ปี 2567 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่มีผู้เสียหายถูกหลอกจากมิจฉาชีพเป็นจำนวนมาก โดยสถิติของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) พบว่า ปี 2567 มีผู้เสียหายติดต่อสายด่วน 1441 ทั้งหมด 1,176,512 สาย ด้วยกัน ดังนั้นปี 2568 ที่จะมาถึง Thai PBS Verify จึงได้มีการสอบถามกับตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำรูปแบบกลลวงที่คาดว่ามิจฉาชีพจะพัฒนา และนำมาใช้ในการหลอกลวงออนไลน์ในปีหน้า มาให้ประชาชนได้ศึกษาและเตรียมรับมือในเบื้องต้น
แนวโน้มอาชญากรรมออนไลน์ในปี 2568
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุถึงแนวโน้มอาชญากรรมออนไลน์ในปี 2568 จะมีการปรับโฉมกลวิธีอย่างไรว่า ในปี 2568 แนวโน้มอาชญากรรมออนไลน์จะยังคงมีการปรับเปลี่ยนกลวิธีออกมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประชาชนเริ่มตระหนักและรู้เท่าทันกลโกงรูปแบบเดิม ๆ มากขึ้นแล้ว เช่น การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มิจฉาชีพต้องพัฒนาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อหลอกลวงเหยื่อ
เชื่อว่าการหลอกลงทุนที่สร้างความเสียหายอย่างมากเป็นวงกว้าง จะเป็นกลลวงที่มิจฉาชีพจะนำมาใช้ในปี 2568
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยังได้ให้เหตุผลที่การหลอกลงทุน จะเป็นกลลวงที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ได้แก่
1. ผลตอบแทนสูงเป็นแรงจูงใจ : มิจฉาชีพมักเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริง เพื่อดึงดูดความสนใจของเหยื่อ ทำให้หลายคนหลงเชื่อและตัดสินใจลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ
2. การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง : การนำดาราหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซนเตอร์หรือผู้สนับสนุน ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับโครงการลงทุน ทำให้เหยื่อรู้สึกมั่นใจและตัดสินใจลงทุนง่ายขึ้น
3. การสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ : มิจฉาชีพมักสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทหรือโครงการให้ดูน่าเชื่อถือ เช่น การจัดสัมมนา การแสดงความหรูหรา หรือการอ้างถึงรางวัลที่ได้รับ เพื่อสร้างความไว้วางใจในหมู่เหยื่อ
ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพในปี 2568 นั้น เชื่อว่าจะยังคงมีหลากหลายช่วงวัยและหลายอาชีพ โดยจากสถิติปี 2567 ที่ผ่านมาพบว่า ช่วงอายุที่ถูกหลอกมากที่สุดแบ่งเป็น 4 ช่วงอายุ คือ ช่วงอายุ 20 - 49 ปี , ช่วงอายุ 50 - 64 ปี , ช่วงอายุต่ำกว่า 20 ปี และอายุ 65 ปีขึ้นไปตามลำดับ
ช่วงอายุที่ถูกมิจฉาชีพหลอกมากที่สุดคือ ช่วงอายุ 20 - 49 ปี ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีมูลค่าความเสียหายมากที่สุดอีกด้วย โดยมีมูลค่าความเสียหายถึง 8,223 ล้านบาท
ช่วงอายุที่ถูกหลอกมากที่สุดในปี 2567
1. ช่วงอายุ 20 - 49 ปี จำนวนการแจ้งเรื่อง 145,302 เคส มูลค่าความเสียหาย 8,223 ล้านบาท
เหตุผลที่เป็นเป้าหมาย :
▪ มีรายได้และกำลังซื้อสูง
▪ มักสนใจโอกาสการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดี
▪ ใช้สื่อออนไลน์และแอปพลิเคชันทางการเงินเป็นประจำ
2. ช่วงอายุ 50 - 64 ปี จำนวนการแจ้งเรื่อง 33,875 เคส มูลค่าความเสียหาย 5,330 ล้านบาท
เหตุผลที่เป็นเป้าหมาย :
▪ มักไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีหรือการตรวจสอบข้อมูลออนไลน์
▪ มีเงินออมสำหรับเกษียณหรือมรดก
▪ ตอบสนองต่อความกลัว เช่น การข่มขู่ทางโทรศัพท์
3. ช่วงอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวนการแจ้งเรื่อง 9,800 เคส มูลค่าความเสียหาย 193 ล้านบาท
เหตุผลที่เป็นเป้าหมาย :
▪ มักสนใจการหารายได้เสริมหรือของฟรี
▪ ใช้โซเชียลมีเดียและเกมออนไลน์ที่มิจฉาชีพแฝงตัวอยู่
4. อายุ 65 ปีขึ้นไป จำนวนการแจ้งเรื่อง 8,026 เคส มูลค่าความเสียหาย 2,439 ล้านบาท
เหตุผลที่เป็นเป้าหมาย :
▪ มักไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีหรือการตรวจสอบข้อมูลออนไลน์
▪ มีเงินออมสำหรับเกษียณหรือมรดก
▪ ตอบสนองต่อความกลัว เช่น การข่มขู่ทางโทรศัพท์
ผลการสำรวจยังพบว่า “เพศหญิง” ถูกหลอกมากกว่าเพศชายในทุกช่วงอายุอีกด้วย
เราสามารถป้องกันตัวเองได้ดังนี้
การป้องกันตัวเองจากมิจฉาชีพไม่ใช่แค่เรื่องของการระวังตัว แต่ยังเกี่ยวกับการเรียนรู้วิธีการต่าง ๆ ที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวง รวมถึงการหาความรู้ในการระวังภัย , การใช้สติ , การตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ
จำไว้เสมอว่าหากอะไรที่ดูดีเกินไป อาจจะเป็นกลลวงของมิจฉาชีพ
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาจะสามารถช่วยให้เราปลอดภัยจากกลลวงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในปี 2568 นี้