวัง อี้ รมว.การต่างประเทศ ของจีนแถลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ปัจจุบันมีชาวอุยกูร์อยู่ราว 12 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งสิ้นกว่า 1,400 ล้านคนของจีน อีกทั้งเป็นสัดส่วนถึงเกือบร้อยละ 50 ของจำนวนประชากรทั้งสิ้นใน XUAR และว่าจำนวนชาวอุยกูร์ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นจากราว 5.5 ล้านคนเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน

หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน

สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า ชาวอุยกูร์พยายามแยกภูมิภาคของตนเป็นเอกราชหลายครั้ง เนื่องจากมีอาณาเขตกว้างใหญ่ใกล้เคียงกับประเทศอิหร่าน เช่น เมื่อปี 2476 ชาวอุยกูร์ส่วนใหญ่ได้ประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐเตอร์กิสถานตะวันออก (East Turkestan) แต่ไม่นานก็ถูกกองทัพของอดีตรัฐบาลจีนคณะชาติภายใต้การนำของนายพลเจียง ไคเชกเข้ายึดครอง

ชาวอุยกูร์พยายามจัดตั้งสาธารณรัฐเตอร์กิสถานตะวันออกเป็นครั้งที่ 2 เมื่อปี 2487 โดยครั้งนี้ได้รับการหนุนหลังจากอดีตสหภาพโซเวียต อย่างไรก็ตาม “โจเซฟ สตาลิน” (Joseph Stalin) ผู้นำของอดีตสหภาพโซเวียตในขณะนั้น กลับไฟเขียวให้รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนภายใต้การนำของ “เหมา เจ๋อตง” เข้าผนวกภูมิภาคชาวอุยกูร์เป็นส่วนหนึ่งของจีน
 

โจเซฟ สตาลิน ผู้นำของอดีตสหภาพโซเวียต

ดังนั้น ภูมิภาคอุยกูร์จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ หรือสาธารณรัฐประชาชนจีน (People's Republic of China) ตั้งแต่ปี 2492 และจีนประกาศจัดตั้ง XUAR อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2498 โดยจีนอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองภูมิภาคของชาวอุยกูร์ตั้งแต่ช่วง 206 ปีก่อนคริสตกาล (206BC) และประกาศให้เป็น “ดินแดนที่แบ่งแยกไม่ได้” ของประเทศ

เหตุใดจีนถึงถูกกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง?

ชาวอุยกูร์ไม่ยอมรับการอ้างกรรมสิทธิ์ของจีน โดยชี้ว่า พรมแดนของภูมิภาคอุยกูร์ถูกกำหนดใหม่หลายต่อหลายครั้งในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมาโดยกลุ่มผู้ปกครองหลายกลุ่ม ไม่เพียงจีน เช่น กลุ่มผู้ปกครองเตอร์กิก คาราคานิดโบราณ (Turkic Karakhanid) และกลุ่มผู้ปกครองมองโกล

ชาวอุยกูร์เป็นจำนวนมากจึงได้อพยพไปอยู่ต่างประเทศ โดยกลุ่มชาวอุยกูร์ในต่างแดนชี้ว่า ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรมของชาวอุยกูร์ใน XUAR ก็แตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ ของจีนอย่างชัดเจน นอกจากนี้ กลุ่มผู้อพยพชาวอุยกูร์ยังต้องหลบหนีการปราบปรามทางการเมือง และทางศาสนาของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อกลุ่มต่อต้านด้วย
 

การชุมนุมของชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยในฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2553 หน้าหอไอเฟล กรุงปารีส

รายงานของอัลจาซีราระบุว่า กลุ่มชาวอุยกูร์ได้เริ่มอพยพออกนอกประเทศตั้งแต่ภูมิภาคของตนถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจีน อย่างไรก็ตาม เกิดการอพยพออกนอกประเทศครั้งใหญ่ของชาวอุยกูร์ในช่วงทศวรรษหลังปี 2493s และทศวรรษหลังปี 2503s (1950s and 60s) เนื่องจากเกิดภาวะทุพภิกขภัย หรือ “ข้าวยากหมากแพง” ครั้งใหญ่

