ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รับมือการเสียชีวิตเพียงลำพัง ด้วย “การแพทย์ฉุกเฉิน” สำหรับผู้สูงวัย


Thai PBS Care

17 มี.ค. 68

อธิเจต มงคลโสฬศ

Logo Thai PBS
แชร์

รับมือการเสียชีวิตเพียงลำพัง ด้วย “การแพทย์ฉุกเฉิน” สำหรับผู้สูงวัย

https://www.thaipbs.or.th/now/content/2468

รับมือการเสียชีวิตเพียงลำพัง ด้วย “การแพทย์ฉุกเฉิน” สำหรับผู้สูงวัย
บริการเสริมจาก Thai PBS AI

 

ข่าวการจากไปของ Gene Hackman สร้างความสะเทือนใจแก่แฟนภาพยนตร์ และยิ่งสร้างความสะเทือนใจ เมื่อเรื่องราวการเสียชีวิตของดาราเจ้าบทบาท มีที่มาจากการไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อันเกิดจากการเสียชีวิตของภรรยาที่ตายไปก่อนหน้า

เรื่องราวอันน่าสะท้อนใจนี้ ส่งผลให้นึกถึงผู้สูงอายุอีกมากมายในยุคปัจจุบันที่ต้องอาศัยอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง ซึ่งชีวิตอาจเปราะบางกว่าที่เราคิด Thai PBS ชวนรู้จัก วิธีรับมือกับเหตุการณ์อันไม่ทันได้คาดคิด ผ่าน “การแพทย์ฉุกเฉินสำหรับผู้สูงวัย” วิธีปฏิบัติที่จะเป็นตัวช่วย “เซฟชีวิต” และทำให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยดีขึ้น

แพทย์ฉุกเฉินสำหรับผู้สูงวัยคืออะไร ? 

ประเทศไทยมีผู้สูงวัยเพิ่มมากขึ้น ลองจินตนาการว่าในอีก 10 ปี เมื่อผู้สูงอายุก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น สิ่งที่ตามมาย่อมหนีไม่พ้นการเจ็บป่วย หลายประเทศจึงมีแนวคิดรับมือกับสังคมสูงอายุที่ใกล้เข้ามารวมถึงประเทศไทย “ระบบการแพทย์ฉุกเฉินสำหรับผู้สูงอายุ” จึงเป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นเพื่อมองว่าวิธีรับมือกับปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้น

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเองมีงานวิจัยด้านสาธารณสุขที่ศึกษาประเด็นนี้อยู่หลายชิ้น ทั้งในเรื่องของการจัดเตรียมระบบการแพทย์ฉุกเฉิน จนถึงมุมมองด้านความต้องการของตัวผู้สูงวัยในการรับบริการ

อย่างไรก็ตาม การแพทย์ฉุกเฉินสำหรับผู้สูงอายุ ต้องเข้าใจร่วมกันก่อนว่า ไม่ได้แยกขาดจากระบบการแพทย์ฉุกเฉิน (Emergency Medical Service System) สำหรับผู้ป่วยในช่วงวัยอื่น ๆ แต่จะมีแนวทางการทำงานใช้มาตรฐานเดียวกันทุกคน (Universal) แบ่งแนวทางการปฏิบัติงานตามการประเมินอาการเจ็บป่วยของแต่ละบุคคล โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อให้เอื้อต่อการบริการแพทย์สำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่สุดก่อน 
ดังนั้นจึงบอกได้ว่า การพัฒนาการแพทย์สำหรับผู้สูงอายุ จึงเป็นการพัฒนาแนวทางสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินในทุกช่วงวัยด้วยเช่นกัน

แพทย์ฉุกเฉินสำหรับผู้สูงอายุคือทางออกของปัญหาหรือไม่ ?

การแพทย์ฉุกเฉินสำหรับผู้สูงอายุ มีความพิเศษอย่างไร ?

