“ช้างศึก” ฟุตบอลทีมชาติไทย กำลังลุยศึกใหญ่ เอเชียนคัพ 2023 ภาพรวมถือว่าทำผลงานได้ดี อีกหนึ่งกระแสที่ถูกพูดถึง นั่นคือ “เสื้อฟุตบอล” เวอร์ชันสีขาวของทีมชาติไทยชุดนี้ สวยเด่นสะดุดตาเอามาก ๆ งานนี้ผลงานดี แถมเสื้อยังสวยปัง ไทยพีบีเอสจึงไปรวบรวมว่า ที่ผ่านมา มีเสื้อฟุตบอลทีมชาติไทยเวอร์ชันไหนบ้าง ที่ใส่แล้วผลงานโดดเด่นเป็นที่จดจำ ตามไปดูกัน
เสื้อบอลไทย ชุดชนะจีน เอเชียนเกมส์ 1990
ช่วงปี 1990 หรือ พ.ศ.2533 ฟุตบอลไทยได้โค้ชชาวบราซิล “คาร์ลอส โรแบร์โต คาร์วัลโญ” เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ด้วยสไตล์ฟุตบอลแบบแซมบา-บราซิล สร้างกระแสความสนใจแก่แฟนบอลไทยไม่น้อย
ปีนั้นทีมชาติไทยมีทัวร์นาเมนต์ใหญ่ คือการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งทัพนักเตะไทยทำผลงานในรอบแรกได้ดี โดยเสมอกับเยเมนในนัดแรก ก่อนจะเอาชนะฮ่องกงในนัดที่สอง และปิดท้ายเอาชนะคูเวต ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย
ไฮไลต์สำคัญคือการลงดวลแข้งกับจีน ชาติเจ้าภาพ แถมวันที่ลงแข่ง (1 ตุลาคม 1990) ยังตรงกับวันชาติจีนอีกด้วย แต่ขุนพลทีมชาติไทยที่มาในชุดสีน้ำเงินขลิบขาว สามารถน็อคทีมชาติจีนไปได้ 1-0 จากลูกยิงของ ประเสริฐ ช้างมูล ผ่านเข้าสู่รอบรองฯ ชนิดแฟนบอลได้เฮกันทั้งแผ่นดิน
แม้หลังจากนั้น ทีมไทยจะไปพ่ายแก่เกาหลีเหนือ 0-1 ในรอบรองฯ และพ่ายแก่เกาหลีใต้ 0-1 ในนัดชิงเหรียญทองแดง แต่ทีมชาติไทยชุดดังกล่าวก็สร้างผลงานได้อย่างน่าชื่นชม คว้าอันดับ 4 ในเอเชียนเกมส์ 1990 แบบหักปากกาเซียน
เสื้อบอลไทย ชุดศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 24
ปี 2536 เป็นอีกปีที่กระแสฟุตบอลทีมชาติไทยสุดคึกคัก โดยเฉพาะในศึกฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 24 ซึ่งเป็นรายการที่แฟนบอลชาวไทยให้ความสนใจอย่างมาก
จนเมื่อเข้าสู่การแข่งขัน มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น โดยในรอบรองชนะเลิศ ทีมชาติไทย ชุดเอ และชุดบี ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศด้วยกันทั้งคู่ งานนี้ยิ่งปลุกกระแสความคลั่งไคล้ ส่งผลให้แฟนบอลหลั่งไหลเข้ามาชมเกินความจุของสนาม เป็นที่มาประโยคคลาสสิกตลอดกาล “สนามศุภฯ แตก!”
ทีมชาติไทยในวันนั้น สวมชุดแข่งขันสีน้ำเงิน โดยมีลวดลายกราฟิกสีแดงพาดขวางตรงกลางเสื้อ ซึ่งผลการแข่งขัน ทีมชาติไทย ชุดเอ เอาชนะเกาหลีใต้ไป 1-0 จากลูกยิงของเพชรฆาตหน้าหยก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ส่วนทีมชาติไทย ชุดบี พ่ายแก่ทีมชาติจีนไป 1-2
แม้ในรอบชิงชนะเลิศทีมชาติไทย ชุดเอ จะพ่ายแก่จีนไป 0-4 แต่กระแสความคลั่งไคล้ของแฟนบอลในคิงส์คัพหนดังกล่าว ยังเป็นที่จดจำมาถึงทุกวันนี้
เสื้อบอลไทย ชุดเซอร์ไพรส์เอเชียนเกมส์ 1998
เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ถูกจัดขึ้นในปี 1998 (หรือ พ.ศ.2541) ที่กรุงเทพมหานคร หนึ่งในความหวังของแฟนกีฬา คือการเห็นทีมฟุตบอลไทยเข้ารอบลึก ๆ ในเอเชียนเกมส์
แม้ในช่วงเวลาดังกล่าว จะเป็นช่วงที่ทีมชาติไทยมีผลงานลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่ด้วยศักดิ์ศรีเจ้าภาพ แถมฟุตบอลคือกีฬามหาชน จึงต้องเค้นฟอร์มสร้างผลงานให้ดีที่สุด
ทีมชาติไทย ภายใต้การทำทีมของโค้ชชาวอังกฤษ “ปีเตอร์ วิธ” เริ่มต้นผลงานในรอบแรกด้วยการเอาชนะฮ่องกง 5-0 ตามด้วยชนะโอมาน 2-0 จนมาถึงรอบแบ่งกลุ่มรอบที่สอง ทีมไทยเสมอกับคาซัคสถานไป 1-1 ก่อนจะเอาชนะเลบานอน 1-0 และแพ้กาตาร์ 1-2
แต่ยังสามารถผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย มาพบกับเกาหลีใต้ แม้ภาพรวมจะเป็นรอง แต่ขุนพลทีมชาติไทยรวมพลังจนสามารถออกนำเกาหลีใต้ไปได้ก่อน 1-0 น่าเสียดายที่เกาหลีใต้ตามตีเสมอได้ 1-1 จนต้องต่อเวลา
ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล ซัดฟรีคิกระยะไกลสุดมหัศจรรย์เข้าประตูไปแบบเหนือความคาดหมาย ส่งผลให้ทีมไทยน็อคเกาหลีใต้ไปได้แบบสุดมันส์ แม้เอเชียนเกมส์หนนั้น ทีมชาติไทยจบที่อันดับ 4 แต่ทำผลงานได้เหนือความคาดหมาย
นอกจากผลงานจะเข้าตา บรรดานักเตะชุดนั้น อาทิ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, ดุสิต เฉลิมแสน, ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล และ ตะวัน ศรีปาน (ชื่อเดิมก่อนเป็น ธชตวัน ) กลายเป็นดาวดังไปในทันที รวมถึงชุดที่สวมลงแข่งวันนั้น เสื้อน้ำเงิน-ขาว ที่มีลวดลายกราฟิกสะดุดตา กลายเป็นอีกชุดหนึ่งที่แฟนบอลจดจำได้ดีตลอดมา
เสื้อบอลไทย ชุดโกลเดนเจนฯ คว้าที่ 4 เอเชียนเกมส์ 2014
เข้าสู่ช่วงปี 2557 หรือปี 2014 กับการมาถึงของกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ทีมชาติไทยในการทำทีมของ โค้ชเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง นำขุนพลนักเตะสายเลือดใหม่ อาทิ ชนาธิป สรงกระสินธ์, อดิศักดิ์ ไกรสร, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, สารัช อยู่เย็น, ชาริล ชับปุยส์ ฯลฯ เข้าสู่สังเวียนแข้งระดับเอเชีย
ทีมชาติไทยสวมชุดเหย้าสีน้ำเงินเช่นเคย มีเส้นคาดสีเหลืองบริเวณอกเสื้อ และปักธงไทยที่ด้านซ้าย ผลปรากฏว่าขุนพลช้างศึกทำผลงานได้ดี ผ่านรอบแรกโดยเป็นอันดับหนึ่งในสาย ก่อนจะเอาชนะจีนในรอบ 16 ทีม และฟอร์มดีต่อเนื่องด้วยการปราบจอร์แดนในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ผ่านเข้าสู่รอบรองฯ เอเชียนเกมส์ได้อีกครั้ง
แม้สุดท้ายจะจบที่อันดับสี่ แต่ฟุตบอลทีมชาติไทยยุคโกลเดนเจเนอเรชัน จุดประกายความหวังให้กับแฟนบอลไทย บรรดาสตาร์รุ่นใหม่เปล่งประกายความสามารถ จนกระแสฟุตบอลไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง
เสื้อบอลไทย ชุดแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 และผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก โซนเอเชีย
เป็นผลผลิตที่ต่อเนื่องจากช่วงปี 2014 สำหรับฟุตบอลทีมชาติไทยยุคโกลเดนเจเนอเรชัน ที่อุดมไปด้วยนักเตะสายเลือดใหม่ ผสมผสานกับรุ่นพี่อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน และยังเป็นการทำทีมโดย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เช่นเดิม
ช่วงต้นปี 2016 ทีมชาติไทย ผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 โซนเอเชีย โดยทำผลงานเป็นแชมป์ของกลุ่ม กระทั่งเข้าสู่ช่วงปลายปี ขุนพลช้างศึกก็ประกาศศักดา คว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 หรือฟุตบอลอาเซียน คัพ 2016 ซึ่งเป็นรายการใหญ่ที่สุดของอาเซียน
ชุดฟุตบอลไทยในช่วงดังกล่าว ยังใช้สีน้ำเงินเป็นชุดเหย้า แต่เปลี่ยนแปลงสัญลักษณ์มาใช้ “โลโก้ช้าง” และออกแบบเสื้อคอปก เสมือนเป็นภาพลักษณ์ใหม่ เดินหน้าสู่โลกฟุตบอลสมัยใหม่เต็มตัว
เสื้อบอลไทย ชุดฉลอง 100 ปี
กลางปี 2016 ฟุตบอลรายการคิงส์คัพถูกจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 44 พ่วงมาด้วยความพิเศษอีกประการ นั่นคือ เป็นช่วงเวลาครบรอบ 100 ปีฟุตบอลไทย จึงมีการจัดทำเสื้อทีมชาติชุดพิเศษ โดยออกแบบให้คล้ายกับชุดแข่งชุดแรกของทีมชาติสยาม มีสีประจำทีม คือขาวแดง ซึ่งมาจากสีของธงชาติสยามช่วงทดลองใช้ในสมัยรัชกาลที่ 6
ผลปรากฏว่า เสื้อทีมชาติไทยชุดนี้กระแสตอบรับดีมาก พอเปิดขายแก่ประชาชนทั่วไป มีผู้คนมาต่อคิวซื้อในวันแรกเป็นจำนวนมาก แม้ผลงานในคิงส์คัพหนดังกล่าว ทีมไทยจะไม่ได้เข้าชิงชนะเลิศ โดยแพ้แก่ซีเรียในการดวลจุดโทษ แต่มาแก้ตัวเอาชนะจอร์แดน คว้าอันดับสามในทัวร์นาเมนต์ได้สำเร็จ
และจนทุกวันนี้ เสื้อทีมชาติไทยเวอร์ชันพิเศษนี้ ยังได้รับความนิยม มีแฟนบอลยังสวมใส่ยามทีมชาติไทยลงแข่งอยู่เสมอ
เสื้อบอลไทย ชุดขาวสู้ศึกเอเชียนคัพ 2023
กลายเป็นกระแสไม่น้อย หลังจากที่ทีมชาติไทยลงดวลแข้งกับทีมชาติโอมาน ในศึกเอเชียนคัพ 2023 โดยสวมชุดแข่งสีขาว มีลวดลายกราฟิกสีน้ำเงินและแดงบริเวณไหล่ งานนี้ผลการแข่งขันระหว่างโอมานและไทยที่ออกมาเสมอกัน ยังไม่แรงเท่ากระแสเสื้อบอลที่สวยเกินต้าน
ที่มาที่ไปของเสื้อชุดนี้ เป็นเสื้อชุดเยือนตัวที่ 3 (ต่อจากเสื้อชุดเหย้าสีน้ำเงิน และเสื้อชุดเยือนสีแดง) โดยเมื่อวันที่ทีมชาติไทยลงเตะกับโอมาน ไม่สามารถใส่เสื้อสีน้ำเงินชุดประจำได้ เนื่องจากถูกวางให้เป็นทีมเยือน แต่หากจะใส่เสื้อสีแดงอีกตัว ก็จะตรงกับเสื้อทีมโอมานที่เป็นสีแดงเช่นกัน จึงมาลงตัวที่ชุดทีมเยือนตัวที่ 3 ที่เป็นสีขาว ซึ่งการออกแบบสวยงามสะดุดตา ทำให้กลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย เป็นที่สนใจของแฟนบอลไทยอย่างมาก
แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะสวมเสื้อตัวไหน ขอให้นักเตะไทย รวมพลังเล่นกันให้เต็มที่ ส่วนแฟน ๆ ติดตามเชียร์ทีมฟุตบอลไทยในศึกเอเชียนคัพ 2023 กันไปยาว ๆ งานนี้มีลุ้น สู้! สู้! ไทยแลนด์!!
ขอบคุณภาพส่วนหนึ่งจาก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย
อ่านบทความอื่น ๆ
-เปิด 10 เรื่องที่ต้องรู้ “ช้างศึก” ลุยเอเชียนคัพ 2023
-"มาดามแป้ง" ส่งเสื้อร่วมยินดี 100 นัดของ "ธีราทร" - นับถอยหลังสู่คนที่ 6 ทีมชาติไทย
-เงื่อนไข "ทัพช้างศึก" เข้ารอบ 16 ทีม ก่อนลงสนามนัดปิดท้ายกลุ่ม F
-รู้จัก "ไมค์ ปฏิวัติ คำไหม" มือกาวอนาคตไกล "ช้างศึก"