ผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ทั่วโลกแชร์ภาพที่สร้างจากปัญญาประดิษฐ์พร้อมคำกล่าวอ้างเท็จว่าเป็นภาพเหตุเพลิงไหม้คลังสินค้าของเทมู (Temu) บริษัทอีคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่สัญชาติจีน เจ้าของภาพบอกกับ AFP ว่าภาพดังกล่าวเป็นแค่มุกตลก และไม่พบรายงานที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว
"คลังสินค้าของ Temu ที่จีนเกิดเพลิงไหม้ มูลค่าความเสียหายประมาณ 56.19 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 1915 บาท" ผู้ใช้งาน X รายหนึ่งโพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2567
รูปภาพในโพสต์แสดงเหตุไฟไหม้คลังสินค้าของเทมู แอปพลิเคชันขายสินค้าออนไลน์ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือของบริษัทอีคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่อย่างพินตัวตัว หรือ PDD Holdings ที่จำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับลูกค้าทั่วโลก (ลิงก์บันทึก)

ภาพดังกล่าวถูกแชร์พร้อมคำกล่าวอ้างเท็จลักษณะเดียวกันในโพสต์ภาษาอังกฤษ เกาหลี ตากาล็อก และฝรั่งเศส โดยมีผู้ใช้งานหลายรายที่เชื่อว่านี่เป็นภาพของเหตุการณ์จริง
ภาพจากเอไอ
มีองค์ประกอบหลายจุดที่ระบุได้ว่าเป็นภาพที่สร้างจากเอไอ โดยเฉพาะลายน้ำ "Grok" ที่มุมขวาล่างของภาพ ซึ่งเป็นชื่อของแชตบอตเอไอที่พัฒนาโดยบริษัท xAI ของอีลอน มัสก์
นอกจากนี้ ยังพบการสะกดชื่อแบรนด์ผิดจาก "Temu" เป็น "Tehu" และโลโก้ในภาพที่ไม่ตรงกับโลโก้ทางการของบริษัท (ลิงก์บันทึก)

ปัจจุบันยังไม่มีวิธียืนยันรูปที่สร้างจากเอไอที่สามารถใช้ได้ผลในทุกกรณี แต่การสังเกตลายน้ำและองค์ประกอบภาพถือเป็นขั้นตอนเบื้องต้นที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากรูปที่สร้างจากเอไอยังมีความไม่สมบูรณ์แม้จะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดก็ตาม
'แค่มุกตลก'
การค้นหาภาพย้อนหลังบนกูเกิลพบภาพเดียวกันถูกเผยแพร่บนบัญชี X ของผู้ใช้งานชื่อ @DocAtCDI ซึ่งแชร์ภาพนี้พร้อมกับข้อความเชิงขบขัน (ลิงก์บันทึก)
"เกิดเหตุเพลิงไหม้คลังสินค้าขนาด 5,296 ตารางเมตรของเทมูในจีนวันนี้ มูลค่าความเสียหายสูงถึงราว 56.19 ดอลลาร์สหรัฐ" ข้อความในโพสต์ดังกล่าวระบุ
เจ้าของโพสต์ยืนยันกับ AFP เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2568 ว่าเขาสร้างรูปนี้ด้วยเอไอ
"มีลายน้ำอยู่ที่มุมขวาล่างเพื่อที่คนจะได้รู้ว่ารูปนี้สร้างโดยเอไอ" เขากล่าว "มันเป็นแค่มุกตลกเท่านั้น"
บัญชีเดียวกันนี้ยังโพสต์รูปไฟไหม้อาคารเทมูรูปอื่น ๆ ซึ่งสร้างจากเอไอเช่นกัน

การค้นหาด้วยคำสำคัญต่าง ๆ ยังพบโพสต์ก่อนหน้าที่แชร์รูปเหตุไฟไหม้คลังสินค้าเทมูอื่น ๆ โดยมีลายน้ำของ Grok และข้อความบรรยายภาพแบบเดียวกันอีกด้วย (ลิงก์บันทึก)
องค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างสโนป์สระบุด้วยว่า วอเตอร์ฟอร์ด วิซเปอร์ส นิวส์ (Waterford Whispers News) ช่องยูทูบของชาวไอร์แลนด์ที่ผลิตเนื้อหาแนวเสียดสี ได้โพสต์วิดีโอลักษณะเดียวกันว่าเกิดเหตุไฟไหม้คลังสินค้าเทมูเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 (ลิงก์บันทึกที่นี่ และนี่)
ณ วันที่ 14 มกราคม 2568 ยังไม่พบรายงานทางการใด ๆ ที่ยืนยันได้ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้คลังสินค้าของบริษัทเทมู
ข้อมูลจาก : AFP
ประโยชน์และโทษของภาพจาก AI ในปัจจุบัน

อ.ดร.บัณฑูร พานแก้ว อาจารย์คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความคิดเห็นถึงกรณีการนำภาพจาก AI มาใช้ในปัจจุบัน
อ.ดร.บัณฑูร ระบุว่า ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเริ่มต้นขึ้นใหม่ ๆ คนก็จะเริ่มสามารถรีทัช ตัดต่อภาพ หรือ วิดีโอ และ AI ก็ถือเป็นเทคโนโลยีที่ต่อเนื่องมาจากยุคเริ่มต้นของการสร้างภาพเหล่านี้ ซึ่งประโยชน์ของ AI ถือว่ามีประโยชน์มาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีโทษเช่นเดียวกัน โดยในส่วนของประโยชน์ของ AI ถือว่าสามารถช่วยเราในการสร้างภาพที่เราไม่สามารถถ่ายรูปได้ง่ายขึ้น หรือช่วยบางชิ้นงานที่ไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูป เช่น ภาพของสัตว์ป่าบางชนิดที่หาได้ยากมาก การถ่ายรูปปกติทำไม่ได้ หรือ ไม่มีทักษะในการถ่ายรูป วาดรูป หรือทำอินโฟกราฟิก ที่ในอดีตอาจต้องใช้ระยะเวลานาน ดังนั้น AI จึงมามีบทบาทในการสร้างภาพเหล่านี้ เพื่อที่จะลดอุปสรรค์ต่าง ๆ ลง ซึ่งปัจจุบันถือว่ามีการใช้งานในทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ทั้งหมด
แต่ปัญหาของการใช้ AI ยังเป็นเรื่องของเจตนา เพราะคนที่มีเจตนาในเชิงลบ ก็สามารถสร้างภาพเหล่านี้มาเพื่อวัตถุประสงค์อะไรบางอย่างของตนเองได้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งกรณีของการสร้างภาพที่แม้จะเพื่อความสนุกสนาน แต่เมื่อภาพดังกล่าวถูกปล่อยออกสู่สาธารณะ ก็สามารถสร้างความเข้าใจผิด และก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าการบิดเบือนข้อเท็จจริงตามมาได้
ข้อสังเกตว่าภาพใดจริง หรือสร้างจาก AI
อย่างไรก็ตามภาพที่เกิดขึ้นจากการสร้างของ AI ก็ถือว่ายังสามารถจับผิด หรือสังเกตความผิดปกติได้ง่าย ๆ โดยดูได้จาก
1. ภาพเหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นจริงหรือไม่ รูป AI เพราะภาพจาก AI ที่เราเห็นโดยส่วนใหญ่นั้น รูปแบบในพิกเซลอาจจะไม่เหมือนกับภาพถ่ายจริง โดยดูได้จากลักษณะทางทัศนมิติของภาพ ลักษณะของแสงเงาในภาพ
2. สังเกตรายละเอียดเล็ก ๆ เช่น ตัวอักษร ทัศนมิติของเลนของภาพที่ไม่สอดคล้องกันของฉากหน้าหรือฉากหลัง และดูที่มาของภาพ หรือ EXIF DATA ว่ามาจากที่ใด หรือใช้เครื่องมือตรวจสอบภาพถ่ายย้อนกลับ และสังเกตลายน้ำของผู้ให้บริการ AI ติดมาด้วยหรือไม่
3. สังเกตว่าภาพที่ถูกแชร์นั้นมีมุมเดียวหรือไม่ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญ ก็มักจะมีภาพจากผู้คนในหลายมุมมอง แต่ในขณะที่ AI มักทำได้แค่มุมมองเดียว หรือมีเพียงไม่กี่รูป และหากมีเหตุการณ์ที่ถูกทำซ้ำ ๆ ให้สังเกตได้เลยว่าภาพเหล่านี้สร้างขึ้นจาก AI