ณ อะพาร์ตเมนต์คับแคบที่อัดแน่นด้วยหนังสือ ห้องประมูลใหญ่โตโอ่อ่า หอจดหมายเหตุที่มีฝุ่นละอองคละคลุ้ง ในเทศกาลหนังสือที่ผู้คนเดินขวักไขว่ พร้อมสอดส่ายสายตาหาสิ่งที่มุ่งหวัง เบื้องหลังประตูโกดังที่ภายในแทบไม่เหลือที่สำหรับสิ่งอื่นใดอีกแล้วนอกจากชั้นหนังสือ ฯลฯ คือสถานที่ที่หนังสารคดีเรื่องนี้พาเราไปเยือน
เพื่อทำความรู้จักตัวละครหลากหลาย ตั้งแต่นักวิชาการผู้รอบรู้ นักเขียนปากร้าย ไปจนถึงนักสะสมผู้มีความหลงใหลแปลกประหลาด ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล ล้วนคือลมหายใจของ “วงการหนังสือหายาก” อันแสนมีสีสันของนครนิวยอร์ก
ดับเบิลยู ยังก์ ผู้กำกับสารคดี The Booksellers ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ตัวเขาเองก็เป็นคนหลงใหลหนังสือเก่ามาตั้งแต่อายุแค่สิบขวบ หลังจากป้า และลุงของเขา (ซึ่งเป็นคนขายหนังสือหายากและหนังสือมือสองในฟิลาเดลเฟีย) มอบหนังสือชุด "ลอร์ดออฟเดอะริงส์" สามเล่มสุดพิเศษแก่เขาเป็นของขวัญคริสต์มาส และเรื่องราวเทพนิยายไตรภาคพร้อมภาพประกอบสุดมหัศจรรย์ชุดนี้ สร้างความตื่นตะลึงให้แก่เขาทันที
นับจากนั้นยังก์ก็เริ่มสังเกตเห็นวิถีชีวิตที่น่าพิสมัยของลุงกับป้าในฐานะคนขายหนังสือเก่า “พวกเขาดูราวกับคนที่หลุดมาจากยุค 1940 เลยครับ เขาดูมีความสุขมาก”
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ แดน เวคส์เลอร์ นักขายหนังสือและโปรดิวเซอร์ ติดต่อเชื้อเชิญให้ยังก์ทำสารคดีเกี่ยวกับโลกหนังสือหายากของนิวยอร์ก ยังก์จึงตอบตกลงทันทีด้วยเหตุผลว่า “เรารู้ว่า เราจะไม่มีปัญหาในการหาคนขายหนังสือและนักสะสมที่น่าสนใจมาพูดคุยด้วยแน่นอน เราเชื่อเสมอว่าผู้คนในแวดวงนี้จะมีเรื่องราวน่าสนใจมากมายให้เราได้เล่าถึง” (น่าเสียดายที่ลุงกับป้าของเขาเสียชีวิตไปแล้ว เขาอยากให้ทั้งสองได้ดูหนังเรื่องนี้มาก ๆ)
ยังก์พาเราไปสำรวจการทำงานของพ่อค้าแม่ค้าชั้นนำในแวดวงหนังสือเก่าและหนังสือหายากในนิวยอร์ก เช่น จิม คัมมินส์ ซึ่งสะสมหนังสือกว่า 400,000 เล่ม, สตีเฟน แมสซีย์ ผู้ก่อตั้งแผนกหนังสือของคริสตีส์ สลับกับการสัมภาษณ์ทัศนะของนักเขียน ผู้ได้รับอานิสงส์จากหนังสือเก่าและวัฒนธรรมการอนุรักษ์งานเขียน เช่น ฟราน เลโบวิตซ์, ซูซาน ออร์ลีน หรือเจ้าของร้านหนังสืออิสระดัง ๆ เช่น ร้านเดอะสแตรนด์ ร้านอาร์โกซี และร้านของคนรุ่นใหม่ เช่น ร้านฮันนีแอนด์แว็กซ์ ร้านเลฟต์แบงก์บุ๊กส์ ไปจนถึงนักสะสม คนทำห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์ ส่งผลให้หนังไม่เพียงนำเสนอภาพอาชีพการขายหนังสืออย่างครอบคลุมเท่านั้น
แต่ยังเป็นการเฉลิมฉลองความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่าง “ผู้คน” กับ “ถ้อยคำ” ตลอดจนพลังของหนังสือและความทุ่มเทของคนที่พยายามรักษามรดกทางวรรณกรรมเหล่านี้เอาไว้ในหลากหลายวิธีด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่ทำให้ The Booksellers ยิ่งน่าสนใจคือมันไม่ได้มุ่งพูดแต่เรื่องของเก่าของโบราณด้วยท่วงท่าถวิลหาหวงแหนอดีตด้านเดียว แต่ยังให้ความสำคัญมาก ๆ ต่อประเด็นเรื่อง “การปรับตัว” ของแวดวงนี้เพื่อจะรักษาธุรกิจและวัฒนธรรมต่อไปให้ได้ ท่ามกลางยุคสมัยและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
