แม้ว่ากระแสศิลปินลูกทุ่งหลายคน จะมีทั้งช่วงขึ้นและลง แต่ต่าย อรทัย (อรทัย ดาบคำ) เป็นคนหนึ่งที่ถือได้ว่า ตั้งแต่แจ้งเกิดจากงานชุด ดอกหญ้าในป่าปูน เธอก็แทบไม่หายไปจากหน้าสื่อ 

และไม่น่าแปลกใจเลย หากนอกจากฉายา “ราชินีสาวดอกหญ้า” แล้ว จะมีคนเรียกเธอว่า  “ดาวค้างฟ้า”  แต่หลายคนที่ชมรายการนักผจญเพลง Replay ที่เธอสัมภาษณ์ และเมื่อฟังเรื่องราวที่ต่ายเล่า อาจจะรู้สึกตกใจได้ว่า กว่าที่ ต่าย อรทัย จะมาถึงวันนี้เธอได้ผ่านอะไรมาบ้าง และต้องต่อสู้กับอะไรก่อนจะมาประสบความสำเร็จ  

ชีวิตที่ต่อสู้ แบบไม่กลัวความลำบาก

ก่อนจะมามีชีวิตทุกวันนี้ ตัวของ “ต่าย อรทัย” ได้เล่าว่าเธอเป็นเด็กที่โตมากับครอบครัวชาวนา และชีวิตหลังจากที่คุณพ่อคุณแม่แยกทางกัน เธอซึ่งเป็นพี่สาวคนโต ก็ต้องทำงานบ้าน และดูแลน้อง แต่แม้ว่าจะมีชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ ต่ายก็เล่าว่าเธอต้องเรียนและทำงานไปในเวลาเดียวกัน จนเธอกังวลเรื่องการเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย  โดยระหว่างที่สู้ชีวิตเพื่อสร้างอนาคตในด้านการศึกษา เส้นทางการเป็นศิลปินของต่ายก็เริ่มต้นไปพร้อมกัน 

โดยต่ายได้เล่าในรายการนักผจญเพลง Replay ว่า เธอเริ่มสนใจการเป็นศิลปินตั้งแต่เด็ก จนได้เข้าประกวดเวทีร้องเพลงลูกทุ่ง และได้สอบเข้า สาขาวิชานาฏศิลป์และการละคร มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี แต่ไม่มีเงินทุนเรียน เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ต่ายตัดสินใจย้ายมาเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง และมาทำงานซักเสื้อผ้าให้คนงานโรงงาน รวมถึงพักอยู่ในแคมป์คนงาน ก่อนจะหันไปทำงานในโรงงานเพื่อหารายได้ 

โดยหลังจากนั้น ต่ายก็ได้ย้ายโรงงานไปเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ ๆ จนถึงจุดที่ได้เข้าไปทำงานกับฟาร์มจระเข้ จังหวัดสมุทรปราการ การทำงานในสถานที่ดังกล่าวเปิดโอกาสให้ต่ายได้ประกวดร้องเพลง จนได้ไปออกรายการ ชุมทางเสียงทอง ในเวลาต่อมา ซึ่ง ณ เวลานั้นเหมือนจะเป็นการเปิดโอกาสใหญ่ให้กับต่าย อรทัย แต่สุดท้าย อาชีพและความฝันในการเป็นศิลปินของต่ายยังไม่ได้มีอะไรคืบหน้า จนเราเชื่อว่าใครที่ฟังเรื่องราวชีวิตของตัว ต่าย อรทัย ในรายการอาจจะรู้สึกเหนื่อยและลุ้นไปกับเธอ 

เพราะถ้าฟังดูตั้งแต่ต้น ชีวิตของเธอเหมือนคนที่ไม่เคยเจอฟ้าเปิดเลย แต่การที่เธอสู้ไม่หยุด มันก็ทำให้เธอได้รับโอกาสในที่สุด และมาในแบบที่เธอเองก็คาดไม่ถึงในเวลาต่อมา ซึ่งนั่นก็คือการได้กลายเป็นศิลปินลูกทุ่งแถวหน้าของประเทศไทย โดยจุดเริ่มต้นนั้นมาจากคนรู้จักที่เคยชวนเธอเป็นศิลปินตั้งแต่ตอนอาศัยอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี  

การเป็นศิลปินที่ดัง แต่ไม่เคยลืมคนข้างหลัง  

หลังจากใช้ชีวิตด้วยความลำบากหลายปี อยู่มาวันหนึ่งนักจัดรายการวิทยุ อย่าง บ่าวข้าวเหนียว (สงกรานต์ แข็งฤทธิ์) และ สาวบ้านเชียง (พรพิมล พันธ์รัตน์) ที่เคยชักชวนตัวของ ต่าย อรทัย ให้เป็นศิลปินตอนที่เธอยังอยู่จังหวัดอุบลราชธานี ได้กลับมาติดต่อกับเธออีกครั้ง และพาต่ายไปทำผลงานจนได้อัลบั้มชุด ลูกทุ่งโดนใจ 1 ชุดฉันคนลูกทุ่ง ออกมาและผลงานชุดดังกล่าวก็มีเพลง “เอิ้นสั่งหลังสงกรานต์” ที่ต่าย อรทัย เล่าในรายการนักผจญเพลง Replay ว่ามีกระแสดีที่สุด  

