ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ผู้ปฏิเสธการเป็นกษัตริย์


ประวัติศาสตร์

14 ธ.ค. 66

Thai PBS Digital Media

Logo Thai PBS
แชร์

จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ผู้ปฏิเสธการเป็นกษัตริย์

https://www.thaipbs.or.th/now/content/579

จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ผู้ปฏิเสธการเป็นกษัตริย์
บริการเสริมจาก Thai PBS AI

จอร์จ วอชิงตัน (George Washington) ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 1799 เขาเป็นผู้นำทางทหารและการเมืองที่โดดเด่นของสหรัฐอเมริกา เขานำสหรัฐจนได้รับชัยชนะในสงครามปฏิวัติอเมริกัน

จอร์จ วอชิงตัน เกิดเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 1732 ที่รัฐเวอร์จิเนียประเทศสหรัฐอเมริกา ในวัยเด็กเขาเรียนหนังสือที่บ้าน พออายุได้ 20 ปี ได้เข้ารับราชการเป็นทหาร แต่ภายหลังได้ลาออกจากการเป็นทหารในปี 1759 ในชีวิตครอบครัว วอชิงตัน ได้แต่งงานกับ มาร์ธา คัสติส และมีอาชีพทำไร่ทำสวนอยู่กับครอบครัว ในชนบทของอเมริกา

ปี 1775 รัฐสภาอาณานิคม ได้แต่งตั้ง จอร์จ วอชิงตัน เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพปฏิวัติอเมริกัน หลังจากผลักดันให้อังกฤษออกจากบอสตัน จอร์จ วอชิงตัน ได้พ่ายแพ้ในการรบที่ ลอง ไอแลนด์ ใน ปี 1776 ทำให้ต้องเคลื่อนย้ายกำลังมายัง Valley Forge ซึ่งอยู่นอกพื้นที่การปฏิบัติการของกองทัพอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ปลายปี 1776 จอร์จ วอชิงตัน ได้สั่งให้กองทัพข้ามแม่น้ำเดลาแวร์ (Delaware River) เพื่อเข้าโจมตีกองทัพอังกฤษที่เมืองเทรนตัน (Trenton) และ นิวเจอร์ซีย์ (New Jersey) ปี 1781 จอร์จ วอชิงตัน ได้ร่วมมือกับ Marquis de La Fayette แม่ทัพฝรั่งเศส ทำการรบชนะอย่างเด็ดขาดที่เมืองยอร์กทาวน์ การพ่ายแพ้ของกองทัพอังกฤษในครั้งนี้ ส่งผลให้กองทัพของเขามีความมุ่งมั่นในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพต่อไป

จากผลของยุทธศาสตร์ที่ วอชิงตันใช้ ทำให้กองกำลังปฏิวัติอเมริกันสามารถยึดกำลังรบสำคัญของอังกฤษ 2 แห่งที่ซาราโตกาและยอร์กทาวน์ ด้วยการเจรจากับสภาอาณานิคมทั้งสิบสาม รัฐอาณานิคม และพันธมิตรฝรั่งเศส วอชิงตันได้รวบรวมกองทัพอันไร้ผู้นำและชาติอันอ่อนแอให้เป็นปึกแผ่น ท่ามกลางภยันตรายจากความแตกแยกและความล้มเหลว

จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา


ทั้งนี้ในสงครามอิสรภาพของสหรัฐฯ วอชิงตัน ไม่ได้เป็นผู้นำกองทัพที่มีจุดเด่นด้านยุทธศาสตร์ ชัยชนะของเขาไม่ได้มาจากการวางแผนอย่างแยบยล แต่ได้มาจากการบริหารจัดการกองทัพอย่างละเอียดรอบคอบ จอร์จ วอชิงตัน ได้ใส่ใจอย่างมากในการชี้แจงด้านกำลังพลและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของกองทัพต่อรัฐสภา อย่างน้อยก็เพื่อให้หน่วยทหารได้รับเครื่องแบบ อาหาร ที่พัก เชื้อเพลิง และอาวุธยุทโธปกรณ์ ตามความจำเป็น

นอกจากนี้ในการเลือกผู้บังคับหน่วยทหารตลอดจนฝ้ายอำนวยการ วอชิงตัน ไม่ได้พิจารณาเลือกเฉพาะผู้ที่มีความสามารถด้านการรบมาทำงานเท่านั้น แต่ยังเลือกบุคคลอื่นที่มีความสามารถด้านการบริหารจัดการเช่นเดียวกับเขาและเนื่องจากกองทัพในขณะนั้น มีกำลังที่น้อยกว่าข้าศึก เขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะ และเน้นการรบแบบกองโจรเพื่อตัดเส้นทางการส่งกำลังบำรุงของกองทัพอังกฤษ และยังได้นำกิจการด้านการข่าวกรองมาใช้ อาทิ การใช้หมึกที่มองไม่เห็น สายลับสองหน้า ตลอดจนเล่ห์กลอื่น ๆ เดือนพฤษภาคม 1782 พันเอก นิโคลาสแห่งกองทัพบก นำนายทหารกลุ่มหนึ่งประชุมลับ เตรียมการสนับสนุนให้เขาเป็นกษัตริย์ แต่เขาปฏิเสธโดยให้คำอธิบายกับตำหนิพันเอก นิโคลาสว่า