หนังพูดถึงผลกระทบของอินเทอร์เน็ตว่า การที่ปัจจุบันเราสามารถค้นหาหนังสือหายากได้อย่างง่ายดายเพียงแค่คลิกไม่กี่ครั้งและสั่งซื้อนั้น อาจส่งผลโดยตรงต่อพ่อค้าหนังสือเก่า (ที่เคยสร้างอาชีพด้วยการเดินทางตระเวนตามหาสินค้าสูงค่าด้วยสองเท้าของตัวเอง) ให้ต้องล้มหายตายจากอาชีพนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าอินเทอร์เน็ตและดิจิทัลอาจมีบทบาทสำคัญด้านบวกในการอนุรักษ์หนังสือเก่าด้วยในลักษณะของการทำดิจิทัลไลบรารีขนาดใหญ่
ขณะที่พ่อค้าสูงวัยบางคนเชื่อว่า “หนังสือเล่ม” กำลังจะหมดอายุขัย ก็มีคนขายหนังสือรุ่นใหม่อีกไม่น้อยที่มั่นใจว่ามันจะยังมีที่ทางอยู่ในโลกของนักอ่านอยู่เสมอ
อีกประเด็นหนึ่งที่หนังสำรวจได้อย่างน่าสนใจ ก็คือปัญหาด้าน “ความหลากหลาย” ในแวดวงหนังสือหายาก ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายด้านเพศหรือสีผิว (กล่าวง่าย ๆ ว่าวงการคนขายหนังสือ หรือแม้แต่งานประชุมด้านหนังสือและชมรมนักอ่าน เคยถูกผู้ชายผิวขาวยึดครองพื้นที่ตลอดมา)
จนต้องอาศัยเวลาและการต่อสู้ถางทางอย่างต่อเนื่อง กว่าที่จะเกิดผู้เล่นใหม่ที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ผู้หญิงได้เผยตัวในฐานะนักสะสม เจ้าของร้านหนังสือ เจ้าของสำนักพิมพ์ คนผิวสีได้มีบทบาทในการอนุรักษ์และนำเสนอหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของตน และนักสะสมนอกกระแส (เช่น ผู้สะสมผลงานตีพิมพ์และสิ่งของเกี่ยวกับศิลปินฮิปฮอป) ได้มีที่ทางเป็นของตัวเอง
ซึ่งสารคดีชี้ว่า พวกเขาเหล่านี้แหละคือผู้ที่จะนำพลังงานและมุมมองใหม่ ๆ มาสู่วงการอันจะส่งผลต่อการพัฒนาและความอยู่รอดของแวดวงหนังสือหายากอย่างแท้จริง
ยังก์บอกไว้ว่า สิ่งที่เขาคาดหวังอยากให้คนดูได้รับมากที่สุดจาก The Booksellers ก็คือ
การเห็นคุณค่าของผู้คนที่เกี่ยวข้องในแวดวงนี้ โดยเฉพาะนักสะสมและคนขายหนังสือ ว่าพวกเขาไม่ได้เป็นแค่พ่อค้า แต่งานของพวกเขานั้นเป็นส่วนสำคัญในการบันทึกและส่งต่อประวัติศาสตร์
ทั้งยังมีบทบาทสูงมากในด้านการอนุรักษ์ด้วย “พวกเขาเป็นคนฉลาดมาก บางคนมีมุมมองที่น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว” ยังก์สรุป "นอกจากนี้ เรายังอยากให้คนดูรู้สึกว่า 'วัสดุสิ่งพิมพ์และวัฒนธรรมของหนังสือ' นั้นมีความหมายมากกว่าที่เราอาจเคยคิดครับ"
VIPA ชวนดู The Booksellers สารคดีที่พาเราดำดิ่งสู่โลกอันน่าหลงใหลของ “คนขายหนังสือ และหนังสือหายากในนิวยอร์ก” พบและฟังผู้คนมากมายที่น่าสนใจในธุรกิจนี้ ทั้งผู้จำหน่าย นักสะสม นักประมูล และนักเขียนผู้โด่งดัง รวมทั้งติดตามการไล่ล่าหาหนังสือสุดพิเศษทั้งหลาย รับชมได้ทาง www.VIPA.me และ VIPA Application