7 เมษายน 67 เวลา 21.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) จะเกิด “ศึกแดงเดือด” ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ขึ้นอีกครั้ง ความพิเศษของ “แดงเดือด” หนนี้ จะเป็นการคุมทีมนัดส่งท้ายแดงเดือดของ เจอร์เกน คล็อปป์ ยอดกุนซือชาวเยอรมนี ของลิเวอร์พูล
กว่า 9 ปีที่ผู้จัดการทีมฉายา “The normal one” คุมทีมลิเวอร์พูล จนยกระดับกลับมาเป็น The red machine หรือทีมเครื่องจักรสีแดงในตำนานได้อีกครั้ง พร้อมกับการเดินหน้าไล่ล่าแชมป์ต่าง ๆ มากมาย
ก่อนศึก “แดงเดือด” (นัดส่งท้าย เจอร์เกน คล็อปป์) จะระเบิดขึ้น ไทยพีบีเอส มีเรื่องน่ารู้ของเฮดโค้ชคนนี้กับศึกแดงเดือด มาบอกกัน
1.เจอร์เกน คล็อปป์ คุมทีมลิเวอร์พูลมาแล้วกี่ปี ?
กุนซือชาวเยอรมันคนนี้ ก้าวเข้ามายังถิ่นแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูลกว่า 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2015 ที่เจ้าตัวจรดปากกาเซ็นสัญญามาคุมทีม โดยก่อนหน้านั้น คล็อปป์ คุมทีมในบุนเดสลีกา เยอรมัน ทั้งทีมไมนซ์ และตามมาด้วย โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
ก่อนย้ายมาสร้างสไตล์การเล่นแบบเฮฟวี เมทัลให้กับลิเวอร์พูลเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ปี 2015 พร้อมสร้างผลงานสำคัญ ช่วยให้ลิเวอร์พูลกลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษในรอบ 30 ปี
2.เจอร์เกน คล็อปป์ คุมทีมลิเวอร์พูลลงศึกแดงเดือดกี่ครั้ง ?
เจอร์เกน คล็อปป์ นำลูกทีมพลพรรคหงส์แดง ลงปะทะทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับเฉพาะในลีกกว่า 18 ครั้ง โดยแดงเดือดหนแรกของ คล็อปป์ เกิดขึ้นในเดือนมกราคม ปี 2016 หลังเข้ามาคุมทีมลิเวอร์พูลได้ราว 3 เดือน โดยผลงานนัดนั้น เป็นฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล เอาชนะไปได้ 0-1 ที่สนามแอนฟิลด์ บ้านของลิเวอร์พูล
3.เจอร์เกน คล็อปป์ คุมทีมลงศึกแดงเดือดในปีที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผลงานเป็นอย่างไร ?
ลิเวอร์พูล กลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในฤดูกาล 2019 – 2020 ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ในรอบ 30 ปี หลังจากที่เคยได้แชมป์หนสุดท้ายในฤดูกาล 1989 – 1990 ซึ่งหากดูผลงานในฤดูกาล 2019 – 2020 ที่ได้แชมป์ ลิเวอร์พูลเจอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเพียงแค่ 2 ครั้ง
โดยแดงเดือดนัดแรกของฤดูกาลดังกล่าว 20 ตุลาคม 2019 ลิเวอร์พูลเสมอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไป 1-1 ที่บ้านของแมนฯ ยูฯ ก่อนจะเจอกันอีกครั้งในวันที่ 19 มกราคม 2020 เป็นฝ่ายลิเวอร์พูลที่เปิดบ้านเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ดไปได้ 2-0
4 นอกจากในพรีเมียร์ลีก เจอร์เกน คล็อปป์ พาลูกทีมลิเวอร์พูล ลงศึกแดงเดือดในทัวร์นาเมนต์อะไรอีก ?
ในลีกเจอกันกว่า 18 ครั้ง เจอร์เกน คล็อปป์ ทำผลงาน เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปได้ 7 ครั้ง เสมอ 7 ครั้ง และแพ้ 4 ครั้ง นอกจากนี้ คล็อปป์ ยังพาทีมลิเวอร์พูลเจอแมนฯ ยูไนเต็ด ในทัวร์นาเมนต์อื่น ๆ อีกหลายครั้ง เช่น ศึกบอลถ้วย เอฟเอคัพ 2 หน ศึกสโมสรฟุตบอลยุโรป ถ้วยยูโรป้าลีก 2016 (2 นัด เหย้า-เยือน) และรวมถึงรายการอุ่นเครื่องปรีซีซีน ที่สหรัฐอเมริกา ปี 2018 และที่ประเทศไทย ในปี 2022
5.เจอร์เกน คล็อปป์ คุมลิเวอร์พูลทำศึกแดงเดือด ครั้งไหนที่เอาชนะได้มากที่สุด ?