อีกทั้งการนองเลือดในประเทศจากการปราบปรามผู้คนครั้งใหญ่ของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนในยุค “ปฏิวัติวัฒนธรรม” (Cultural Revolution) ช่วงปี 2509-2519 เพื่อธำรงระบอบคอมมิวนิสต์ และกวาดล้างกลุ่มทุนนิยมที่ยังหลงเหลืออยู่ในประเทศ ตลอดจนกลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิม
 

ชาวอุยกูร์ชุมนุมประท้วงใกล้กับรัฐสภาเบลเยียม ในกรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2564

ด้วยเหตุนี้ ชาวอุยกูร์ และกลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมอื่น ๆ รวมหลายแสนคนเป็นอย่างน้อยต้องลี้ภัยไปอยู่กลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน อื่น ๆ ในเอเชียกลาง และบางส่วนลี้ภัยไปอยู่ในตุรกี และอัฟกานิสถาน หลังจากนั้น ก็เกิดสถานการณ์ตึงเครียด และเหตุการณ์รุนแรงที่เชื่อมโยงกับชาวอุยกูร์อีกเป็นระยะ ๆ

รายงานระบุว่า หลังจากเหตุการณ์ 9/11 ซึ่งอาคาร World Trade Center และเป้าหมายอื่น ๆ ในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ถูกกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ (al-Qaeda) โจมตีเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2544 รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็เริ่มโหมปรามปรามกลุ่มชาวอุยกูร์ในประเทศ โดยอ้างว่า เป็นการปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง และกลุ่มแบ่งแยกดินแดน
 

เหตุการณ์ 9/11 เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2544

รัฐบาลจีนชี้ว่า อิรัก อัฟกานิสถาน และปากีสถาน ซึ่งกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์มีฐานกำลังอยู่ มีพรมแดนบางส่วนติดกับ XUAR นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังสนับสนุนให้ชาวจีนฮั่นหลายล้านคนเข้าไปตั้งรกรากใน XUAR ทำให้ปัจจุบันมีประชากรชาวจีนฮั่นใน XUAR จำนวนมากเป็นอันดับ 2 ใน XUAR และเกิดความขัดแย้งรุนแรงกับชาวอุยกูร์ดั้งเดิม อาทิ เกิดการปะทะกันในเมืองอุรุมชี (Urumqi) เมืองเอกของ XUAR เมื่อปี 2552 และ 2554 ทำให้ชาวอุยกูร์เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และบาดเจ็บอย่างน้อย 40 คน ทั้งนี้ สถานการณ์ตึงเครียด และความรุนแรงใน XUAR ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้มีชาวอุยกูร์อีกหลายพันคนอพยพไปอยู่ในยุโรป และสหรัฐฯ

ตำรวจปราบจลาจลของจีนเผชิญหน้ากับผู้ประท้วงชาวมุสลิมเชื้อสายอุยกูร์ในเมืองอุรุมชี มณฑลซินเจียงทางตะวันตกของจีน เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2552

ตั้งแต่ปี 2560 การปราบปรามชาวอุยกูร์ใน XUAR ของทางการจีนได้ทวีความเข้มข้นขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ มีชาวอุยกูร์ถูกจับกุม และถูกควบคุมตัวเข้าค่ายกักกัน “ปรับทัศนคติ” เป็นจำนวนมากตามนโยบายหลอมรวมกลุ่มชาติพันธุ์ต่างศาสนา วัฒนธรรม และความเห็นต่างให้เป็นจีนหนึ่งเดียวของรัฐบาล และพรรคคอมมิวนิสต์จีน

กลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวอุยกูร์ และกลุ่มปัญญาชน ซึ่งถูกกล่าวหาว่า เป็นกลุ่มชาวมุสลิมแบ่งแยกดินแดนถูกจองจำ ทารุณกรรม หรือถูกประหารชีวิต ในขณะที่กลุ่มชาวอุยกูร์ที่อพยพกลับประเทศจะถูกตั้งข้อหาว่า เป็นกลุ่มผู้ต้องสงสัยปลุกปั่นแนวคิดหัวรุนแรงสุดโต่งต่อต้านรัฐบาล และจะถูกสอบสวน
 

