มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ ถือเป็นศิลปิน-นักแสดงขวัญใจวัยรุ่นยุค 90 และเป็นอีกหนึ่งคนที่ได้สร้างปรากฏการณ์ “ล้านตลับ" ในยุคนั้น จนวันนี้ที่เขาก็ยังได้รับการยอมรับจากคนในวงการไม่ว่าจะรุ่นพี่ หรือรุ่นน้อง ทั้งในฐานะศิลปิน รวมไปถึงบทบาทการเป็นนักแสดง เรียกได้ว่าชายคนนี้ครบเครื่อง สมกับการก้าวขึ้นเป็นไอคอนแห่งยุคที่แท้จริง
ซึ่งในรายการนักผจญเพลง REPLAY ตอน “ปรากฏการณ์ มอส ปฏิภาณ” เราค้นพบว่างานแสดงนั้น ถือเป็นสิ่งที่นำพาผู้ชายคนนี้เข้าสู่วงการเพลงในเวลาต่อมา เรื่องราวของเขาในวงการบันเทิง รวมไปถึงบทบาทอื่น ๆ ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่ยังไม่กล้าออกจากเซฟโซนของตัวเอง เพื่อหาโอกาสใหม่ ๆ ให้กับชีวิตอีกด้วย
จุดเริ่มต้นในฐานะนายแบบวัยรุ่นที่สร้างปรากฏการณ์แปลกใหม่
ก่อนจะกลายเป็นนักแสดงและศิลปิน มอส ปฏิภาณ เริ่มเส้นทางในวงการบันเทิงในฐานะนายแบบวัยรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ตอนที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย มีแมวมองเข้ามาทาบทามให้มอสเป็นนายแบบ นั่นคือนักปั้นชื่อดังอย่าง “พจน์ อานนท์” ที่พาไปถ่ายนิตยสาร “เธอกับฉัน”
ซึ่งหลังจากที่ได้ลงภาพไป มีกระแสจากแฟนหนังสือที่ขอให้ทางเธอกับฉัน นำมอสขึ้นปกและถ่ายแบบคู่กับ อ้อม-สุนิสา สุขบุญสังข์ ซึ่งเป็นศิลปินรุ่นใหม่เจ้าของเพลงดัง “ถอยดีกว่า” ในเวลานั้นการร่วมงานของอ้อม สุนิสา และ มอส ปฏิภาณ ถือเป็นปรากฏการณ์แปลกใหม่ของวงการบันเทิง กับการที่สองคนดังขวัญใจวัยรุ่นกลายเป็นคู่ขวัญเพราะการถ่ายนิตยสาร แทนที่จะเป็นงานแสดงภาพยนตร์หรืองานละคร
หลังจากร่วมงานกับอ้อม สุนิสา มอส มีโอกาสถ่ายนิตยสารอีกหลายเล่ม และได้รับโอกาสให้เป็นนักแสดงภาพยนตร์เรื่อง กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้ โดยถึงแม้ ณ เวลานั้น มอสจะเป็นนายแบบกับนักแสดงที่มีรายได้และชื่อเสียงตั้งแต่อายุแค่ 17 ปี แต่ตัว มอส ปฏิภาณ ในวันนั้นก็ยังใช้ชีวิตปกติ ยังคงคิดถึงการนำเงินไปซื้อกางเกงและซื้อของแต่งรถที่ย่านสะพานควาย จนกระทั่งมอสได้เริ่มเห็นว่าตัวเองโด่งดังจริง ๆ ในวันที่ไปชมภาพยนตร์ กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้ เขาได้เห็นว่าแฟนภาพยนตร์คลั่งไคล้และชื่นชอบในตัวเขาจริง ๆ
งานแสดง 3 หนุ่ม 3 มุม คือจุดเริ่มต้นในฐานะนักร้อง