เพราะผู้สูงอายุเป็นกลุ่มหลักในการใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ข้อมูลจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) ระบุว่า มีแนวโน้มการใช้บริการเพิ่มขึ้น ในช่วงปี 2556 – 2559 จากจำนวน 349,600 ครั้ง ในปี 2556 สู่ 457,984 ครั้งในปี 2559 

คาดการณ์กันว่าในปี 2578 ประเทศไทยจะเข้าสู่ “สังคมสูงอายุระดับสุดยอด” (super aged society) โดยมีผู้สูงอายุร้อยละ 30 ของประชากรทั้งหมด พูดง่าย ๆ ก็คือ หากเราเดินผ่านคน 10 คน เราจะเจอผู้สูงอายุอยู่ถึง 3 คน

การสร้างให้เกิดระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่เอื้อต่อผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งสำคัญ ความพิเศษคือแนวทางของการให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสม ระบบการดูแลเฝ้าระวังโรคที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษ การเฝ้าระวังร่วมกันภายในชุมชน และการป้องกันก่อนเกิดเหตุ ทั้งนี้ การแพทย์ฉุกเฉินสำหรับผู้สูงอายุยังมีปัจจัยเกี่ยวข้องกับระบบสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่อีกด้วย

ข้อมูลด้านการศึกษารูปแบบการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุในครัวเรือนไทย พบว่า ผู้สูงอายุที่อยู่เพียงลำพังและอยู่กับผู้สูงอายุด้วยกันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในช่วงปี 2539 – 2561 จากร้อยละ 2.3 และ 2.1 เป็นร้อยละ 6.5 และ 6.2 ตามลำดับ แต่ยังคงมีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่กับคนวัยทำงานที่เพิ่มจากร้อยละ 9.5 เป็นร้อยละ 17.1 ของผู้สูงอายุทั้งหมด

ภาพกว้างของสถานการณ์การแพทย์ฉุกเฉินของไทยโดย สพฉ. ยังคงเป็นเรื่องของการสร้างการเข้าถึง ให้ทุกคนเข้าถึงการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ห่างไกล มีการจัดการให้มีเรือเข้าถึงพื้นที่เกาะ หรือเฮลิคอปเตอร์ในกรณีจำเป็น ขณะที่แนวทางการดูแลรักษาเบื้องต้น จะเป็นลักษณะตามแนวปฏิบัติที่ใช้กับทุกคน แยกย่อยไปตามรายละเอียดของบุคคลนั้น

เช่น ผู้ป่วยฉุกเฉินกรณีโรคหลอดเลือดหัวใจ (Stroke) หากประเมินพบจะมีการใช้ Activate Stroke FAST track หรือระบบการดูแลสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองให้เข้าถึงการรักษาเร็วที่สุด เพื่อลดความเสียหายของสมองและเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวของผู้ป่วย หากเกิดเหตุก่อนเวลาจะมีการขอความช่วยเหลือชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับสูง (ทีม Advanced Life Support Unit: ALS)

ขณะที่หากเป็นกรณีผลักตกหกล้มที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ มีแนวทางการดูแลเริ่มจากให้ประคองศีรษะและลำคอก่อนประเมินอาการ รู้สึกตัวหรือไม่ หากไม่รู้สึกตัวจะใช้แนวปฏิบัติหัวใจหยุดเต้น หากรู้สึกตัวจะประเมินระดับการบาดเจ็บ ตั้งแต่ บาดแผลขนาดใหญ่ กระดูกต้นคอ การหายใจ ให้การรักษาเบื้อนต้นตามอาการที่พบขณะนำส่งโรงพยาบาล

ทั้งนี้ แนวปฏิบัติการให้การช่วยเหลือยังขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่เขตสุขภาพที่มีการจัดทำคู่มือตามลักษณะพื้นที่ของตัวเอง ระบบสาธารณสุขไทยนั้นการดูแลผู้สูงอายุ ใช้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการเข้าเยี่ยมตามบ้านเพื่อคัดกรองสุขภาพของผู้สูงอายุในชุมชนและคอยให้ความรู้ด้านสุขภาพเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น

อสม. หน่วยงานสำหรับเพื่อช่วยดูแลผู้สูงอายุที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว

ภาวะฉุกเฉินที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ รับมืออย่างไร ?