นักสิทธิมนุษยชนระบุว่ามีชาวอุยกูร์และมุสลิมอื่นๆ กว่า 1 ล้านคนถูกกักขังในเขตซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ขณะที่รัฐบาลจีนกล่าวว่าเป็นศูนย์อาสาสมัครสำหรับสอนทักษะอาชีพ ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2566

ทางการจีนยังได้บังคับใช้มาตรการคุมกำเนิดต่อชาวอุยกูร์ และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ เพื่อลดจำนวนประชากรลง 2.6-4.5 ล้านคนภายใน 20 ปีด้วย อีกทั้งยังห้ามกลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ห้ามกลุ่มสตรีมุสลิมคลุมหน้า และห้ามกลุ่มชายมุสลิมไว้เครา ตลอดจนบังคับให้กลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมบริโภคเนื้อสุกร ซึ่งขัดกับหลักของศาสนาอิสลาม

นอกจากนี้ สุเหร่าหลายพันแห่งถูกทำลาย หรือทำให้เสียหาย อีกทั้งมีการสแกนใบหน้า ตลอดจนใช้เทคโนโลยีเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัว เครือข่ายการติดติดของชาวอุยกูร์ และกลุ่มชาติพันธุ์ชาวมุสลิมอื่น ๆ อีกทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดอย่างดาษดื่นใน XUAR เพื่อจับตาความเคลื่อนไหว และควบคุมพฤติกรรมของผู้คน รวมถึงกลุ่มสื่อมวลชน
 

นักท่องเที่ยวในเขตปกครองตนเองซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน วันที่ 20 ก.ค. 2566

อย่างไรก็ตาม ทางการจีนปฏิเสธรายงานของกลุ่มปกป้องสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ รวมถึงองค์การนิรโทษกรรมสากล หรือ AI (Amnesty International) ว่า XUAR กลายสภาพเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน อีกทั้งปฏิเสธข้อกล่าวหาของกลุ่มชาติตะวันตกที่ว่า จีนจงใจฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ใน XUAR โดยยืนกรานว่า เป็นการปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งอย่างสอดคล้องกับกติกาสากล

ส่วนค่าย “ปรับทัศนคติ” ก็เป็นการฝึกกลุ่มชาติพันธุ์ใน XUAR ให้มีทักษะเพื่อมีงานทำ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาความยากจน และยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเขา และเกื้อหนุนเศรษฐกิจจีน ทางการจีนยังได้รายงานว่า ตั้งแต่ปี 2561 กลุ่มชาติพันธุ์ใน XUAR มีงานทำแล้วราว 151,000 คน และหลายคนมีรายได้ราว 45,000 หยวน หรือ 7,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
 

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จัตุรัสในเมืองคัชการ์ ในเขตปกครองตนเองซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2566

อย่างไรก็ดี ภาวการณ์ต่าง ๆ ใน XUAR ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติสำคัญ อีกทั้งเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์การค้าหลักกับต่างชาติของจีน ก็อาจตั้งข้อสังเกตได้ว่า เป็นแนวนโยบาย “หลอมรวมกลุ่มชาติพันธุ์ให้เป็นจีนหนึ่งเดียว” (Sinification) โดยเน้นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ “สุดโต่ง” เกินไปหรือไม่ของรัฐบาล และพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ติดตามชมรายการทันโลก กับ Thai PBS วันจันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 21.00 – 21.30 น. ทางช่อง Thai PBS หมายเลข 3 หรือรับชมออนไลน์ผ่านทาง www.thaipbs.or.th/Live และชมย้อนหลังได้ที่ https://www.thaipbs.or.th/program/Tanloke

แท็กที่เกี่ยวข้อง

จีนกลุ่มชาติพันธุ๋อุยกูร์
ผู้เขียน: InfoFriend

ยินดีนำเสนอและแลกเปลี่ยนข้อมูลทึ่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด