ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ที่มา และความหมาย "เทศกาลไหว้พระจันทร์"


วันสำคัญ

27 ก.ย. 66

ลลิตวดี วัสโสทก

Logo Thai PBS
แชร์

ที่มา และความหมาย "เทศกาลไหว้พระจันทร์"

https://www.thaipbs.or.th/now/content/377

ที่มา และความหมาย "เทศกาลไหว้พระจันทร์"
บริการเสริมจาก Thai PBS AI

 

เทศกาลไหว้พระจันทร์คืออะไร

เทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือที่เรียกในภาษาจีนว่า "จงชิวเจี๋ย" (中秋节) เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดในวัฒนธรรมจีน รองจากเทศกาลตรุษจีนเท่านั้น เทศกาลนี้จัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ซึ่งมักจะตรงกับช่วงกลางถึงปลายเดือนกันยายนตามปฏิทินสากล โดยในปี 2567 นี้ จะตรงกับวันที่ 17 กันยายน

ตำนานและประวัติความเป็นมาของเทศกาลไหว้พระจันทร์

ตำนานที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลไหว้พระจันทร์มีหลากหลายเวอร์ชัน แต่เรื่องราวที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดคือเรื่องของ "ฉางเอ๋อร์" (嫦娥) และ "โฮ่วอี้" (后羿)

ตามตำนาน ในอดีตกาลมีพระอาทิตย์ปรากฏบนท้องฟ้าถึง 10 ดวง ทำให้โลกร้อนจัดและเกิดความเดือดร้อนแก่มวลมนุษย์ ราชาโฮ่วอี้ ผู้มีทักษะในการยิงธนูอันยอดเยี่ยม ได้ช่วยมนุษยชาติด้วยการยิงพระอาทิตย์ตกจากฟ้าไป 9 ดวง เหลือไว้เพียงดวงเดียว ทำให้เขาได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษ

ต่อมา โฮ่วอี้ได้รับยาอายุวัฒนะจากเทพเจ้า แต่เขาไม่ต้องการเป็นอมตะโดยลำพัง จึงมอบยาให้ภรรยาของเขา ฉางเอ๋อร์ เก็บรักษาไว้ ในวันหนึ่งขณะที่โฮ่วอี้ไม่อยู่ ลูกศิษย์ชั่วร้ายนาม "เฝิงเหมิง" (逢蒙) พยายามขโมยยาอายุวัฒนะ ฉางเอ๋อร์จึงตัดสินใจกินยานั้นเสียเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือคนชั่ว

หลังจากกินยา ฉางเอ๋อร์รู้สึกตัวลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและไปสถิตอยู่บนดวงจันทร์ เมื่อโฮ่วอี้กลับมาและทราบเรื่อง เขาเศร้าโศกเสียใจอย่างมาก ในคืนเพ็ญเดือน 8 ซึ่งพระจันทร์เต็มดวงและสว่างที่สุด โฮ่วอี้ได้จัดเครื่องเซ่นไหว้และขนมหวานที่ฉางเอ๋อร์ชื่นชอบไว้ใต้แสงจันทร์ เพื่อรำลึกถึงภรรยาผู้เป็นที่รัก

จากนั้นเป็นต้นมา ผู้คนจึงสืบทอดประเพณีการไหว้พระจันทร์ในคืนเพ็ญเดือน 8 เพื่อระลึกถึงความรักและความเสียสละของฉางเอ๋อร์

เทศกาลไหว้พระจันทร์ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่

ในประเทศจีน เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นวันหยุดราชการ ผู้คนจะกลับบ้านเกิดเพื่อรวมตัวกับครอบครัว จัดงานเลี้ยงใหญ่ และชมจันทร์เพ็ญด้วยกัน อาหารหลักที่นิยมรับประทานคือขนมไหว้พระจันทร์ หรือ "เยาะเปี่ยน" (月饼) ซึ่งมีหลากหลายไส้ เช่น ถั่วแดง, ไข่แดงเค็ม, งาดำ เป็นต้น

นอกจากนี้ ในบางพื้นที่ยังมีประเพณีการปล่อยโคมลอย การเต้นรำมังกรไฟ และการแขวนโคมไฟรูปสัตว์ต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาล

เทศกาลไหว้พระจันทร์ประเทศไต้หวัน

ในไต้หวัน เทศกาลไหว้พระจันทร์มีความสำคัญไม่แพ้ในจีนแผ่นดินใหญ่ นอกจากการรับประทานขนมไหว้พระจันทร์แล้ว ชาวไต้หวันยังนิยมจัดงานบาร์บีคิวกลางแจ้งที่เรียกว่า "เผาเนื้อไหว้พระจันทร์" (烤肉) ซึ่งเป็นประเพณีที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา

ในช่วงเทศกาล จะมีการจัดงานเทศกาลโคมไฟขนาดใหญ่ในหลายเมือง โดยเฉพาะที่เมืองผิงซี ซึ่งมีชื่อเสียงในการปล่อยโคมลอยขนาดใหญ่

เทศกาลไหว้พระจันทร์ประเทศฮ่องกง

ฮ่องกงมีการผสมผสานระหว่างประเพณีจีนดั้งเดิมและอิทธิพลตะวันตก ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ จะมีการจัดงานเทศกาลโคมไฟกลางคืนที่สวนสาธารณะต่างๆ โดยมีการแสดงดนตรีและการเต้นรำแบบดั้งเดิม

นอกจากขนมไหว้พระจันทร์แบบดั้งเดิมแล้ว ในฮ่องกงยังมีขนมไหว้พระจันทร์แบบสมัยใหม่ที่มีรสชาติแปลกใหม่ เช่น ช็อกโกแลต, ไอศกรีม หรือแม้แต่รสชาเขียว

เทศกาลไหว้พระจันทร์ประเทศสิงคโปร์

ในสิงคโปร์ เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นโอกาสสำคัญในการเฉลิมฉลองมรดกทางวัฒนธรรมจีน มีการจัดงานเทศกาลโคมไฟขนาดใหญ่ในย่านไชน่าทาวน์และสวนสาธารณะต่างๆ

สิงคโปร์มีการผสมผสานวัฒนธรรมหลากหลาย จึงมีการพัฒนาขนมไหว้พระจันทร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น ขนมไหว้พระจันทร์รสทุเรียน หรือขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำจากน้ำแข็งไส

เทศกาลไหว้พระจันทร์ประเทศมาเลเซีย

ในมาเลเซีย ชุมชนชาวจีนเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์อย่างคึกคัก มีการจัดขบวนแห่โคมไฟ การแสดงงิ้ว และการละเล่นพื้นบ้านต่างๆ

ขนมไหว้พระจันทร์ในมาเลเซียมีความหลากหลาย โดยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียน หรือขนมไหว้พระจันทร์รสชาติแบบมาเลย์

เทศกาลไหว้พระจันทร์ในประเทศเวียดนาม

ในเวียดนาม เทศกาลไหว้พระจันทร์เรียกว่า "Tết Trung Thu" และมีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับเด็กๆ เด็กๆ จะเดินขบวนถือโคมไฟรูปสัตว์ต่างๆ และเต้นรำมังกร

อาหารประจำเทศกาลของเวียดนามคือ "Bánh Trung Thu" ซึ่งคล้ายกับขนมไหว้พระจันทร์ของจีน แต่มีรูปทรงและรสชาติที่แตกต่างออกไป นอกจากนี้ยังมีขนมอื่นๆ เช่น ขนมเปี๊ยะไส้ถั่ว และผลไม้ตามฤดูกาล

เทศกาลไหว้พระจันทร์ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองตามประเพณีเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีในครอบครัว การขอบคุณสำหรับการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ และการชื่นชมความงามของธรรมชาติ แม้ว่าแต่ละประเทศจะมีวิธีการเฉลิมฉลองที่แตกต่างกันไป แต่แก่นแท้ของเทศกาลที่เน้นความสำคัญของครอบครัวและการชื่นชมความงามของธรรมชาติยังคงเหมือนเดิม ทำให้เทศกาลนี้ยังคงมีความสำคัญและได้รับความนิยมในหมู่ชาวเอเชีย

เทศกาลไหว้พระจันทร์ประเทศไทย

ในประเทศไทย เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็นที่รู้จักและเฉลิมฉลองอย่างแพร่หลายในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีน โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดที่มีชุมชนชาวจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ และนครสวรรค์ แม้ว่าจะไม่ใช่วันหยุดราชการ แต่เทศกาลนี้ก็ได้รับความสนใจและมีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างคึกคัก

ในช่วงเทศกาล ครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนมักจะจัดโต๊ะไหว้เจ้าที่หน้าบ้านหรือในบ้าน วางขนมไหว้พระจันทร์ ผลไม้ตามฤดูกาล และอาหารอื่นๆ เพื่อบูชาพระจันทร์และเทพเจ้า ขนมไหว้พระจันทร์ในไทยมีทั้งแบบดั้งเดิมและแบบประยุกต์ที่ผสมผสานรสชาติแบบไทย เช่น ไส้ทุเรียน, ไส้เม็ดบัว, ไส้ไข่เค็ม, ไส้ธัญพืช, ไส้ถั่วแดง, ไส้ลูกพลัมเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีขนมไหว้พระจันทร์แบบ "หิมะ" ที่เป็นขนมรสชาติหวานนุ่มละมุน ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของขนมไหว้พระจันทร์ที่ได้รับความนิยม

ย่านไชน่าทาวน์ของกรุงเทพฯ (เยาวราช) มักจะคึกคักเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลนี้ มีการจัดงานเฉลิมฉลองใหญ่ ประดับประดาด้วยโคมไฟสวยงาม มีการแสดงศิลปะและวัฒนธรรมจีน รวมถึงการจำหน่ายขนมและอาหารพิเศษมากมาย นอกจากนี้ หลายจังหวัดในไทยยังใช้โอกาสนี้จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น เทศกาลโคมไฟ หรือการจัดแสดงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจีนในท้องถิ่น ทำให้เทศกาลไหว้พระจันทร์กลายเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ความน่าสนใจของเทศกาลไหว้พระจันทร์ในไทยอยู่ที่การผสมผสานวัฒนธรรม ในบางพื้นที่ มีการนำประเพณีไทยเข้ามาผสมผสานกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ เช่น การทำบุญตักบาตรในตอนเช้าก่อนเริ่มพิธีไหว้พระจันทร์ในตอนกลางคืน สะท้อนให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของวัฒนธรรมที่หลากหลายในสังคมไทย

ความเชื่อและการอธิษฐานเป็นอีกส่วนสำคัญของเทศกาล หลายครอบครัวใช้โอกาสนี้อธิษฐานขอพรเพื่อความเจริญรุ่งเรือง สุขภาพแข็งแรง และความสุขในครอบครัว โดยมีความเชื่อว่าการอธิษฐานในคืนพระจันทร์เต็มดวงจะมีโอกาสสมหวังมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีประเพณีการแบ่งปันขนมไหว้พระจันทร์ให้กับเพื่อนบ้าน ญาติ และเพื่อนร่วมงาน เป็นการแสดงไมตรีจิตและความปรารถนาดี ซึ่งสอดคล้องกับวัฒนธรรมการแบ่งปันและความเอื้ออาทรของสังคมไทย

การเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ในประเทศไทยจึงเป็นภาพสะท้อนของการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมกับวิถีชีวิตแบบไทย ทำให้เทศกาลนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แม้ในหมู่คนไทยที่ไม่ได้มีเชื้อสายจีนก็ตาม

ขนมไหว้พระจันทร์ ทำไมต้องเป็นทรงกลม

ขนมไหว้พระจันทร์ หรือภาษาจีนเรียกว่า "เย่ว์ปิ่ง" เย่ คือ พระจันทร์ ส่วนปิ่ง หมายถึงของกินทรงแบน ปิ้ง ย่าง เผา อบ ลักษณะสำคัญอยู่ที่ทรงต้องแบนเป็นวงกลมรี หรือเป็นเหลี่ยมก็ได้ แต่ต้องไม่เป็นก้อนกลม 

ในวัฒนธรรมจีน “ความกลม” เป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์ และความสามัคคี พระจันทร์เต็มดวง เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง และการกลับมาพบกันของครอบครัว ซึ่งในเทศกาลไหว้พระจันทร์ทุกคนในครอบครัวจะรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ร่วมกัน หรือมอบขนมไหว้พระจันทร์ให้ญาติหรือเพื่อนฝูง เพื่อแสดงความรักและความปรารถนาดี

ความหมายดี ๆ ของไส้ขนมไหว้พระจันทร์

  • ไส้เม็ดบัว หมายถึง ความบริสุทธิ์ สงบสุข อายุยืน
  • ไส้ไข่เค็ม หมายถึง ความสุกสว่างเหมือนพระจันทร์ที่เต็มดวง
  • ไส้ธัญพืช หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ และโชคลาภ
  • ไส้ถั่วแดง หมายถึง ความกล้าหาญ การขจัดความกลัว
  • ไส้ลูกพลัม หมายถึง ความหวัง ดุจดอกพลัมที่บานในฤดูหนาว
ความหมายไส้ขนมไว้พระจันทร์

ของไหว้สำหรับพิธีไหว้พระจันทร์

ในการไหว้พระจันทร์จะคล้ายกับการไหว้เจ้าทั่วไป คือต้องมีธูป เทียน กระถางธูป กระดาษเงิน กระดาษทอง ดอกไม้สด 1 คู่ น้ำชา น้ำบริสุทธิ์ อาหารเจชนิดแห้ง และผลไม้ต่าง ๆ ที่มีชื่อและความหมายมงคล 

เช่น ทับทิม หมายถึงลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ส้ม หมายถึง ความเป็นมงคล แอปเปิล หมายถึง ความสงบสุข สาลี่ หมายถึง ขอให้มีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาในชีวิต องุ่น หมายถึง ความเพิ่มพูน นอกจากนี้ยังมีของไหว้ที่สําหรับใช้ในพิธีไหว้พระจันทร์โดยเฉพาะ ดังนี้

การจัดโต๊ะไหว้พระจันทร์
  1. ขนมหวาน ควรมีรูปทรงกลม ลักษณะแห่งความกลมเกลียว เช่น ขนมไหว้พระจันทร์ ขนมเปี๊ยะ หรือขนมโก๋
  2. โคมไฟสำหรับจุดไฟ สัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองและความหวาน สําหรับจุดไฟเปรียบเหมือนชีวิตที่สว่างไสว
  3. ของใช้ส่วนตัวของผู้หญิง ชุดเครื่องแป้ง เครื่องสําอาง เครื่องประดับ เครื่องแต่งกายของผู้หญิง ตลับแป้ง น้ำหอม อันเป็นการสื่อว่ามีเสน่ห์สวยงามเหมือนพระจันทร์ที่เปรียบเป็นเพศหญิง
  4. ต้นอ้อย 1 คู่ สำหรับทำเป็นซุ้มไหว้
ของไหว้วันไหว้พระจันทร์

ขนมไหว้พระจันทร์ กินเพลิน น้ำหนักพุ่งไม่รู้ตัว

นอกจากความอร่อยที่ได้เราได้จากขนมไหว้พระจันทร์แล้ว รู้หรือไม่ว่าขนมไหว้พระจันทร์นั้นเต็มไปด้วยแคลอรี่ เพราะส่วนผสมหลักของขนมชนิดนี้มีทั้งน้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตเป็นจำนวนมาก ด้านนอกของขนมทำจากแป้ง น้ำมัน และน้ำเชื่อม และไส้ที่มักจะมีส่วนผสมของน้ำตาลอยู่จำนวนไม่น้อย 

เปรียบเทียบเท่า ขนมไหว้พระจันทร์ 1 ชิ้น (166 กรัม) ให้พลังงาน 614-772 Kcal และหากเราตัดแบ่งเป็น 6 ส่วนเท่า ๆ กัน 1 ส่วนจะให้พลังงานอยู่ที่ 96-120 Kcal ซึ่งพลังงานต่อขนมไหว้พระจันทร์ 1 ส่วน แยกตามประเภทไส้ เราจะได้รับปริมาณพลังงาน ดังนี้

  • ไส้โหงวยิ้ง ให้พลังงาน 120.3 Kcal
  • ไส้เม็ดบัวและไข่ ให้พลังงาน 112.8 Kcal
  • ไส้เม็ดบัว ให้พลังงาน 107.6 Kcal
  • ไส้หมอนทอง ให้พลังงาน 106.7 Kcal
  • ไส้ทุเรียน ให้พลังงาน 102.3 Kcal 
  • ไส้พุทรา ให้พลังงาน 96.2 Kcal
ปริมาณพลังงานในขนมไหว้พระจันทร์

4 คำแนะนำกินขนมไหว้พระจันทร์ ไม่ทำร้ายสุขภาพ

  1. ดู วัน เดือน ปีที่ผลิต และหมดอายุ ก่อนรับประทาน หากหมดอายุ มีกลิ่น สี ที่ผิดปกติไป ไม่ควรรับประทานต่อ
  2. ควรแบ่งรับประทานออกเป็น 6 ชิ้นเล็ก และรับประทานไม่เกิน 1-2 ชิ้นเล็กต่อวัน 
  3. หลังจากรับประทานแล้ว ควรเลี่ยงการรับประทานขนมหวาน น้ำหวาน เพิ่มในวันนั้น เนื่องจากอาจได้รับพลังงานมากเกินความจำเป็น และควรออกกำลังกาย เพื่อเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน
  4. ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ต้องจำกัดปริมาณฟอสฟอรัสในอาหาร ควรหลีกเลี่ยงรับประทาน หรือรับประทานร่วมกับยาจับฟอสฟอรัส (ประมาณ 1-2 คำเล็กต่อวัน) หรือปรึกษาแพทย์, นักกำหนดอาหาร

ในแง่ของคุณค่าทางโภชนาการ ขนมไหว้พระจันทร์เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง เนื่องจากมีส่วนประกอบหลักเป็นแป้ง น้ำตาล และไขมัน ขนมไหว้พระจันทร์ 1 ชิ้น (ประมาณ 166 กรัม) อาจให้พลังงานถึง 614-772 กิโลแคลอรี ซึ่งคิดเป็นประมาณ 2 ใน 4 ของความต้องการพลังงานต่อวันของผู้ใหญ่ทั่วไป นอกจากนี้ ขนมไหว้พระจันทร์ยังมีปริมาณน้ำตาลและไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันจากน้ำมันที่ใช้ในการทำแป้งชั้นนอก

อย่างไรก็ตาม ขนมไหว้พระจันทร์ก็มีคุณค่าทางโภชนาการบางประการ เช่น ไส้เม็ดบัวมีโปรตีนและใยอาหาร ไส้ไข่แดงเค็มมีวิตามินบีและแร่ธาตุ เช่น สังกะสีและเซเลเนียม ส่วนไส้ถั่วต่างๆ ให้โปรตีนจากพืชและใยอาหาร แต่ด้วยปริมาณน้ำตาลและไขมันที่สูง จึงควรรับประทานอย่างพอดีและระมัดระวัง

คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพแต่ยังอยากร่วมเทศกาลไหว้พระจันทร์

  1. เลือกขนมไหว้พระจันทร์ที่มีไส้เป็นธัญพืชหรือถั่วต่างๆ แทนไส้ที่มีไขมันสูงอย่างไส้ไข่เค็ม แฮมหรือไส้ที่มีส่วนผสมอย่างมันหมู
  2. พิจารณาเลือกขนมไหว้พระจันทร์ที่มีการดัดแปลงสูตรให้มีน้ำตาลและไขมันน้อยลง ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายมากขึ้น
  3. รับประทานขนมไหว้พระจันทร์พร้อมกับชาร้อนไม่หวาน เพื่อช่วยในการย่อยและลดความหวานจากขนม
  4. แบ่งขนมเป็นชิ้นเล็กและรับประทานร่วมกับผู้อื่น นอกจากจะได้แบ่งปันความสุขแล้ว ยังช่วยควบคุมปริมาณการบริโภคได้ด้วย
  5. หลังรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ ควรออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน 

สำหรับผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่ต้องควบคุมน้ำหนัก ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ เพื่อวางแผนการรับประทานอย่างเหมาะสม อาจพิจารณาเลือกขนมไหว้พระจันทร์ที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล หรือขนมที่มีขนาดเล็กลงเพื่อควบคุมปริมาณการบริโภค

แม้ว่าขนมไหว้พระจันทร์จะเป็นอาหารที่มีพลังงานสูง แต่คุณค่าทางวัฒนธรรมและความหมายเชิงสัญลักษณ์ของมันก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน การรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ในช่วงเทศกาลไม่เพียงแต่เป็นการสืบสานประเพณี แต่ยังเป็นโอกาสในการรวมตัวของครอบครัว แบ่งปันความสุข และระลึกถึงคุณค่าของความกตัญญูและความสามัคคี ซึ่งเป็นแก่นแท้ของเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน

ที่มา : China HIGHLIGHTS, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ศิลปวัฒนธรรม, ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย, คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, เทศกาลจีนและการเซ่นไหว้ โดย ถาวร สิกขโกศล ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ, โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์
 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

วันไหว้พระจันทร์ตำนานวันไหว้พระจันทร์เทศกาลจีนขนมไหว้พระจันทร์ความหมายขนมไหว้พระจันทร์
ลลิตวดี วัสโสทก
ผู้เขียน: ลลิตวดี วัสโสทก

เจ้าหน้าที่เนื้อหาออนไลน์ สื่อดิจิทัล

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด