ฟังดี ชีวิตเปลี่ยน แนะนำ 5 เสียง ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น

“ในหนึ่งวัน คุณได้ยินเสียงอะไรกันบ้าง?”

มากมาย, ล้นหลาม, เยอะจนจำไม่ได้ คำกล่าวเหล่านี้คงผุดขึ้นในความคิดของหลายคน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะผู้คนได้ยิน “เสียง” กันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่หากถามต่อว่า แล้วในแต่ละวัน เราได้ยินเสียงที่มี “คุณภาพ” มากน้อยแค่ไหน

Thai PBS มีเรื่องราวที่น่าสนใจของ “เสียง” การฟังเสียงที่ดี ช่วยทำให้สุขภาพดี แถมยังช่วยบำบัดความเครียด เสียงเหล่านั้นเป็นแบบไหน บทความนี้มีคำตอบ…

“เสียง” คืออะไร?

“เสียง” คือ พลังงานในรูปแบบหนึ่ง โดยเกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ แล้วทำให้เกิดการอัดตัวและขยายตัว หรือที่เรียกว่า คลื่นเสียง ก่อนจะถูกส่งผ่านตัวกลาง เช่น อากาศ ไปยังหูของคนเรา และถูกส่งไปยังสมอง ทำให้เกิดการรับรู้และตีความ รวมทั้งจำแนกลักษณะของเสียงต่าง ๆ ได้

“เสียง” มีความสำคัญต่อชีวิตอย่างไร?

ความสำคัญของ “เสียง” เป็นเครื่องมือหนึ่งในการสื่อสารของมนุษย์ มากไปกว่านั้น ยังช่วยสร้างความสุนทรีย์ให้กับมนุษย์ อาทิ เสียงดนตรี เสียงทางธรรมชาติ ในมุมกลับกัน มีเสียงอีกมากมาย ที่สร้างความรำคาญ หรือส่งผลเสียแก่มนุษย์ อาทิ เสียงที่ดังเกินไป เสียงท่อไอเสียจากรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ เสียงจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือเสียงตะโกนที่ดังติดต่อกันนาน ๆ

เพราะ “เสียง” อยู่รอบตัวมนุษย์ แถมเสียงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้คน แต่ในความเป็นจริง เราไม่อาจะเลือกฟังในสิ่งที่ต้องการได้เพียงอย่างเดียว หนำซ้ำอาจยังต้อง “ทนฟัง” เสียงที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อชีวิต ดังนั้น การรู้จัก “เลือก” รับฟังเสียง ตลอดจนรู้จักว่า “เสียงแบบใด” สามารถบำบัดสุขภาพได้ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ

“เสียง” อะไรบ้างที่ช่วยเรื่องสุขภาพ?

นักวิจัยในต่างประเทศ ได้ศึกษาผลกระทบของ “เสียง” ที่มีต่อมนุษย์ โดยค้นพบว่า เสียงที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ สามารถบำบัดสุขภาพกาย และสุขภาพใจ ช่วยลดความเครียดลงได้ ได้แก่…

1 เสียงมหาสมุทร (Ocean Sound)

ผู้คนมากมายเดินทางไปทะเลเพื่อพักผ่อน และแน่นอนว่า การฟังเสียงคลื่นยามเมื่อซัดเข้าหาฝั่ง คือความผ่อนคลายที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ การวิจัยค้นพบว่า เสียงมหาสมุทร ช่วยให้มนุษย์ผ่อนคลาย ทำให้สมองปลอดโปร่ง และช่วยลดความเครียด แถมยังส่งเสริมสุขภาพจิต ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น นี่อาจเป็นหนึ่งใน “เสียง” ที่หาได้ง่ายในธรรมชาติ และพร้อมจะบำบัดความเครียดให้กับมนุษย์ได้อยู่เสมอ

2 เสียงเม็ดฝน (Raindrop)

