ย่างเข้าวัย 20 จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตคงไม่พ้น ‘วัยทำงาน’ หลังจากเรียนจบ สิ่งที่น่าปวดหัวและวุ่นวายที่สุดคือ ‘การหางาน’ และสิ่งที่คนรุ่นใหม่ไฟแรงที่พึ่งเรียนจบคำนึงถึงมากที่สุด คือ ‘งานที่ใช่และ work life balance’ ไม่ใช่ ‘work ไร้ balance’
สิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานนอกจากรายได้ กระบวนการทำงาน หรือเพื่อนร่วมงาน คือ ‘ความสุข’ ดังเช่นเรื่องราวของ ‘เต๋า ภูศิลป์’ แขกรับเชิญของรายการ ‘Made My Day วันนี้ดีที่สุด’ ศิลปินหนุ่มผู้ที่เชื่อว่า ชีวิตที่ทำอะไรด้วยความสุข ทุกสิ่งมักจะออกมาดี โดยไม่มองถึงปลายทาง แต่ให้ความสำคัญกับระหว่างทางว่า มีความสุขกับมันหรือไม่ ?
“ชีวิตที่ทำอะไรด้วยความสุข ทุกสิ่งมักจะออกมาดี”
ประโยคนี้สำหรับบางคนจะดูเพ้อฝันไปหรือไม่ แต่หากมองลึกลงไป เมื่อชีวิตเราได้อยู่หรือได้หมกมุ่นกับสิ่งที่ชอบ เราจะมีความใส่ใจในรายละเอียด ขั้นตอน และการดำเนินการ ถึงแม้ผลลัพธ์จะสำเร็จหรือผิดหวัง แต่เชื่อว่าถ้าเราทำมันจากใจ ก็คงค้นพบมีความสุขที่แท้จริง สิ่งนี้ก็คงเป็น ‘ผลลัพธ์’ ที่ชัดเจนในตัวมันเองแล้ว
การทำงานเช่นกัน ถึงจุดหนึ่งเมื่อเราค้นพบว่า เรามีความสุขกับการทำงานแบบไหน อาชีพอะไร สิ่งที่จะต้องตอบโจทย์ไม่พ้นกัน คือ ‘บริษัท หน่วยงาน หรือองค์กร’ ที่สัมพันธ์กับรูปแบบชีวิตการทำงานเรา ปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งนี้จะเป็นปัจจัยที่เกื้อหนุน ให้เราสามารถพัฒนา ‘ความสุขในการทำงาน (Workplace happiness)’ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่บริษัท หน่วยงาน หรือองค์กร ต้องมีหลักการที่เรียกว่า ‘Happy Workplace’ เพื่อรองรับและตอบสนองความต้องการของพนักงานหรือลูกจ้างอย่างแท้จริง
Happy Workplace คืออะไร สำคัญอย่างไร ?
คำนี้แปลเป็นภาษาไทยว่า ‘องค์กรแห่งความสุข’ เป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับทรัพยากรแรงงานในองค์กร ในด้านความสุข หรือเรียกว่า เป็นกระบวนการพัฒนาองค์กรเพื่อให้องค์กรพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง โดยมุ่งเน้นไปที่การจัดการ ‘คน’ สร้างสมดุลของความสุขทั้งตัวเอง ครอบครัว และสังคม โดยหลักการนี้อยู่บนความสุขพื้นฐาน 8 + 1 ที่มีความเชื่อ ดังต่อไปนี้
- Happy Body สุขภาพดี เชื่อว่า เมื่อมนุษญ์ร่างกายและสุขภาพดี ก็พร้อมที่จะรับมือปัญหา
- Happy Heart น้ำใจงาม เชื่อว่า ความสุขที่แท้จริงคือ การเป็นผู้ให้
- Happy Relax ผ่อนคลาย เชื่อว่า หากคนทำงานไม่ผ่อนคลายตนเอง จะทำให้เกิดความเครียด
- Happy Brain หาความรู้ เชื่อว่า เมื่อมนุษย์ค้นคว้าหาความรู้ใหม่ ๆ จะเป็นหนึ่งแรงผลักดันให้องค์กรพัฒนาขึ้น
- Happy Soul ทางสงบ เชื่อว่า หลัธรรมคำสอน จะควบคุมมนุษย์ให้ดำเนินชีวิตไปในเส้นทางที่ดี และมีสติยิ่งขึ้น
- Happy Money ปลอดหนี้ เชื่อในเรื่องของความพอเพียง ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
- Happy Family ครอบครัวดี เชื่อว่า ครอบครัวที่อบอุ่นและมั่นคง นำไปสู่หลักการใช้ชีวิตให้รู้จักความรัก ความเชื่อมั่น และความศรัทธา
- Happy Society สังคมดี เชื่อว่า เมื่อมนุย์มีความเป็นอยู่ที่ดีในสังคมหรือชุมชน ย่อมเป็นพื้นฐานที่ดี ให้ผู้อาศัยมีความรักและความปรองดอง
มีการเพิ่ม Happy อีกหนึ่งตัว คือ Happy Work Life การงานดี เชื่อในความสุขจากประสบการณ์ทำงาน ไม่ว่าจะความสุขในด้านสภาพแวดล้อม ค่าตอบแทน และสวัสดิการ
จากองค์ประกอบของ Happy Workplace ได้แสดงให้เห็นว่า คือหลักการพื้นฐานที่อยู่บนความเชื่อในการดำเนินชีวิต ที่ประกอบไปด้วยปรัชญา คุณธรรม และจริยธรรม ครอบคลุมไปถึงมิติของบุคคล ครอบครัว สังคม เศรษฐกิจ จิตใจ และองค์กร สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวหล่อหลอม และช่วยพัฒนามนุษย์คนหนึ่ง ในฐานะแรงงานขององค์กรให้มีคุณภาพ พร้อมทั้งประสิทธิผลและประสิทธิภาพ
เมื่อวัฏจักรของโลกทุนนิยม ได้ผลิตมนุษย์ที่สุกงอม พร้อมนำเข้าสู่กระบวนการแรงงาน สิ่งที่จะรองรับแรงหนุ่มสาวช่างฝันเหล่านี้ คือ ‘องค์กร’
ว่ากันว่า “องค์กรสามารถเลือกคนได้” แล้วทำไมคนจะเลือกองค์กรไม่ได้ ?
ท้ายที่สุดองค์กรที่พร้อมตอบสนองต่อการปลี่ยนแปลงและกระแสโลกาภิวัตน์ อาจจะเป็นองค์กรที่อยู่รอดได้ยาวนานสุดในโลกทุนนิยม และองค์กรนั้นคงเพียบพร้อมไปด้วยบุคลากรที่มีความสุขและคุณภาพ
รับชมเรื่องราว ‘เต๋า ภูศิลป์’ (ในวันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2568 เวลา 21.30 น.) เรื่องราวของชายหนุ่มผู้มีความสุขกับการทำงานที่รัก ที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้เห็นคุณค่าของการมีชีวิต หรือได้มุมมองใหม่ ๆ และพร้อมมีวันนี้ดีที่สุดในรายการ “Made My Day วันนี้ดีที่สุด” ทางช่อง Thai PBS หมายเลข 3 หรือ รับชมออนไลน์ผ่านทาง www.thaipbs.or.th/Live และชมย้อนหลังได้ที่ https://www.thaipbs.or.th/program/MadeMyDay
อ้างอิง