เนื่องจากผู้สูงอายุเป็นช่วงวัยที่มีความเปราะบาง จึงมีภาวะฉุกเฉินหลายอย่างที่พบได้บ่อย ต่อไปนี้เป็นภาวะฉุกเฉินที่บ่อยลำดับต้น ๆ และสามารถรับมือได้

1. ภาวะฉุกเฉินระบบการรู้สึก เช่น หมดสติ เป็นลม รวมถึงโรคหลอดเลือดในสมอง (Stroke)

- หมดสติ ภาวะที่ผู้สูงอายุไม่รับรู้ กรณีหายใจเองได้ วิธีรับมือ จัดท่านอนตะแคง ไม่หนุนหมอน แหงนหน้าเล็กน้อย งอแขกเล็กน้อยเพื่อไม่ให้กลิ้งไปกับพื้น งอเข่าเล็กน้อย คลายเสื้อผ้าออกให้หลวม หาผ้าห่มมาคลุมตัว กรณีหายใจขัด หรือหยุดหายใจ วิธีรับมือ เร่งนำส่งโรงพยาบาลหรือติดต่อหน่วยการแพทย์ฉุกเฉินทันทีเพื่อรับการช่วยเหลือ

- เป็นลม เป็นการหมดสติชั่วคราวเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ วิธีรับมือ พาผู้สูงอายุเข้าร่มหรือพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก คลายเสื้อผ้าให้หลวม พัดหรือให้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าและมือ ให้ดมแอมโมเนีย หรือยาดม

- อาการชัก เป็นอาการกระตุก เกร็งกล้ามเนื้อทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว มีสาเหตุจากโรคทางสมอง ความดันโลหิตสูง วิธีรับมือ ไม่ควรเอาช้อน ไม้กดลิ้น หรือผ้างัดปากขณะชัก ไม่จับยืดตัวผู้มีอาการชัก ห้ามให้ยาหรือสิ่งใดใดทางปาก เพราะจะทำให้สำลัก เร่งนำส่งโรงพยาบาล

- ภาวะสมองขาดเลือด (Stroke) เกิดได้จากหลอดเลือดตีบ ตันหรือแตก ทำให้สมองหยุดชะงัก ถือเป็นอาการร้ายแรงและอันตรายถึงชีวิต วิธีรับมือ มีหลักการที่เรียกว่า FAST คือสังเกตอาการ Face ใบหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว Arm แขนขาอ่อนร้าเฉียบพลัน Speech พูดลำบาก พูดไม่ชัด และ Time หากอาการครบข้างต้นต้องเร่งแจ้งหน่วยฉุกเฉินเพื่อรับการรักษาภายใน 3 ชั่วโมง

2. ภาวะฉุกเฉินของระบบหายใจ

- โรคหอบหืด (Asthma) เกิดจากหลอดลมมีการอักเสบเรื้อรัง ทำให้เยื่อบุผนังหลอดลมมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารภูมิแพ้ ทำให้เกิดอาการไอ แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีดและหอบเหนื่อย วิธีรับมือป้องกัน หลีกเลี่ยงสิ่งที่ระคายเคืองต่อทางเดินทางใจ เช่น ขนสัตว์ ฝุ่นในบ้าน อาหารทะเล ดื่มน้ำมาก ๆ วันละ 8 – 10 แก้ว ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง หากมีอาการหอบควรหยุดทันที ก่อนออกกำลังกายควรใช้ยาขยายหลอดลม 5 – 10 นาที ฝึกบริหารปอด รับประทานยาตามแพทย์สั่งโดยไม่หยุดยาเอง

3. ภาวะฉุกเฉินระบบทางเดินอาหาร มีหลายสาเหตุ ได้แก่ 

แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ แบ่งได้เป็น 1. เลือดออกในระบบทางเดินอาหารส่วนต้น อาการที่สังเกตได้คือ อาเจียนเป็นเลือดหรือสีคล้ำ อุจจาระสีดำเปียก เหนียว เหมือนยางมะตอย กลิ่นเหม็นรุนแรง คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ชีพจรเต้นเร็ว และเบา เป็นลมหรือหมดสติได้ 2. เลือดออกในระบบทางเดินอาหารส่วนล่าง อาการที่สังเกตได้คือ อุจจาระเป็นเลือดสดหรือมีมูกปนเลือด ปวดท้องส่วนล่าง ปวดเบ่งอุจจาระ อ่อนเพลีย ชีพจรเต้นเร็วแต่เบา เป็นลม หมดสติได้

ลำไส้อุดตัน (Intestinal Obstruction) คือภาวะที่สิ่งต่าง ๆ ในลำไส้ ได้แก่ น้ำ อาหาร น้ำย่อมและของเหลว ไม่สามารถเคลื่อนผ่านลำไส้ได้ตามปกติ สาเหตุที่พบบ่อยมาจากพังผืดในลำไส้ที่เกิดจากการเคยผ่าตัดช่องท้องมาก่อน อาการที่สังเกตได้คือ ปวดท้องรุนแรงเฉียบพลัน มีอาการปวดบีบเป็นพัก ๆ คลื่นไส้ อาเจียน ไม่ผายลม ไม่ถ่ายอุจจาระ ท้องอืด ลมหายใจมีกลิ่นผิดปกติ

วิธีรับมือป้องกัน ภาวะฉุกเฉินระบบทางเดินอาหาร ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร รับประทานอาหารให้เป็นเวลา เลือกอาหารที่กากใยสูง หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและงดดื่มแอลกอฮอร์ ห้ามซื้อยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อมารับประทานเอง ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษา

อาหารเป็นพิษ ผู้สูงอายุเป็นช่วงวัยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ง่าย อาการที่พบเจอมี 2 แบบ ได้แก่ 1. เกิดการท้องเสียไม่รุนแรง สารพิษจากเชื้อโรคในอาหารก่ออาการที่เยื้อบุลำไส้เล็กเท่านั้น ไม่รุกรานเข้าสู่ร่างกาย ถ่ายออกมาเป็นน้ำ ปวดท้องไม่มาก แต่ต้องระวังภาวะร่างกายขาดน้ำด้วย 2. เกิดการท้องเสียรุนแรง สารพิษจากเชื้อโรคเข้าไปสู่กระแสเลือดทั่วร่างกายได้ ทำให้ท้องเสียเป็นเลือด ปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน ไข้สูง ปวดเมื่อยตัว ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเป็นอัมพาต รวมถึงหยุดหายใจและเสียชีวิตได้

วิธีรับมือป้องกัน อาหารเป็นพิษในผู้สูงอายุ ไม่รับประทานยาที่ทำให้หยุดถ่าย เพราะการถ่ายจะช่วยขับเชื้อและสารพิษ จิบน้ำหรือน้ำเกลือแร่บ่อย ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ เมื่อคลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดท้องลดลง ให้เริ่มรับประทานอาหารอ่อน รสจืด แล้วสังเกตอาการพร้อมปรับอาหารตาม ให้ดื่มน้ำสะอาดวันละมาก ๆ อย่างน้อย 8 – 10 แก้ว รีบพบแพทย์ภายใน 24 ชม. หากอาการรุนแรง

4. ภาวะฉุกเฉินระบบต่อมไร้ท่อ โดยปกติแล้วระบบต่อมไร้ท่อคือส่วนที่ควบคุมสารเคมีต่าง ๆ ภายในร่างกายรวมถึงฮอร์โมนต่าง ๆ ซึ่งประกอบไปด้วยต่อมต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือต่อมหมวกไต ซึ่งมีส่วนเชื่อมโยงกับอาการเบาหวานในผู้สูงอายุ ภาวะฉุกเฉินระบบต่อมไร้ท่อในผู้สูงอายุจึงเกี่ยวข้องกับระดับน้ำตาลในเลือดเป็นหลัก