แม้ว่าตัวของมอสจะมีงานแสดง และงานถ่ายแบบจำนวนมาก แต่สิ่งที่เปิดโอกาสให้มอสได้ทำเพลงเป็นศิลปินจริง ๆ นั่นคือการแสดงซิตคอมเรื่อง “3 หนุ่ม 3 มุม” เพราะความนิยมของซิตคอมเรื่องดังกล่าวได้ทำให้มีคอนเสิร์ต 3 หนุ่ม 3 ไมค์ ซึ่งการแสดงบนเวทีงานนั้น ทำให้มอสได้รับความสนใจจากผู้บริหารค่าย GMM Grammy แถมตัวเขาเองก็เป็นคนที่พร้อมรับโอกาสใหม่ ๆ จึงได้รับโอกาสเป็นศิลปินเพลง ซึ่งผลงานอัลบั้มชุด “Mr.Mos ไม่รัก...ไม่ได้แล้ว” ทำให้เขากลายเป็นศิลปินล้านตลับในที่สุด
แม้ว่าตัวมอสจะเริ่มต้นบทบาทการร้องเพลงในฐานะอาชีพที่ 3 ของเขาในวงการบันเทิง แต่เขามองว่า การเป็นศิลปินคือสิ่งที่รัก และทำให้เขาได้เป็นตัวเองมากที่สุด และในช่วงที่ห่างหายจากการทำเพลงใหม่ ๆ มอสก็ยังคงคิดถึงเรื่องทำเพลงที่ใช่ โดยเขาได้กล่าวในรายการนักผจญเพลง Replay ว่า ถ้าจะทำเพลงใหม่ ต้องเป็นเพลงที่ทำแล้วเขามีความสุข และคนฟังเพลงที่เติบโตมากับเขาจะต้องรักผลงานเพลงนี้ด้วย
จนสุดท้ายแล้วเขาก็ได้เพลงใหม่อย่าง “Romantic Syndrome” ออกมาให้แฟนเพลงฟังในช่วงปลายปี พ.ศ. 2566 และนั่นยังถือเป็นจุดเริ่มต้นของมอส ปฏิภาณ ในฐานะเจ้าของค่ายเพลงอีกด้วย
บทสรุป
เส้นทางของมอส ปฏิภาณ แสดงให้เห็นว่า นอกจากความสามารถและเสน่ห์รอบตัวแล้ว สิ่งที่ทำให้คนประสบความสำเร็จ คือการกล้าที่จะลองอะไรใหม่ ๆ เพราะเราสามารถสัมผัสจากเรื่องราวที่เขาเล่าได้ว่า สิ่งที่พาให้มอสประสบความสำเร็จ นั่นคือ การที่เขาเปิดรับโอกาสที่เข้ามา ตั้งแต่วันที่ตัดสินใจตอบรับคำชักชวนของพี่พจน์ อานนท์ เพื่อถ่ายนิตยสาร ไปจนถึงการตัดสินใจรับโอกาสงานแสดงและงานเพลง
แม้ในตอนแรกตัวเขาอาจจะไม่เข้าใจว่า โอกาสที่ได้รับนั้นจะมอบอะไรให้กับเขาบ้าง แต่ในที่สุด มอสก็ค้นพบความสุขจากงานที่เขาได้ทำในสิ่งที่รักอย่าง การทำเพลงและร้องเพลง ความสุขนั้นจึงส่งผ่านมาให้แฟนเพลงอย่างเราได้รับความสุขนั้นนั่นเอง
นอกจากการพูดคุยเล่าเรื่องราวสนุก ๆ แล้ว มอสยังได้ขนเพลงฮิตมาโชว์แบบ สด ๆ ในรายการนักผจญเพลง Replay ไม่ว่าจะเป็นเพลง “ไม่เป็นไรจริง ๆ”, “ไม่รักก็บ้า”, “หัวใจลัดฟ้า”, “กลับกลอก”, “สลัด … สะบัด” และ “Romantic Syndrome” ผลงานที่มอสทำออกมารับปี พ.ศ. 2566 ซึ่งแฟน ๆ สามารถรับชมได้ทาง YouTube Thai PBS และเว็บไซต์ https://www.thaipbs.or.th/program/SongHunterTV/episodes/99060