โดยแม้ว่าต่ายจะไม่เคยได้เรียนรู้การร้องเพลงจริงจัง และอาศัยครูพักลักจำในการฝึกซ้อมเป็นศิลปิน แต่เธอก็ทำทุกสิ่งเพื่อเรียนรู้ โดย บ่าวข้าวเหนียว และ สาวบ้านเชียง ก็ได้นำผลงานของต่ายไปเสนอหลาย ๆ คน ก่อนได้ติดต่อกับศิลปินแห่งชาติอย่าง ครูสลา คุณวุฒิ ที่ติดต่อชวนทำผลงานจนได้มีโอกาสพบ และคุยกันในที่สุด 

และจากนั้นต่ายก็ได้ฝึกซ้อมเป็นเวลา 1 ปี ภายใต้การดูแลของ GMM Grammy แต่ขณะเดียวกันต่ายก็ยังตอบแทนแรงสนับสนุนจากทั้งสองนักจัดรายการอย่าง บ่าวข้าวเหนียว และ สาวบ้านเชียง ด้วยการกลับไปช่วยงานทางคลื่นวิทยุเป็นครั้งคราว

ในรายการนักผจญเพลง Replay ต่ายได้เล่าว่าหลังจาก 1 ปีที่เดินทางไปกลับระหว่างตึก GMM Grammy และบ้าน พร้อมเผชิญความเครียดจนร้องไห้เป็นปี ทั้งความเครียดในการเตรียมตัวเป็นศิลปิน และความเป็นจริงที่เธอไม่สามารถออกไปหารายได้เพื่อจุนเจือสมาชิกครอบครัวเหมือนช่วงที่เข้ากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ 

สุดท้ายต่ายก็ได้มีอัลบั้มของตัวเองและเซ็นสัญญาเข้า GMM Grammy โดยตัวของต่ายได้ยกให้ครูสลาเป็นเหมือนคุณพ่อคนหนึ่งที่ดูแลทั้งการทำผลงานเพลงและการใช้ชีวิต พร้อมทั้งพูดชื่นชมอย่างให้เกียรติตัวของครูสลาตั้งแต่ตอนทำงานด้วยกันวันแรก มาจนถึงวันที่เธอประสบความสำเร็จ จนเรามองว่านี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้ต่ายได้รับแรงสนับสนุนดี ๆ ตลอดทาง เพราะหลายคนถ้าเจอคนที่มีนิสัยรักและห่วงใยคนอื่นแบบต่าย ก็น่าจะอยากสนับสนุนคนเหล่านั้นให้มีชีวิตดีขึ้น

ชีวิตปัจจุบันที่ยังคงมอบโอกาสให้กับผู้ที่ลำบาก

อัลบั้มชุด ดอกหญ้าในป่าปูน ของต่าย อรทัย ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงและเปลี่ยนชีวิตของต่ายไปเลย ซึ่งหลายคนน่าจะเห็นภาพความสำเร็จในวันนั้นของต่ายอย่างชัดเจน เพราะในปี พ.ศ. 2546 โดยอัลบั้มชุด ดอกหญ้าในป่าปูน ผลงานเปิดตัวของต่ายกับค่ายเพลง Grammy Gold มียอดขายล้านตลับซึ่งถือเป็นสถิติที่น่าเหลือเชื่อ เพราะในยุคนั้นวงการเพลงถูกรุกหนักด้วยเทปผีซีดีเถื่อน และผลงานต่อมาของ ต่าย อรทัย ก็เป็นอัลบั้ม “ขอใจกันหนาว” และ “คนใกล้เมื่อไกลบ้าน”  ที่มียอดขายล้านตลับเช่นกัน

หลังจากที่มีผลงานอัลบั้มยอดขายล้านตลับ 3 ชุด ดอกหญ้าในป่าปูน, ขอใจกันหนาว และ คนใกล้เมื่อไกลบ้าน ต่าย อรทัย ก็ยังคงมีชื่อเสียงมากขึ้น แต่แม้ชีวิตจะห่างไกลความลำบากไปมาก ตัวของต่าย อรทัย ก็มักจะช่วยเหลือผู้ที่ลำบากเสมอ 

โดยใครที่ติดตามเพจ Facebook ของเธอที่มีผู้ติดตามมากกว่า 6 ล้านคนจะเห็นได้ว่าตัวของต่ายนั้นมักจะช่วยเหลือสังคมต่อเนื่อง และขณะเดียวกันเธอยังพยายามสร้างโอกาสให้คนอื่นผ่านการสร้างธุรกิจหลาย ๆ โครงการเพื่อเป็นการสร้างอาชีพให้คนอื่นด้วย ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมใคร ๆ ก็รักและสนับสนุนเธอเสมอ แม้ว่าตอนนี้ชีวิตของต่ายจะห่างไกลจากจุดเริ่มต้นที่ลำบากมากก็ตาม

บทสรุป 

นอกจากความสามารถแล้ว สิ่งที่ทำให้ตัวของ ต่าย อรทัย ประสบความสำเร็จ คือการกล้าที่จะพุ่งชนความลำบาก และการได้รับโอกาสใหม่เสมอ ซึ่งใครที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็น่าจะอยากยกให้เธอเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตพร้อมเอาใจช่วยตัวของ ต่าย อรทัย ในบทบาทใหม่ ๆ ซึ่งใครที่ชื่นชอบต่าย อรทัย นอกจากเรื่องราวชีวิตแบบเจาะลึกแล้ว เรายังสามารถฟังเพลง ที่เธอเลือกมาบอกเล่าทุกย่างก้าวของชีวิตของต่ายไปพร้อมกันในรายการ นักผจญเพลง Replay ตอน เส้นทางที่ไม่เคยง่ายของ ต่าย อรทัย ซึ่งสามารถติดตามชมย้อนหลังได้ทาง YouTube Thai PBS และ เว็บไซต์ https://www.thaipbs.or.th/program/SongHunterTV