เราอาจได้ยินคำว่า “ฆ่าตัวตาย” ปรากฏขึ้นตามหน้าข่าวสารอยู่บ่อย ๆ หรือหันมาที่หน้าจอมือถือ มักจะเจอข้อความทำนอง “ตัดพ้อชีวิต” ไหลผ่านในหน้าฟีดโซเชียลมีเดียอยู่เสมอ
การฆ่าตัวตาย กลายเป็นอีกหนึ่ง “ปัญหาสังคม” ที่ทำให้ผู้คนต้องจากโลกนี้ไปก่อนเวลาอันควร ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกเผยตัวเลขอัตราการฆ่าตัวตาย มีจำนวนมากกว่า 700,000 รายต่อปี
เป็นเรื่องไม่ดีแน่ หากจู่ ๆ ใครสักคนหนึ่ง จะลุกขึ้นมา “ปลิดชีพตัวเอง” ซึ่งไม่แน่ว่า วันหนึ่งภาวะอันตรายเหล่านี้ จะเกิดขึ้นกับเรา หรือคนรอบข้างก็เป็นได้
Thai PBS มีเรื่องราวความรู้ ความเข้าใจ รวมถึงข้อสังเกตของผู้ที่กำลังมีภาวะสุ่มเสี่ยงอันตรายจากการฆ่าตัวตายมาบอกกัน เพื่อเป็นประโยชน์ และหลีกเลี่ยงต่อภาวะอันตรายเหล่านี้
ปัญหาการฆ่าตัวตาย เกิดจากอะไร ?
ด้วยปัจจัยของความเครียด ตลอดจนความกดดันที่สูงขึ้นของผู้คนในสังคม ล้วนเป็นบ่อเกิดของภาวะคิดสั้น-ฆ่าตัวตาย ขณะเดียวกัน ความแข็งแรงทางสุขภาพจิตของผู้คนลดลง เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะอันไม่พึงประสงค์นี้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ส่งผลอีกหลายสาเหตุ อาทิ
- ปัญหาด้านความสัมพันธ์
- ปัญหาด้านแอลกอฮอล์
- ปัญหายาเสพติด
- ปัญหาการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง
- ปัญหาทางเศรษฐกิจ
- ปัญหาทางจิตเวช
ปัจจุบันภาวะการฆ่าตัวตายกลายเป็น 1 ใน 10 สาเหตุของการเสียชีวิตในประชากรโลก และสำหรับในประเทศไทย มีผู้ฆ่าตัวตายโดยเฉลี่ยปีละ 5,000 คน หรือทุก 1 ชั่วโมง มีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ 2 คน โดยการฆ่าตัวตายพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กอายุ 10 ปี ไปจนถึงผู้สูงอายุ 90 ปี
Did You Know ?
- มีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายมากกว่า 700,000 รายต่อปี
- 77% ของการฆ่าตัวตายทั่วโลก เกิดขึ้นในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง
- การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 4 ในกลุ่มคนอายุ 15-29 ปี
- วิธีการฆ่าตัวตายที่พบบ่อยที่สุดทั่วโลก คือ กินยาฆ่าแมลง, แขวนคอ, ใช้อาวุธปืน
ข้อมูลจาก : WHO องค์การอนามัยโลก
โรคซึมเศร้า เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายหรือไม่ ?
ปัญหาการเจ็บป่วยทางจิตเวช ถือเป็นสาเหตุหนึ่งของการฆ่าตัวตาย หนี่งในโรคที่เกี่ยวข้อง นั่นคือ โรคซึมเศร้า ผู้ที่คิดฆ่าตัวตาย มักเกิดภาวะของการซึมเศร้ามาก่อน การเกิดภาวะซึมเศร้า อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิ ปัญหาทางเศรษฐกิจ ตลอดจนความรู้สึกสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปจากชีวิต เช่น สอบตก อกหัก เสียคนรัก หย่าร้าง ตกงาน และอื่น ๆ
ปัจจัยทั้งหมดนี้ ทำให้เกิดความเครียดที่รุนแรง และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากไร้ทางออกและการป้องกัน นำมาซึ่งความรู้สึกซึมเศร้า ผู้ที่เป็นโรคนี้มักมีอารมณ์ และความรู้สึกที่เบื่อขั้นรุนแรง ซึ่งความเศร้าขั้นรุนแรงแบบนี้ ทำให้คิดว่าตัวเองนั้นผิด ไร้ค่า และท้ายที่สุดก็จะคิดว่าตัวเองนั้นสมควรตาย
นอกจากโรคซึมเศร้า ยังมีภาวะของโรคอื่น ๆ ที่มีผลเชื่อมโยงต่อการฆ่าตัวตายอีกเช่นกัน อาทิ โรคอารมณ์สองขั้ว โรคจิตเภท โรควิตกกังวล สมองได้รับการกระทบกระเทือน รวมไปถึงอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง และเจ็บป่วยรุนแรง จนส่งผลให้คิดสั้น
สังเกตสัญญาณ “อาการคิดสั้น” มีอะไรบ้าง ?
สัญญาณเตือนผู้ที่มีแนวโน้มฆ่าตัวตาย พึงสังเกตได้ดังนี้
- รู้สึกสิ้นหวังและหมดหวังต่ออนาคต
- ขังตัวเอง แยกตัวจากคนรอบข้าง
- ก้าวร้าวและหงุดหงิดบ่อยขึ้น
- วางแผนหรือค้นหาวิธีการตาย
- ชอบพูดว่าต้องเป็นภาระผู้อื่น
- ชอบพูดว่าอยากตาย
- ชอบทำร้ายตัวเอง
- ชอบมีพฤติกรรมเสี่ยงๆ
- วางแผนงานศพตัวเอง
- ยกสิ่งของให้ผู้อื่นมากเกินปกติ
- ใช้ยาเสพติด ดื่มแอลกอฮอล์หนัก
- ชอบขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย
- มองตัวเองในด้านลบเสมอ
วิธีป้องกันการฆ่าตัวตาย ต้องทำอย่างไร ?
“ภาวะคิดสั้น-ฆ่าตัวตาย” ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง หรือกับคนรอบข้าง อย่าปล่อยให้อาการเหล่านี้ทับถมจนสุดท้ายเกิดการสูญเสีย ลองปรับวิธีคิด และการปฏิบัติตัว ด้วยข้อแนะนำต่อไปนี้
- ฝึกปล่อยวาง หมั่นสังเกตความรู้สึกตนเอง ประคองสติให้อยู่กับปัจจุบัน เรื่องบางอย่าง หากไม่เป็นไปตามที่คิด ฝึกที่จะปล่อยวาง คิดเสียว่า ทุกสิ่งไม่ได้เป็นไปตามความอยากหรือความต้องการของเราเสมอไป
- มองหาคนที่รู้สึกไว้วางใจไว้พูดคุย เพื่อให้มีโอกาสระบายความรู้สึก เมื่อได้ระบายความรู้สึก เราจะได้รับมุมมองปัญหาที่แตกต่างไป ทำให้จัดการกับความคิดที่วุ่นวายในจิตใจได้มากขึ้น
- หาวิธีระบายด้วยตัวช่วยต่าง ๆ อาทิ เขียนลงในไดอารี วาดภาพ หรือหางานศิลปะที่ถนัด มาลงมือทำ เพื่อระบายความรู้สึก
- หากิจกรรมที่สนใจ เพื่อให้มีสมาธิจดจ่อกับเรื่องอื่น ๆ พยายามเบี่ยงเบนจากความทุกข์หรือปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่
- หมั่นออกกำลังกาย มีผลช่วยลดความเครียด เนื่องจากการออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งเอนโดฟิน หรือสารแห่งความสุข ช่วยลดความเครียด หรืออาการหดหู่ลงได้
- จัดระเบียบสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้ปลอดภัย โดยเฉพาะการเลี่ยงนำสิ่งของที่อาจใช้ทำร้ายตัวเองออกไปให้ไกลตัว เช่น ยา มีด หรืออาวุธต่าง ๆ หรือหากบังคับตัวเองไม่ได้ ให้พยายามพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่รู้สึกปลอดภัย
- จัดตารางชีวิตประจำวันให้เป็นระเบียบ และปฏิบัติตามนั้นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ลืมเรื่องทุกข์ใจ รวมทั้งทำให้รู้สึกดีที่สามารถเอาชนะใจตัวเองได้
- ลองตั้งเป้าหมายที่ทำได้ เช่น ไปท่องเที่ยวในสถานที่ที่ชอบ อ่านหนังสือเล่มที่อยากอ่าน หรือฝึกทักษะบางอย่างใหม่ ๆ ให้สำเร็จ การวางเป้าหมายเหล่านี้ จะสร้างแรงจูงใจให้ชีวิตเดินไปข้างหน้า ไม่ไปหมกมุ่นอยู่กับความคิดเดิม ๆ และมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ในชีวิต
- ควรมีเบอร์ติดต่อของเพื่อน สมาชิกในครอบครัวที่ช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉิน หรืออาจโทรติดต่อทางโรงพยาบาลเพื่อปรึกษากับแพทย์ พยาบาล หรือนักจิตวิทยา เพื่อบอกเล่ากรณีที่เกิดเรื่องไม่ดีมากระทบจิตใจ ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
Did You Know ?
- สามารถปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตได้ โทร 1323
- หรือศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 มีบุคลากรให้คำแนะนำ และปรึกษาปัญหา
“ชีวิต” ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ แต่ชีวิตมี “แง่งาม” ที่สามารถมองหาได้รอบตัว เรียนรู้ที่จะมองหาความสุขของชีวิต ขณะเดียวกัน ก็พร้อมจะเข้าใจว่า ชีวิตไม่ได้ “สุขตลอดเวลา” แล้วทุก ๆ ปัญหาที่เข้ามา จะผ่านพ้นไป…
อ้างอิงข้อมูล
-Suicide – การฆ่าตัวตาย
-ป้องกันการฆ่าตัวตาย สร้างได้ด้วยสุขภาพจิตที่ดี
-วิธีจัดการกับความคิดอยากฆ่าตัวตาย
-กรมสุขภาพจิตห่วงคนไทย หลังสถิติปี 64 พบ "ฆ่าตัวตาย" 5,000 คน
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
-5 เหตุผล “ทำไมเราถึงชอบเสพข่าวฉาวของคนดัง”
-รู้จัก – รับมือ “อาการซึมเศร้าหลังหยุดยาว”
-ฟังดี ชีวิตเปลี่ยน แนะนำ 5 เสียง ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น