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 70 มก./ดล. (มิลลิกรัม/เดซิลิตร) พบบ่อยในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่รับการรักษาด้วยการรับประทานยา หรือยาฉีดเพื่อควบคุมระดับน้ำตาล 
อาการที่สังเกตได้คือ หิวมากจนมือสั่น เหงื่ออก ตัวเย็น ใจสั่น หัวใจเต้นแรง มึนงง เวียนศรีษะ ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน สับสน

วิธีการรับมือ เมื่อผู้สูงอายุรู้สึกตัว ให้ดื่มเครื่องรสหวาน หรือของหวาน เช่น น้ำหวาน ไอศรีม กล้วยหรือส้ม ถ้าไม่ดีขึ้นใน 15 นาที ให้ดื่มเครื่องดื่มรสหวานซ้ำ ถ้าไม่ดีขึ้นอีกให้รีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด กรณีผู้สูงอายุหมดสติ ไม่ควรให้ดื่มน้ำหรืออาหารเพราะอาจเกิดอาการสำลัก ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที หรือโทรเรียกเบอร์ฉุกเฉิน

ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia) คือภาวะที่น้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ คือวัดแล้วสูงกว่า 99 มก./ดล. หลังอดอาหาร 8 ชม. และเกิน 140 มก./ดล. หลังมื้ออาหาร 2 ชม. ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษา ผู้ป่วยเบาหวานสามารถเกิดภาวะนี้ได้ง่าย
อาการที่สังเกตได้คือ ปัสสาวะบ่อย มีปริมาณมาก กระหายน้ำบ่อย ปากแห้ง ผิวแห้ง หน้าแดง หัวใจเต้นแรง ชีพจรเร็ว หายใจเร็วลึก ต้องออกแรงหายใจ หายใจลำบาก ลมหายใจมีกลิ่นผลไม้ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน สับสน อย่างไรก็ตาม บางครั้งภาวะนี้ไม่แสดงอาการ การตรวจวัดระดับน้ำตาลจึงเป็นสิ่งสำคัญ

วิธีรับมือดูแล ให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อลดระดับน้ำตาลลง หากอาการรุนแรงมาก เช่น ชัก ระดับการรู้สึกตัวผิดปกติ ซึม หมดสติ รีบพาไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

5. ภาวะฉุกเฉินทางหัวใจ ประกอบไปด้วยอาการที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ

โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ กลุ่มอาการสังเกตได้มีรายละเอียดต่างกันเล็กน้อย โดยรวมจะมีอาการเวียนหัว หายใจลำบาก ใจสั่น วิธีรับมือดูแล ให้นั่งพัก งดการออกแรง และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด 

ภาวะหยุดหายใจ หรือหัวใจหยุดเต้น (Respiratory arrest) คือการขาดอาการหายใจจนทำให้หมดสติ วิธีรับมือ เพื่อป้องกันอันตรายจากการขาดออกซิเจน จำเป็นต้องใช้การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (Basic Life Support) ได้แก่ การผายปอดและการนวดหัวใจ มีขั้นตอนโดยสรุปคือ 1. ร้องเรียกเพื่อดูการตอบสนอง 2. ตรวจชีพจรหากไม่ตอบสนองเร่งแจ้ง 1669 3. จับผู้ป่วยนอนราบบนพื้นแข็ง คุกเข่าข้างผู้ป่วย 4. ประสานมือวางลงตรงกึ่งกลางหน้าอก ยืดไหล่และแขนเหยียด กดให้หน้าอกผู้ป่วยยุบอย่างน้อย 5 ซม. แต่อย่างกระแทก กดด้วยความเร็ว 100 – 120 ครั้งต่อนาที ทำครบ 30 ครั้ง ผายปอด 1 ครั้ง ทำสลับกันไป จนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง

6 การพลัดตกหกล้ม คือการล้มปกติเหมือนคนทั่วไป แต่ถือเป็นสิ่งที่อันตรายและพบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นสิ่งที่ต้องระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากธรรมชาติของร่างกายผู้สูงอายุมักจะมีแคลเซียมน้อยกว่าช่วงวัยอื่น ๆ ทำให้การหกล้มในผู้สูงวัยจะนำไปสู่การกระดูกหักและอื่น ๆ ตามมาได้ง่าย

วิธีรับมือป้องกัน
สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ทางเดินภายในที่อยู่อาศัยไม่มีสิ่งกรีดขวางทำให้ล้ม มีแสงส่องสว่างทั่วถึง พื้นไม่ลื่น มีราวจับในพื้นที่ใช้สอย เช่น ห้องน้ำ ห้องนอน บันได 
เสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุควรฝึกเดินเป็นประจำ ออกกำลังกายอย่างง่าย รับประทานวิตามินดีและแคลเซียนเพิ่มเติม (ผู้สูงอายุที่มีโรคไตและโรคหัวใจควรปรึกษาแพทย์ก่อน) เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูก

วิธีรับมือเมื่อเกิดเหตุ ประเมินอาการบาดเจ็บ ให้ส่วนที่บาดเจ็บอยู่นิ่ง ถ้ามีแผลเปิดให้ใช้ผ้าสะอาดปิดแผล ห้ามเคลื่อนย้ายหากสงสัยว่ากระดูกหัก ควรเรียกแพทย์ฉุกเฉินหรือขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

เบอร์ฉุกเฉินมีอะไรบ้าง ?

ประเทศไทยมีระบบการแจ้งเหตุฉุกเฉินได้หลายหน่วยงาน หลายช่องทางด้วยกัน มีหมายเลขสำหรับแจ้งเหตุฉุกเฉินดังนี้
1669 สถานบันการแพทย์ฉุกเฉิน บริการแพทย์ฉุกเฉิน
1646 ศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน กทม. (ศูนย์เอราวัณ)
1554 หน่วยแพทย์กู้ชีวิต วชิรพยาบาล 
1555 หน่วยแพทย์กู้ชีพ กทม. (สายด่วน กทม.)

แพทย์ฉุกเฉินในผู้สูงอายุท่ามกลางช่วงเวลาที่ผู้สูงวัยอาศัยอยู่ลำพังเพิ่มขึ้น ถึงตอนนี้ในหลายประเทศยังคงใช้ระบบการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกัน โดยมีการเฝ้าระวังจากหน่วยงานด้านสังคมที่เกี่ยวข้อง และการสร้างชุดความรู้พื้นฐานให้สังคมร่วมกันรับมือเพราะปัญหาที่ดูไกลตัว แต่วันหนึ่งในอนาคตอาจใกล้ตัวเรามากยิ่งขึ้น

อ้างอิง

  • บทความวิชาการ การพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินสําหรับผู้สูงอายุภายใต้กองทุนระบบการดูแลระยะยาว อําเภอพล จังหวัดขอนแก่น
    คู่มือ การช่วยเหลือผู้สูงอายุภาวะฉุกเฉิน
  • เกณฑ์และแนวปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์และการอำนวยการสำหรับหน่วยปฏิบัติการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 3 พ.ศ.2565
  • แผนหลักการแพทย์ฉุกเฉิน ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2566 – 2570 (ฉบับปรับปรุง)
  • Age friendly environment โดย รศ.ไตรรัตน์ จารุทัศน์ ภาควิชาเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • เอกสารข้อแนะนำเชิงนโยบาย ป้องกันกระดูกหักจากการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุด้วย ‘วิตามินดี-แคลเซียม’
     

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ผู้สูงวัยผู้สูงอายุแพทย์ฉุกเฉินในผู้สูงอายุพลัดตกหกล้มGene Hackman
อธิเจต มงคลโสฬศ
ผู้เขียน: อธิเจต มงคลโสฬศ

เจ้าหน้าที่เนื้อหาดิจิทัล ไทยพีบีเอส สนใจเนื้อหาด้านสุขภาพจิต สาธารณสุข และความยั่งยืน รวมถึงประเด็นทันกระแสที่มีแง่มุมน่าสนใจซ่อนอยู่

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด