“ลำไย” (Longan) ผลไม้ขึ้นชื่อลือนามของเมืองไทย รสหวาน หอม อร่อยจนหลาย ๆ คนหลงใหล อีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของบ้านเรา มีคุณค่าทางโภชนาการที่มากกว่าความหวาน ซึ่งมีมากมายจนอาจนึกไม่ถึงเลยทีเดียว อยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่าจะมีอะไรบ้างตามมาอ่านกันได้เลย
“ลำไย” กับคุณค่าทางโภชนาการ
เนื้อผลของ “ลำไย” (Longan) ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เส้นใย แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินบีสอง ไนอาซิน วิตามินซี กรดอะมิโน และน้ำตาล ซึ่งทำให้ลำไยมีรสหวาน ได้แก่ กลูโคส ซูโครส และฟรุกโตส
ประโยชน์ทางยาของลำไยตามสรรพคุณแผนโบราณของไทยใช้เมล็ดแก้บาดแผลมีเลือดออก ห้ามเลือด แก้ปวด สมานแผล แก้แผลมีหนอง และแก้กลากเกลื้อน ใบแก้ไข้หวัด แก้มาลาเรีย แก้ฝีหัวขาด แก้ริดสีดวงทวาร ดอกแก้โรคเกี่ยวกับหนองทั้งหลาย รากใช้แก้เสมหะและลม ถ่ายโลหิตออกทางทวารหนัก แก้ระดูขาวมากผิดปกติ ขับพยาธิเส้นด้าย เปลือกต้นแก้เสมหะ ขับลมในลำไส้ แก้จุกเสียด สมานแผล แก้น้ำลายเหนียว
การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของลำไย (Longan) จะพบว่าฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระนับเป็นคุณสมบัติเด่นของลำไย สารสกัดจากส่วนต่าง ๆ ของลำไย ได้แก่ ใบ ดอก เนื้อผล เปลือกผล ลำต้น กิ่ง และเมล็ด มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ โดยเฉพาะสารสกัดจากเมล็ดซึ่งจะมีฤทธิ์ดีกว่าสารสกัดจากส่วนอื่น ๆ สารสำคัญในออกฤทธิ์จะเป็นสารในกลุ่มโพลีฟีนอล ได้แก่ gallic acid, ellagic acid, corilagin, 4-O-methylgallic acid, epi-catechin และสารโพลีแซคคาไรด์
ขณะที่ฤทธิ์ในการต้าน “มะเร็ง” เป็นอีกฤทธิ์หนึ่งของลำไย (Longan) ที่มีผู้สนใจศึกษา โดยพบว่าสารสกัดแยกส่วน (fraction) จากเมล็ดแห้งหรือเนื้อลำไยแห้ง มีฤทธิ์เหนี่ยวนำให้เกิดการตายแบบ apoptosis ของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ RKO-2, DLD-1, HT-15, SW-48 และ HCG สารสกัดแยกส่วน (fraction) จากเมล็ด มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ ยับยั้งการเจริญเติบโต และยับยั้งการลุกลามของเซลล์มะเร็งไปยังเซลล์ข้างเคียง เมื่อทดสอบกับเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ SW480 สารสกัดยังมีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ matrix metallo-proteinases-2 และ -9 ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการบุกรุกและการแพร่กระจายของมะเร็ง การทดลองในหนูที่เหนี่ยวนำให้เป็นมะเร็งลำไส้ด้วยสาร dimethylhydrazine พบว่าสารสกัดแยกส่วนจากเนื้อลำไยและเมล็ด มีฤทธิ์ป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
โดยสารโพลีแซคคาไรด์จากเมล็ด มีฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งปอด A549 และต้านเนื้องอกในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดเนื้องอก ส่วนสารโพลีแซคคาไรด์จากเนื้อผล มีฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งรังไข่ SKOV3 และ HO8910 และเซลล์มะเร็งหลังโพรงจมูก HONE1 และยังมีฤทธิ์ต้านเนื้องอกในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดเนื้องอก
สารโพลีฟีนอลในเมล็ดสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ Colo 320DM, SW480 และ HT-29 สารสกัดจากเปลือกผลซึ่งมีสารสำคัญ ได้แก่ gallic acid, ellagic acid และ corilagin สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งกระเพาะอาหาร SGC-7901 และเซลล์มะเร็งปอด A-549 ได้ แต่ไม่มีผลกับเซลล์มะเร็งตับ HepG2
ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ของสารสกัดจาก “ลำไย” (Longan) ซึ่งมีการบอกกล่าวสรรพคุณในการบรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบของข้อเข่า เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อ ออกวางจำหน่าย เมื่อศึกษาจากงานวิจัยพบว่า สารสกัดจากดอก เมล็ด กิ่ง เนื้อผล และเปลือกผล มีฤทธิ์ลดการอักเสบได้ทั้งในเซลล์เพาะเลี้ยงและสัตว์ทดลอง สารสกัดจากเมล็ดมีฤทธิ์ยับยั้งสารกระตุ้นการอักเสบ IL-1 ซึ่งทำให้เกิดการเสื่อมสลายของเซลล์กระดูกข้อเข่า แสดงว่าสารสกัดจากเมล็ดลำไยมีฤทธิ์ต้านการเสื่อมสลายของเซลล์กระดูกอ่อน ซึ่งจะเป็นแนวทางในการที่จะนำมาพัฒนาใช้ในการรักษาโรคข้อเสื่อมได้ สารสกัดจากดอก สาร proanthocyanidin A2 และ acetonylgeraniin A ที่แยกได้จากดอก
สารสกัดจากเมล็ดลำไย (Longan) สาร gallic acid, corilagin และ ellagic acid ที่แยกได้จากเมล็ด มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ xanthine oxidase ลดระดับของกรดยูริกในเซลล์ตับ (clone-9 cells) และลดระดับของกรดยูริกในเลือดของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดภาวะกรดยูริกในเลือดสูงได้ ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนผลของการใช้ลำไยในการรักษาโรคเกาต์ นอกจากนี้สารสกัดน้ำจากผลยังมีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างกระดูกซึ่งอาจช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุนได้
นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว “ลำไย” (Longan) ยังมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อยีสต์ ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ฤทธิ์เพิ่มความจำ ต้านการเป็นพิษต่อตับ ลดความวิตกกังวล ปกป้องเซลล์ประสาท ปกป้องสมอง ต้านการก่อกลายพันธุ์ ต้านความเหนื่อยล้า ต้านเชื้อไวรัสตับอักเสบซี และปรับระบบภูมิคุ้มกัน
จะเห็นได้ว่า “ลำไย” (Longan) เป็นผลไม้ที่นอกเหนือจากคุณค่าในด้านเศรษฐกิจและอาหารแล้ว ยังมีคุณประโยชน์ในทางยาด้วย จากคุณสมบัติเด่นในการ “ต้านอนุมูลอิสระ” ลำไยจึงมีศักยภาพที่จะนำไปพัฒนาเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ และประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องสำอาง และยาได้ โดยเฉพาะสารสกัดจากเมล็ดและเปลือกลำไยที่พบว่ามีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาและสารสำคัญหลายชนิดที่น่าสนใจ ซึ่งควรจะนำมาศึกษาเพิ่มเติมโดยเฉพาะการศึกษาในคน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ และเป็นการเพิ่มมูลค่าของวัสดุที่เหลือทิ้งจากการบริโภคอีกด้วย
ผลวิจัยสู่คำถามที่หลายคนสงสัย ? “ลำไย” (Longan) มีรสหวาน “ผู้ป่วยเบาหวาน” กินได้ไหม
ในความจริงแล้ว ผลไม้ที่ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานได้มีหลายอย่าง แต่ผลไม้ที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานควรเป็นผลไม้ที่ไม่หวานจัด ควรเลือกผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลน้อยและมีกากใยสูง เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลง ปริมาณน้ำตาลที่เหมาะสมต่อวันสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน คือประมาณ 3-4 ส่วนต่อวัน ซึ่งผลไม้สำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่น้ำตาลไม่สูงได้แก่ ส้ม มะละกอ สับปะรด พุทรา มังคุด แอปเปิล ทับทิม แก้วมังกร และอื่น ๆ
ทั้งนี้ ปริมาณผลไม้ 1 ส่วน จะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาด ความหวาน หรือปริมาณคาร์โบไฮเดรต โดยทั่วไปพอจะกะประมาณได้ ดังนี้
- ผลไม้ผลเล็ก 1 ส่วน = 5-8 ผล เช่น ลำไย (Longan) ลองกอง องุ่น
- ผลไม้ผลเล็ก 1 ส่วน = 5-8 ผล เช่น ลำไย ลองกอง องุ่น
- ผลไม้ผลใหญ่ 1 ส่วน = ครึ่งผล เช่น มะม่วง ฝรั่ง
- ผลไม้ผลใหญ่มาก 1 ส่วน = 6-8 ชิ้นพอดีคำ เช่น มะละกอ สับปะรด แตงโม
นอกจากข้างต้นที่กล่าวมาแล้วยังมีผลไม้อีกหลายชนิด ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานเนื่องจากมีกลูโคสในปริมาณเหมาะสม ซึ่งสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ควรรับประทานผลไม้แบบสด ๆ ไม่ควรกินผลไม้ที่ผ่านการเชื่อม หมักดอง หรือมีเครื่องจิ้ม และที่สำคัญควรได้รับการตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะเพื่อหาระดับน้ำตาลควบคู่กันไป นอกจากนี้ควรหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ รวมถึงพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อจะได้มีสุขภาพแข็งแรง - ระดับน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์
📌อ่าน : ย้อนรอยประวัติศาสตร์ “ลำไย” ผลไม้เศรษฐกิจเมืองเหนือ
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
.
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : อรัญญา ศรีบุศราคัม สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, พญ.รสสุคนธ์ ลิขิตจิตถะ โรงพยาบาลนครธน, pubmed.ncb
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech