วง 2 Days Ago Kids ถือเป็นวงดนตรีที่มีเรื่องราว เริ่มจากการที่ เจอรี่-ศศิศ มิลินทวานิช ซาวด์เอ็นจิเนียร์จากค่าย Music Bugs ที่กลายเป็นสมาชิกวง P.O.P ในเวลาต่อมา ได้ชักชวน บอย-ตรัย ภูมิรัตน และ ดุลย์-อดุลย์ รัชดาภิสิทธิ์ จากวง Friday และตัวของ โป้-ปิยะ ศาสตรวาหา หรือ Yokee Playboy และ ก้อ-ณฐพล ศรีจอมขวัญ จากวง Groove Riders มาร่วมงาน
จนกลายเป็นอีกวงมากฝีมือของวงการ เพลง จนหลายคนเทียบพวกเขากับกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่ที่รวมตัวกันเลย เพราะการที่ศิลปินแถวหน้าจะมารวมตัวทำงานแบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยในวงการเพลงไทย
เรื่องราวของ 2 Days Ago Kids มีความน่าสนใจตรงที่ว่า แม้ว่าภาพภายนอกของวงจะเหมือนเป็นกลุ่มเพื่อนที่เล่นสนุกกัน และไม่ใช่วงที่มีค่ายใหญ่สนับสนุนหรือเงินต้นทุนในการทำงานเพลงมากนัก แถมทุกคนก็มีวงและโปรเจกต์ส่วนตัวจนอัลบั้มแรกและอัลบั้มชุดสองวางขายห่างกัน 22 ปี แต่สุดท้ายวงก็เป็นที่รู้จักและมีเพลงฮิตซึ่งเป็นสิ่งที่หลายศิลปินใฝ่ฝัน และการมารายการนักผจญเพลง Replay เราก็ได้เรียนรู้เหตุผลที่ทำให้วง 2 Days Ago Kids เป็นที่จดจำ แม้จะมีผลงาน 2 อัลบั้ม
เพลงฮิตจากความสนุก ในวันที่ไม่พร้อม
จุดเริ่มต้นของวง 2 Days Ago Kids เจอรี่ได้เล่าว่า มาจากการที่เขาทำงานอยู่ค่ายเพลง และมีโอกาสได้รวบรวมกลุ่มเพื่อนอย่าง บอย และ ดุลย์ ที่เขาเคยเป็นซาวด์เอ็นจีเนียร์ให้ตอนทั้งสองคนทำวง Friday และได้ โป้ Yokee Playboy และ ก้อ Groove Riders ที่เขาเคยร่วมงาน มาเป็นสมาชิก ซึ่งตัวเจอรี่เองเป็นจุดเชื่อมทุกคนเข้าหากัน
ส่วนชื่อ 2 Days Ago Kids มาจากความเป็นเด็กในตัวสมาชิก ที่ทำให้ทางวงตัดสินใจใช้ชื่อว่า “เด็กเมื่อวานซืน” ซึ่งแม้ว่าตัววงตอนแรกจะไม่มีงบมากในการทำอัลบั้มแรก แต่ความสามารถทางดนตรีของทุกสมาชิกก็ทำให้งานชุด Time Machine หรืออัลบั้มแรกของ 2 Days Ago Kids ก็มีเพลงฮิต “กลับมา” ออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟัง แม้ว่าตัวของเจอร์รี่จะกล่าวว่าเขาไม่ได้มองภาพความสำเร็จไว้เลย เพราะคิดว่าวงเป็นแค่โปรเจกต์หนึ่งเท่านั้น แต่พอเพลงฮิต ทางวงต้องออกมาทัวร์คอนเสิร์ตก่อนแต่ละคนจะแยกย้ายไปทำวงของตัวเองในเวลาต่อมา จนแฟนเพลงหลายคนอดคิดถึงพวกเขาไม่ได้
2 Days Ago Kids วงที่ไม่มีเป้าหมาย แต่ความสนุกพาไปไกล
แม้ว่าวง 2 Days Ago Kids เป็นวงที่ไม่ได้มีเป้าหมาย แต่ ก้อ มือเบสของวงก็ได้เล่าว่า เพราะความเป็นเพื่อนที่เล่นสนุกด้วยกัน และนำเอาความสามารถมาทำผลงานด้วยความรัก จึงทำให้บรรยากาศการแสดงออกมาดี รวมถึงงานเพลงที่ทำออกมามันเต็มไปด้วยความสนุกและการทดลองแบบไม่อยู่ในกรอบ
และเป็นสิ่งที่ทำให้วงกลับมารวมตัวในเวลาปี พ.ศ. 2566 หรือ 22 ปี และได้ผลงานชุดที่สอง ที่มีชื่อว่า TODAY'S A GOLD KISS หลังจากที่วางขายอัลบั้มแรกไป ซึ่งการรวมตัวครั้งนี้ได้ทำให้เราเห็นภาพว่าพวกเขาสนิทกันขนาดไหน เพราะแม้วันนี้ทุกคนในวงจะกลายเป็นอาจารย์และศิลปินรุ่นพี่ของวงการเพลงไทยไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังหาเวลาและโอกาสกลับมาทำเพลงด้วยกันในที่สุด
เรื่องราวของ 2 Days Ago Kids ถือเป็นเรื่องราวที่ปกติมากในวงการเพลงยุคนี้ เพราะที่ผ่านมาเราได้ฟังเรื่องราวของหลายเพลงฮิตที่เกิดจากความสนุกและอยากทดลองของตัวศิลปิน หรือตัวศิลปินหลายวงก็มีเรื่องราวคล้ายกับ 2 Days Ago Kids ในแง่จุดเริ่มต้นที่อยากเล่นดนตรีกับเพื่อน แต่สุดท้ายผลงานก็ประสบความสำเร็จ
จากจุดเริ่มต้นและเรื่องราวเหล่านี้เอง อาจจะเป็นเครื่องเตือนใจกับหลาย ๆ ศิลปินว่า นอกจากความตั้งใจในการทำงานแล้ว ตัวเราก็ห้ามลืมความเป็นเด็กหรือทำงานจนลืมความสนุก เพราะความสนุกและความกล้าลองผิดลองถูกแบบเด็กอาจจะนำพาเราไปเจอสิ่งที่เหนือความคาดหมายได้ อย่างเช่นความสำเร็จในงานที่เราทำออกมา
บทสรุป
เรื่องราวของวง 2 Days Ago Kids เป็นอีกเครื่องยืนยันว่า บางทีความสุขและการปล่อยวางจากความจริงจังหรือทำงานอย่างสนุกสนานกับเพื่อนที่สนใจอะไรคล้ายกัน ก็สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำได้เช่นกัน ถ้าเราทำสิ่งนั้นด้วยความสามารถเต็มที่และใส่ความรักเข้าไปในผลงาน ใครที่ฟังเรื่องราวของ 2 Days Ago Kids ในรายการนักผจญเพลง Replay น่าจะสัมผัสถึงความสนุกเวลาที่เพื่อนกลุ่มนี้อยู่ด้วยกัน
นอกจากการพูดคุยแบบออกรสชาติแล้ว วง 2 Days Ago Kids ยังนำเพลง “Time Machine (Nostalgia Fever)”, เพลง “ฉันไม่รู้จะรักเธอนานเท่าไหร่”, เพลง “วันที่ใจซบเซา”, เพลง “พื้นที่เล็ก ๆ” รวมถึงเพลงใหม่ “พี่ชาย” และเพลงฮิต “กลับมา” มาเล่นสด ๆ ในรายการนักผจญเพลง Replay ด้วย
โดยทุกคนสามารถชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube ThaiPBS และเว็บไซต์ https://www.thaipbs.or.th/program/SongHunterTV/episodes/100142