อีกหนึ่งเสียงจากธรรมชาติที่ช่วยบำบัด นั่นคือ เสียงเม็ดฝน งานวิจัยค้นพบว่า เสียงการร่วงหล่นของฝนที่ตกลงมาจากฟ้า ช่วยให้ผู้คนรู้สึกสดชื่นและอารมณ์ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย และทำให้หลับง่าย

ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ จึงมีการนำเอา “เสียงเม็ดฝน” มาบรรจุเอาไว้ ผ่านเครื่องมือทันสมัย อาทิ แอปพลิเคชันในมือถือ เปิดช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาในเรื่องการนอน หลับง่ายขึ้น

3 เสียงสีขาว (White noise)

“เสียงสีขาว” ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับ “สีขาว” แต่ที่มาของเสียงสีขาว หรือ White noise คือเสียงที่เกิดจากคลื่นความถี่สูง กลาง ต่ำ มาควบรวมกัน โดยมีความถี่ที่สม่ำเสมอ อาทิ เสียงน้ำตก เสียงบรรยากาศในป่า เสียงซู่ซ่าในทีวี หรือเสียงลมพัด

ประโยชน์ของ “เสียงสีขาว” ช่วยให้ผ่อนคลาย โดยในปี 1990 มีการวิจัยจากวารสาร Archives of Disease in Childhood รายงานว่า ทารกจะหลับเร็วขึ้นเมื่อสัมผัสกับเสียงสีขาว หรือผู้ที่เป็นโรคหูอื้อ สามารถบำบัดด้วยเสียงสีขาว รวมถึงการนำเสียงสีขาว มาช่วยบำบัดอาการนอนหลับยาก

4 เสียงสีชมพู (Pink noise)

นอกจาก “เสียงสีขาว” ยังมี “เสียงสีชมพู” หรือ Pink noise เป็นเสียงที่มีชุดคลื่นความถี่หลายแบบรวมกัน โดยมีความถี่ระหว่าง 20 Hz - 20 KHz เสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงทุ้ม ต่ำ นุ่มและลึก เสียงสีชมพูทำให้คลื่นสมองลดลง มีผลเชิงบวกต่อการทำงานาน ๆ ช่วยให้สมองประมวลผลข้อมูลและมีประสิทธิภาพความจำดีขึ้น เสียงสีชมพูจึงเหมาะแก่การฟังตอนทำงาน เพื่อเพิ่มสมาธิให้กับการทำงาน

เสียงสีชมพูมีลักษณะใกล้เคียงกับเสียงสีขาว แต่มีความนุ่มนวลและสบายต่อการรับฟังมากกว่า ส่วนใหญ่มีอยู่ในธรรมชาติ อาทิ เสียงลมพัด, เสียงน้ำตก, เสียงแม่น้ำกระทบฝั่ง หรือเสียงฝนตกเบา ๆ

5 ความเงียบ (Silence)

ปิดท้ายด้วยการฟังเสียงที่ “ไม่มีเสียง” หรือ ความเงียบ (Silence) ซึ่งการได้อยู่ในที่ที่ปราศจากเสียงรบกวน ถือเป็นการช่วยบำบัดเช่นกัน นอกจากนี้ การนำตัวเองไปสู่ “ความเงียบ” จะช่วยให้การจัดลำดับความคิดเป็นระเบียบขึ้น เนื่องจากมีสมาธิมากขึ้น

เคยมีการทดลองเรื่องความเงียบ โดยเปิดเสียงต่าง ๆ ให้หนูได้ยิน ผลปรากฏว่า เซลล์สมองของหนูไม่มีการพัฒนาใด ๆ แต่เมื่อให้อยู่ในความเงียบราว 2 ชั่วโมง เซลล์สมองของหนูในส่วน Hippocampus ซึ่งเป็นส่วนที่ทำหน้าที่จดจำ กลับมีการพัฒนามากขึ้น