พระเอกอกหักจากผู้หญิงแป๊บเดียว อีกวันไปปิ๊งรักกับรุ่นพี่ผู้ชายได้เลยเหรอ?
คำถามคาใจผู้ใหญ่วัยสะรุ่นแบบเรา หลังจากได้ดูซีรีส์ดังทั่วบ้าน ฮิตทั่วเมือง อย่าง ‘GELBOYS สถานะกั๊กใจ’ แค่ตอนแรก หลังจากตัวเอกอย่าง ‘โฟร์มด’ อกหักจากสถานะกั๊กใจจากสาวน้อยน่ารักขณะเรียนออนไลน์ นำไปสู่รักครั้งใหม่ กับ ‘เชียร’ รุ่นพี่สุดเท่ หนุ่มเล็บเจลที่ทำให้ใจเต้นแรงอีกครั้ง แต่รักครั้งใหม่นี้ก็ยังไม่วายติดอยู่สถานะกั๊กใจต่อเนื่อง ถึงแม้จะใช้การทำเล็บเจล เป็นสะพานเชื่อมรักของทั้งสองเท่าไหร่ก็ตาม
เราคงไม่ต้องไปสาธยายเรื่องย่อให้ยืดยาว เพราะที่เราข้องใจ คงไม่ต่างจากใครอีกหลายคนที่มีข้อสังสัยเช่นกัน ว่าคนเราสามารถชอบหรือรักคนเพศสภาพใดก็ได้จริงไหม ? หรือนี่จะเป็นความรู้ใหม่ที่คนรุ่นเราต้องเรียนรู้และเข้าใจเด็กเจน Z ที่ก้าวหน้าไปไกลกว่าที่เราคิด


นิยามความรักรุ่นใหม่ แบบลื่นไหลใส่สเก็ต
ลักษณะความสัมพันธ์ที่ว่านี้ก็คือ ความลื่นไหลทางเพศ หรือ Gender fluid/fluidity ซึ่งเป็นลักษณะความสัมพันธ์ที่ไม่ยึดติดกับเพศสภาพ ซึ่งก่อนหน้านี้ ไทยพีบีเอสเคยนำเสนอละครเรื่องหนึ่ง ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศซ่อนอยู่เช่นกัน กับละครที่มีชื่อว่า ณ ขณะเหงา The Broken Us ซึ่งในประเด็นนี้ ดร.ชเนตตี ทินนาม อาจารย์ประจำภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยได้ให้ความเห็นไว้ใน SIDE STORY ของละครเรื่องนี้ว่า การที่เราจะเข้าใจผู้ที่มีความลื่นไหลทางเพศ เราจำเป็นต้องเข้าใจหลักการ SOGIE ก่อน
คำว่า SOGIE เป็นหลักการสำคัญที่ประกาศอยู่ในหลักการยอกยาการ์ตา (Yogyakarta Principles) สิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ซึ่งเป็นร่มธงขนาดใหญ่ที่รวมความหลากหลายทางเพศเอาไว้ โดยแบ่งเป็นตัวย่อที่หลากหลายมารวมกันเช่น
SO - Sexual Orientation คือวิถีทางเพศ หรือรสนิยมทางเพศ
GI - Gender Identity คืออัตลักษณ์ทางเพศ
GE - Gender Expression การแสดงออกทางเพศ
SOGIE คือหลักการสำหรับผู้ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศ และการแสดงออกทางเพศที่หลากหลาย ที่มองความรักที่สามารถมีความผูกสัมพันธ์กับเพศใดก็ได้ ไม่คงที่ และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งแตกต่างจากวิธีคิดเดิม ที่ผูกUsความสัมพันธ์ระหว่างกันไว้ที่เพศสภาพระหว่างชายกับหญิงเท่านั้น


ณ ขณะเหงา The Broken Us ซึ่งมีตัวละครสำคัญที่มีชื่อว่า ‘ต่อ’ จากเพศสภาพที่สามารถมองเห็นได้ เขามีอัตลักษณ์ทางเพศ (GI - Gender Identity) เป็นผู้ชายปกติ แต่ก็ได้แสดงออกทางเพศ (GE - Gender Expression) อีกแบบหนึ่ง เพราะเขาจะชอบสวมกระโปรงไปทำงาน ชอบอะไรสวย ๆ งาม ๆ และนั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะต้องมีรสนิยมทางเพศ (SO - Sexual Orientation) เป็นแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น เพราะทั้ง 3 ส่วนนี้ไม่จำเป็นต้องมีความเชื่อมโยงกัน เขาสามารถมีสิทธิในการเลือกคิด ทำ หรือชอบแบบใดก็ได้ตราบใดที่เราไม่ทำร้ายใคร และมีความสุขในรูปแบบของเขาเอง
ด้วยความคิดนี้เองส่งผลให้ความคิดของคนรุ่นปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับการแสดงออกซึ่งความรัก ผ่านตัวตนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทดลองหาตัวตน บนกรอบใหม่ที่ตัวเองสร้างขึ้น ไม่ยึดติดกับกรอบสังคมเดิมที่เคยมี ดังนั้นการที่ ‘โฟร์มด’ จะรู้สึกรักหรือชอบใคร แสดงออกผ่านการแต่งตัว หรือใช้ภาษาแบบใด ก็ถือว่าเป็นความสนุกสนานผ่านช่วงวัยที่สามารถทำได้อย่างเสรี
ความรักแบบกั๊ก ๆ อยากใส่ใจ แต่ไม่ให้สถานะ
อีกหนึ่งความน่าสนใจของความสัมพันธ์ในมิติใหม่ ๆ ของตัวละครในเรื่อง GELBOYS สถานะกั๊กใจ คือความรักแบบสถานะกั๊ก หรือ ‘Situationships’ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณลักษณะของความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจริงในยุคปัจจุบัน ถ้าจะให้นิยามความหมายของคำนี้ ก็อาจจะเป็น ‘อยากใส่ใจ แต่ไม่ให้สถานะ’ โฟกัสเฉพาะการใช้เวลาร่วมกันในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่มีการผูกมัด ไม่มีสัญญาใจ ถ้าใครมีคนที่ใช่ ก็สามารถยกเลิกสถานะนี้ได้ทันที
ความอันตรายของสถานะนี้คือ มันมักจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่รู้สึกมากกว่าเสมอ ในขณะที่อีกฝ่ายจะถือไพ่เหนือกว่า และสามารถใช้แต้มต่อของตัวเองเพื่อเล่นกับหัวใจของอีกฝ่ายได้ (เจ็บปวดนักแหละ) รู้ทั้งรู้ว่าความสัมพันธ์แบบนี้สุดท้ายจะมีฝ่ายที่เจ็บปวด แต่ก็ยังพร้อมใจกันลงไปเล่น เพราะคนยุคใหม่ใช้เวลาใส่ใจกับตัวเองและสิ่งรอบข้างที่หมุนไวจนตามแทบจะไม่ทัน ดังนั้นการให้สถานะใครสักคนจึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้หนัก เพราะพวกเขายังไม่พร้อมที่จะผูกมัด และไม่มั่นใจว่าจะสามารถใช้เวลาร่วมกับใครคนใดคนหนึ่งได้นานจริง ๆ หรือเปล่า
หลายคนบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้ เป็นหนึ่งในการเก็บหน้าประวัติศาสตร์วัยรุ่นชาวสยาม ซึ่งก็คงไม่ผิดนัก เพราะนอกจากภาษาที่ใช้ กิจกรรมที่คนรุ่นใหม่สนใจ หรือการแต่งตัวที่จัดจ้าน เราได้เรียนรู้มุมมองความสัมพันธ์ในรูปแบบที่เคลื่อนตัวไปอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อบอกให้คนรุ่นเรารู้ว่า สุดท้ายคนรุ่นใหม่จะเติบโตบนความคิด และความเชื่อใหม่ ๆ อยู่เสมอ บนความเชื่อของเราที่ว่าพวกเขาจะคิด และสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ตามที่เขาต้องการ โดยมีเราเฝ้ามองการเติบโตของพวกเขาอย่างเข้าใจ
ขอบคุณภาพจาก LOOKE