โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งไปแบบสด ๆ ร้อน ๆ จะเรียกทรัมป์ ว่าประธานาธิบดีป้ายแดง ก็คงไม่ถูกนักเมื่อมหาเศรษฐีผู้นี้เป็นผู้นำที่คุ้นตาชาวโลก และเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 มาแล้ว
ครั้งนี้ ทรัมป์ ได้หวนกลับมาทวงคืนเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้อีกครั้ง ทำให้เขาเป็นประธานาธิบดีคนที่สองของสหรัฐฯ ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสองสมัยแบบไม่ติดต่อกัน ซึ่งก่อนหน้าที่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก็ได้ลั่นวาจา ว่าจะลงนามในคำสั่งพิเศษเกือบร้อยคำสั่ง
เมื่อทั่วโลกเตรียมปรับตัวรับมือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ แล้วประเทศไทยจะได้รับผลกระทบหรือได้ประโยชน์อย่างไรจากการเปลี่ยนแปลงนี้ “ไทย” จะรับมือ “ทรัมป์” อย่างไร
หากย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2024 ทรัมป์ จากรีพับลิกันเอาชนะ คามาลา แฮร์ริส จากเดโมแครตในศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีได้สำเร็จ ซึ่งระหว่างการขึ้นเวทีดีเบตต่าง ๆ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ทรัมป์เวอร์ชันล่าสุดนี้เป็นทรัมป์ที่ดูสุขุมมากขึ้นต่างจากทรัมป์เมื่อ 8 ปีก่อน
“เดจาวู” เมื่อทรัมป์หวนคืนทำเนียบขาว
ด้าน ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า ทรัมป์เคยเป็นประธานาธิบดีแบบใด ทรัมป์ 2.0 ครั้งนี้ก็ไม่ต่างจาก “เดจาวู” และสโลแกนทำให้อเมริกายิ่งใหญ่ “Make America great again” ของทรัมป์นั้นต้องเกิดขึ้นในทันที ต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากตัวทรัมป์เองอายุ 78 ปีแล้ว และคงไม่ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีก ทำให้เขาต้องสะสางปัญหาต่าง ๆ ภายในสมัยนี้ ผศ.อัครพงษ์มองว่า ทรัมป์จะมีท่าทางสุขุมมากขึ้น และจะมาด้วยท่าทีแข็งกร้าวมากกว่าเดิม เรียกได้ว่า เป็นทรัมป์ที่สั่งสมประสบการณ์มาก่อนหน้านี้แล้วก็ว่าได้
หากเราไปดู “ทีมทรัมป์” ก็เปรียบได้กับทีม “อเวนเจอร์ส” แต่ละคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากทรัมป์เรียกได้ว่าตัวจี๊ดแทบทั้งสิ้น ซึ่งสิ่งที่น่าชื่นชมคือการที่ ครม.ทรัมป์แต่งตั้งผู้หญิงมีสัดส่วนเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังสามารถดึงสุภาพบุรุษที่มีแนวคิดเดียวกันมาทำงานร่วมกันได้ ซึ่งทรัมป์ถือหลักความซื่อสัตย์ หากใครเห็นด้วยกับเขาก็มาเป็นทีมเดียวกัน
หนึ่งในสมาชิกทีมทรัมป์ที่ถูกจับตาคือ พีท เฮกเซธ อดีตผู้ประกาศข่าวฟอกซ์นิวส์ ที่ทรัมป์เลือกให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีอายุเพียง 44 ปี ก่อนหน้านี้เฮกเซธ ถูกยิงคำถามให้เขาระบุชื่อที่เป็นสมาชิกชาติอาเซียนมาหนึ่งชาติ แต่เขาไม่สามารถตอบคำถามได้ ทำให้คลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัล สร้างความกังวลว่าชาติอาเซียนนั้นหลุดขอบความสนใจของสหรัฐฯ ไปแล้วหรือไม่
“ไทย” จะรับมือ “ทรัมป์” อย่างไร?
ผศ.อัครพงษ์ให้ความเห็นในประเด็นนี้ว่า ไทยควรตามน้ำไปก่อน เช่นในนโยบายที่เกี่ยวข้องกับอินโดแปซิฟิก ซึ่งสหรัฐอเมริกายังคงให้ความสำคัญ เพราะฐานทัพของอเมริกามีกว่า 100 ฐาน กระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในอินโดแปซิฟิก ตั้งแต่ฐานทัพบริเวณเกาะริวกิว ของญี่ปุ่น ไปจนถึงเกาหลีใต้ และเกาะกวม รวมถึงฟิลิปปินส์ด้วย
“ไทยต้องเล่นบทตั้งรับให้ดี หากถามว่าไทยอยู่ในเรดาห์ของอเมริกาตรงไหน ไทยอยู่ในเรดาห์ของอเมริกาด้านความมั่นคง” ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ กล่าว
ส่วนในประเด็นเศรษฐกิจ อาจารย์มองว่าไทยมีส่วนร่วมค่อนข้างน้อยแม้ว่าไทยจะมีดุลการค้ากับสหรัฐฯ แต่ไม่ใช่ประเด็นที่มีความโดดเด่น ประเด็นที่น่าจับตาอีกอย่างคือ สังคมและวัฒนธรรม ทำอย่างไรที่ไทยจะสามารถใช้โอกาสนี้ชูประเด็นดังกล่าว รัฐบาลไทยควรมีนโยบายเพื่อดึงดูดผู้คนให้เดินทางมายังประเทศไทย เรียนรู้วัฒนธรรม
หากมองภาพใหญ่ของอาเซียน แต่ละชาติไม่ได้สานความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ มากนัก และอาจถูกมองว่าเป็นรัฐชายขอบ (Peripheral State) เนื่องจากการค้าส่วนใหญ่นั้นผ่านเส้นทางตะวันตก และศูนย์กลางการค้าของโลกนั้นอยู่ที่สหภาพยุโรป
แต่หากไทยมองว่าตัวเรานั้นเป็นมหาอำนาจระดับกลาง (Middle Power) ในระดับโลกไทยได้รับคำชมในเรื่องของระบบประกันสุขภาพ สองคือเรื่องของความยั่งยืน เศรษฐกิจพอเพียง และเป็นประเทศท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ทำให้การส่งเสริมด้านสังคมและวัฒนธรรมของไทยมีส่วนสำคัญ
ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ได้มีบทบาทสำคัญในตะวันออกลาง ส่วนตะวันออกไกล หรืออินโดแปซิฟิก อาจถูกมองว่ามีไว้เพื่อประดับบารมี เพื่อเป็นกันชนกับรัฐที่ขึ้นมามีอำนาจใหม่เช่นจีนเป็นต้น
สอดคล้องกับรายงานจากสำนักข่าวนิเคอิเอเชียที่ระบุว่า ทีมทรัมป์ส่งสัญญาณว่าจะยังคงให้ความสำคัญกับภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เนื่องจากภูมิภาคดังกล่าวมีส่วนสำคัญในการดำเนินนโยบายที่เกี่ยวข้องกับจีนของสหรัฐฯ
ทรัมป์กลับมาพร้อมแรงซัพพอร์ต
แม้ว่าท่าทีที่ดูแข็งกร้าวของทรัมป์ และการหาเสียงด้วยการสัญญาว่าจะขึ้นกำแพงภาษีสินค้าต่างชาติ รวมถึงขับผู้อพยพออกจากอเมริกา แต่รายงานจากสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ ชี้ว่า นโยบาย American First หรือ อเมริกันต้องมาเป็นอันดับแรกไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่นานาชาติมากนัก
การที่ทรัมป์กวาดคะแนนเสียงอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งปี 2024 สะท้อนให้เห็นว่าเขาได้รับการสนับสนุนอย่างท้วมท้น ในขณะที่เสียงในพรรครีพับลิกันเองก็หนุนทรัมป์ไปในทิศทางเดียวกัน และทรัมป์ 2.0 ยังเป็นทรัมป์ที่มากประสบการณ์อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องจับตาต่อไปว่าหลังจากนี้โลกภายใต้ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่จะหมุนไปในทิศทางใด
ติดตามชมรายการทันโลก กับ Thai PBS วันจันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 21.00 – 21.30 น. ทางช่อง Thai PBS หมายเลข 3 หรือรับชมออนไลน์ผ่านทาง www.thaipbs.or.th/Live และชมย้อนหลังได้ที่ https://www.thaipbs.or.th/program/Tanloke
ที่มา
- บทสัมภาษณ์พิเศษอาจารย์อัครพงษ์ ค่ำคูณ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2025
- https://www.cnbc.com/2025/01/20/how-the-rest-of-the-world-feels-as-trump-is-inaugurated.html
- https://asia.nikkei.com/Politics/International-relations/Indo-Pacific/Japan-U.S.-top-diplomats-to-discuss-Indo-Pacific-policy-under-Trump