แมทซ์แดงเดือดที่ลิเวอร์พูลเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้แบบท่วมท้น คือในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อ 5 มีนาคม 2023 ลิเวอร์พูลเปิดบ้านถล่มแมนฯ ยูไนเต็ดไปราบคาบ 7-0 แต่หากย้อนกลับไปแมทซ์ที่ลิเวอร์พูลบุกไปเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ด คาบ้านด้วยสกอร์ท่วมท้น เกิดขึ้นในเกมพรีเมียร์ลีก 24 ตุลาคม 2021 โดยเอาชนะไปได้ 0-5 ซึ่งเป็นเกมเยือนแดงเดือดของ คล็อปป์ ที่เอาชนะได้มากที่สุด
6.เจอร์เกน คล็อปป์ คุมลิเวอร์พูล ลงศึกแดงเดือด นัดไหนที่ดรามามากที่สุด
หนที่ลิเวอร์พูล ในการทำทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ ลงศึกแดงเดือดเจอแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เกมมีความเข้มข้นและดรามามากที่สุด ต้องยกให้ในศึกเอฟเอคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมา
โดยก่อนหมดเวลา 90 นาที ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 2-1 ก่อนที่แมน ฯ ยูไนเต็ด จะตีเสมอในช่วงปลายเกม จนต้องต่อเวลาออกไป 30 นาที และเป็นฝ่ายลิเวอร์พูลที่ขึ้นนำอีกครั้ง 3-2 แต่แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ยอมแพ้ ตามมาไล่ตีเสมอได้สำเร็จ 3-3 เกมกำลังจะจบลงด้วยการเสมอกันอีกครั้ง และต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ แต่แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมายิงประตูขึ้นนำในนาทีสุดท้าย แซงเอาชนะไปได้ 4-3
7.เจอร์เกน คล็อปป์ คุมลิเวอร์พูลเจอแมน ฯ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2023-2024 ฤดูกาลส่งท้าย ผลงานเป็นอย่างไร ?
เจอร์เกน คล็อปป์ คุมลิเวอร์พูล ในฤดูกาลล่าสุด 2023-2024 โดยเมื่อ 17 ธันวาคม 2023 เกมในลีกนัดแรกที่ลงเล่นในสนามแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูล เกมจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 กอนจะมาเจอกันในศึกเอฟเอคัพ 17 มีนาคม 2024 และแพ้ให้กับแมนฯ ยูไนเต็ดที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดไป 3-4
ผลงานโดยรวมคือ ยังไม่สามารถเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลล่าสุดนี้ได้เลย เกมที่จะบุกไปเยือนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอีกครั้งในวันที่ 7 เมษายน 2024 จึงเป็นทั้งการส่งท้ายแดงเดือดของคล็อปป์ และยังเป็นช่วงที่ต้องลุ้นแชมป์ส่งท้ายให้กับลิเวอร์พูลด้วยเช่นกัน
สำหรับสาวก “เดอะค็อป” เจอร์เกน คล็อปป์ คือผู้จัดการทีมที่นำความสำเร็จมาให้กับทีมอย่างไม่ต้องสงสัย แต่มากไปกว่านั้น คือการปลุกจิตวิญญาณแห่งนักสู้ ด้วยการเล่นที่ตื่นตาตื่นใจ และการไม่ยอมแพ้ ทั้งหมดทำให้ The normal one คนนี้ เข้าไปนั่งอยู่ในใจแฟน ๆ ลิเวอร์พูลตลอดไป...
อ่านข่าวอื่น ๆ
-"แดงเดือด" หงส์แดง บุกรังผี หวังล้างตาคว้า 3 แต้ม
-"แดงเดือด" แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 4-3 ช่วงต่อเวลาพิเศษ
-ช็อกแฟนหงส์ "คล็อปป์" ประกาศอำลา "ลิเวอร์พูล" หลังจบซีซัน