"ถ้าข้าพเจ้ายังมีจิตสำนึกรู้ตัวเองอยู่บ้าง คงจะบอกได้ว่าคุณคงหาคนที่เกลียดแผนการนี่มากไปกว่าข้าพเจ้าไม่ได้อีกแล้ว…เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าขอร้องให้คุณล้มเลิกความคิดในหัวคุณเสียเอง และอย่าปล่อยให้ตัวเองหรือใครก็ตามเผยแพร่ความคิดเช่นนี้อีก หากยังเห็นความสำคัญของชาติบ้านเมือง เป็นห่วงเป็นใยรุ่นลูกรุ่นหลาน หรือยังเคารพนับถือข้าพเจ้าอยู่" ซึ่งการละทิ้งการขึ้นเป็นกษัตริย์ของเขาทำให้โลกตะลึง

ปี 1783 อเมริกาได้รับการยอมรับจากอังกฤษในฐานะประเทศเอกราชอย่างเป็นทางการ หลังจากเกิดสนธิสัญญาปารีส (Treaty of Paris) ที่มีการลงนามร่วมกันกับตัวแทนของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งอังกฤษ และตัวแทนจากสหรัฐฯ ในวันที่ 3 กันยายน 1783 ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดสงครามประกาศอิสรภาพอเมริกา

ภายหลังสงครามนี้เอง สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 ตรัสถามวอชิงตันว่าจะทำอะไรต่อไป และทรงได้รับข่าวลือมาว่าวอชิงตันจะกลับไปยังบ้านไร่ของตนเอง ทำให้มีพระราชกระแสในทันทีว่า “ถ้าเขาทำเช่นนั้น เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก”

ปี 1787 จอร์จ วอชิงตัน เป็นประธานการร่างสนธิสัญญา Philadelphia Convention ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ต่อมาในปี 1789 ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำการสร้างรัฐบาลแห่งชาติที่เข้มแข็งและมีการคลังที่ดี ซึ่งวางตนเป็นกลางในสงครามที่ปะทุขึ้นในยุโรป ปราบปรามกบฏและได้รับการยอมรับจากชนอเมริกันทุกประเภท

ในฐานะประธานาธิบดี เขาได้พยายามผลักดันให้มลรัฐต่าง ๆ ตลอดจนรัฐสภาคองเกรสไปสู่การปกครองจากส่วนกลางจนพัฒนาเป็นรูปแบบการปกครองของสหรัฐอเมริกาอย่างปัจจุบันในที่สุด และจากรูปแบบความเป็นผู้นำของเขาได้กลายมาเป็นระเบียบพิธีของรัฐบาล ซึ่งปฏิบัติสืบต่อกันมานับแต่นั้น เช่น การใช้ระบบคณะรัฐมนตรีและการปราศรัยในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ

เดือนมีนาคม ปี 1797 วอชิงตันได้ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี เขากลับไปยังเมาต์เวอร์นอน กับความรู้สึกที่ผ่อนคลาย เขาให้เวลากับการทำการเกษตร ในปีนั้นเขาดูแลการสร้างโรงกลั่นเหล้า ซึ่งจัดว่าเป็นโรงเหล้าที่ใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐใหม่

วอชิงตัน ถึงแก่อสัญกรรม วันที่ 14 ธันวาคม 1799 โดย เฮนรี ลี สมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐอเมริกา สดุดีวอชิงตันในพิธีศพว่า “ในยามรบ ยามสงบ และในหัวใจของเพื่อนร่วมชาติ เขาคือที่หนึ่งสำหรับอเมริกันชนทั้งปวง” ด้วยผลงานอันอุทิศให้แก่ชาติบ้านเมือง วอชิงตันจึงได้รับ “เครื่องรัฐอิสริยาภรณ์เหรียญทองแห่งรัฐสภาคองเกรส” (Congressional Gold Medal) เป็นบุคคลแรก

แม้ว่า วอชิงตันจะนำพาประเทศไปสู่ระบอบสาธารณรัฐที่สร้างความเท่าเทียมกันของประชาชน และไม่ยอมรับระบอบกษัตริย์ แต่ก็ยังไม่มีการเลิกทาส วอชิงตันและคณะในสมัยนั้น เห็นความเท่าเทียมกันของประชาชน (ผิวขาว) แต่ยังมีทาสผิวดำอยู่ ที่บ้านของวอชิงตันก็มีทาส เขายังเคยซื้อทาสในสมัยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่เขาก็มีความเห็นว่าการมีทาสเป็นสิ่งที่ไม่สมควร อย่างไรก็ตามระบบทาสในสหรัฐอเมริกาเลิกไปในสมัยประธานาธิบดีลินคอล์นในปี 1865 หรืออีก 66 ปี หลังวอชิงตันถึงแก่อสัญกรรม

การสถาปนาระบอบสาธารณรัฐและยกเลิกระบอบกษัตริย์ในสหรัฐอเมริกาจึงเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการปกครองในยุคสมัยใหม่โดยประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน และทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นอมตะ ได้รับการยกย่องทั่วไปว่าเป็น “บิดาผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา”

 

ข้อมูล : 
จอร์จ วอชิงตัน
Arts and Culture google จอร์จ วอชิงตัน 
ทำเนียบจอมยุทธ์ 
จอร์จ วอชิงตัน ผู้ไม่ยอมเป็นจักรพรรดิแห่งอเมริกา

แท็กที่เกี่ยวข้อง

วันสำคัญวันนี้ในอดีตจอร์จ วอชิงตันประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสหรัฐอเมริกา
ผู้เขียน: Thai PBS Digital Media

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด