ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

Google สายเที่ยว รวมแอพวางแผนวันหยุดท่องเที่ยวให้ง่ายขึ้น


Lifestyle

18 ธ.ค. 67

Thai PBS Digital Media

Logo Thai PBS
แชร์

Google สายเที่ยว รวมแอพวางแผนวันหยุดท่องเที่ยวให้ง่ายขึ้น

https://www.thaipbs.or.th/now/content/2039

Google สายเที่ยว รวมแอพวางแผนวันหยุดท่องเที่ยวให้ง่ายขึ้น
บริการเสริมจาก Thai PBS AI

รวมเทคนิคใช้ Google Travel Ecosystem ให้ครบวงจรสำหรับนักเดินทาง

ใครว่าการวางแผนเที่ยวเป็นเรื่องยาก! ปัจจุบันเราสามารถจัดการทุกอย่างได้ง่ายๆ ผ่านมือถือเครื่องเดียว โดยเฉพาะถ้ารู้จักใช้เครื่องมือจาก Google ให้เป็น บอกเลยว่าช่วยให้การท่องเที่ยวของเราสนุกและราบรื่นขึ้นเยอะ ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่าจะใช้แอพต่างๆ ของ Google ให้คุ้มค่าที่สุดยังไง ตั้งแต่เริ่มวางแผนทริป จนถึงกลับถึงบ้าน รับรองว่าอ่านจบแล้วจะวางแผนเที่ยวได้เหมือนมือโปร!

 

Google Product ตัวหลักๆ ที่เราจะพูดถึงมีดังนี้

  1. Google Flights สำหรับหาตั๋วเครื่องบินราคาดีๆ
  2. Google Maps คู่ใจสำหรับนำทางและหาที่เที่ยว
  3. Google Translate + Lens ผู้ช่วยสื่อสารข้ามภาษา
  4. Google Drive เก็บข้อมูลสำคัญทุกอย่างไว้ในที่เดียว
  5. Google Calendar จัดตารางทริปให้เป๊ะ
  6. Google Photos เก็บภาพความทรงจำ
  7. Google Keep จดโน้ตไอเดียดีๆ ระหว่างทาง

ข้อดีของการใช้แอพ Google คือทุกอย่างเชื่อมต่อกันหมด (Ecosystem) ไม่ต้องกลัวข้อมูลหาย แถมส่วนใหญ่ยังใช้งานแบบออฟไลน์ได้ด้วย ซึ่งสำคัญมากตอนไปเที่ยวต่างประเทศที่อาจจะหาเน็ตใช้ยาก

แค่เตรียมตัวนิดหน่อยก่อนออกเดินทาง รับรองว่าทริปนี้จะราบรื่นกว่าที่คิด! ไม่ว่าจะไปเที่ยวใกล้ๆ ในประเทศแค่ 2-3 วัน หรือจะบินไกลไปเที่ยวต่างประเทศเป็นอาทิตย์ เครื่องมือของ Google ก็พร้อมจะเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีของคุณ


Google Maps

 

👉 วางแผนทริปให้เป๊ะด้วย Google Maps

- จัดทริปเที่ยวใน Google Maps ด้วยการสร้าง Lists แบบโปร

  1.  ตั้งชื่อให้จำง่าย เช่น "ญี่ปุ่น 2024 - วันที่ 1" จะได้ไม่สับสนเวลามีหลายทริป
  2.   แยก Lists ตามวันหรือประเภท อยากแยกร้านอาหาร ที่เที่ยว ช้อปปิ้ง ก็ทำได้หมด
  3.   ใส่โน้ตรายละเอียดเด็ดๆ เช่น เมนูเด็ด โปรโมชั่น หรือทริคการถ่ายรูป
  4.   แชร์ให้เพื่อนร่วมทริปได้ด้วยนะ แถมตั้งค่าให้แก้ไขด้วยกันได้เลย
     

- เทคนิคค้นหาที่เที่ยวใน Google Maps ต้องดูอะไรบ้าง

  1.   ฟิลเตอร์ละเอียดยิบ ทั้งราคา คะแนน ประเภท จะหาร้านที่จอดรถฟรีก็ได้
  2.   เช็คเวลาเปิด-ปิดให้แน่นอน รวมถึงวันหยุดพิเศษด้วย
  3.   ดูว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง เช่น WiFi ที่จอดรถ ทางลาดรถเข็น
  4.   สอยคีย์เวิร์ดเด็ดๆ จากรีวิว พิมพ์คำว่า "อร่อย" "คุ้ม" "แนะนำ" แล้วดูว่าคนพูดถึงอะไรกันบ้าง
  5.   ดูรูปเมนูจากในรีวิวได้ด้วย จะได้รู้ราคาล่าสุด
     

- วิเคราะห์ข้อมูลใน Google Maps ก่อนไป

  1.   ดู Popular Times แต่ละวัน แต่ละชั่วโมง หลีกเลี่ยงช่วงคนแน่น
  2.   อ่านรีวิวแบบละเอียด กรองดูแต่ละระดับคะแนน โดยเฉพาะรีวิวล่าสุด
  3.   ส่องรูปจากคนที่เพิ่งไปมาล่าสุด จะได้เห็นสภาพจริงๆ
  4.   เช็คว่าข้อมูลอัพเดทล่าสุดเมื่อไหร่ บางทีร้านย้าย หรือปิดไปแล้ว
  5.   ดูรีวิวภาษาท้องถิ่นด้วย บางทีได้ข้อมูลดีๆ ที่นักท่องเที่ยวไม่รู้


 

👉 จัดเส้นทางวางแผนท่องเที่ยวใน Google Maps ให้สุดปัง

- เพิ่มจุดแวะใน Google Maps ได้เยอะ

  1.   ใส่ได้ถึง 10 จุด วางแผนเที่ยวทั้งวันได้สบาย
  2.   ลากสลับลำดับได้ตามใจชอบ จัดเส้นทางให้ประหยัดเวลา
  3.   ดูเวลารวมทั้งทริปได้เลย รวมเวลารถติดด้วยนะ
  4.   เลือกจุดเริ่ม-จบที่สะดวกที่สุด เช่น เริ่มจากโรงแรม จบที่สนามบิน
  5.    แถมดูระยะทางและประมาณค่าใช้จ่ายได้ด้วย
     

- วิธีบันทึกการเดินทางจากการค้นหาเส้นทาง

  1. เปิดแอป Google Maps  ในอุปกรณ์เคลื่อนที่
  2. ค้นหาจุดหมายแล้วแตะเส้นทาง
  3. เลือกรูปแบบการเดินทาง หากเลือกขนส่งสาธารณะ ให้เลือกเส้นทางที่ต้องการ
  4. แตะบันทึกด้านล่าง
     

- วิธีบันทึกการเดินทางจากหน้าจอการเดินทางที่บันทึกไว้

  1. เปิดแอป Google Maps  ในอุปกรณ์เคลื่อนที่
  2. ที่ด้านล่าง ให้แตะเลือกการเดินทางที่บันทึกไว้
  3. หากต้องการดูรายการการเดินทางที่แนะนำ ให้ปัดขึ้นจากแถบด้านล่าง
  4. ค้นหาการเดินทางที่ต้องการ แล้วแตะบันทึกทางด้านขวา
     

- ปรับแต่งเส้นทางใน Google Maps ให้เหมาะกับเรา

  1.   เลี่ยงทางด่วนถ้าไม่อยากเสียตังค์ หรือจะเลือกเส้นทางประหยัดน้ำมันก็ได้
  2.   มีเส้นทางสำรองไว้กันพลาด โดยเฉพาะช่วงรถติด
  3.   วางแผนจุดแวะพักให้ชิล เช่น ปั๊มน้ำมัน ร้านกาแฟ
  4.   ตั้งเวลาออกเดินทางให้พอดี Google Maps จะบอกเองว่าควรออกกี่โมง
  5.   ดูสภาพอากาศตามเส้นทางได้ด้วย จะได้เตรียมร่มหรือเสื้อกันหนาว


 

👉 เตรียมตัวก่อนออกทริปด้วย Google Maps

เคล็ดลับการใช้ Google Maps แบบออฟไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Google Maps แบบออฟไลน์เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากสำหรับนักเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อไปยังพื้นที่ที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร มาดูวิธีใช้งานและข้อควรระวังกัน

 

Google Maps to use
 

วิธีเตรียมตัวก่อนใช้งานแผนที่ออฟไลน์ของ Google Maps

1. การวางแผนดาวน์โหลด

  1. ดาวน์โหลดแผนที่ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่จะไป
  2. เผื่อพื้นที่รอบๆ เส้นทางหลักไว้ด้วย
  3. ดาวน์โหลดแผนที่ทับซ้อนกันในกรณีที่ต้องเดินทางระหว่างเมือง
  4. ทดลองใช้งานแผนที่ออฟไลน์ก่อนออกเดินทางจริง
     

2. การจัดการพื้นที่จัดเก็บ

  1. ตรวจสอบพื้นที่ว่างในมือถือก่อนดาวน์โหลด (แผนที่แต่ละพื้นที่ใช้พื้นที่ประมาณ 100MB-200MB)
  2. ลบแผนที่เก่าที่ไม่ได้ใช้แล้ว
  3. ใช้ Wi-Fi ในการดาวน์โหลดเพื่อประหยัดดาตา
  4. จัดการพื้นที่เก็บข้อมูลเป็นระยะ
     

ขั้นตอนการใช้งานแผนที่ออฟไลน์ใน Google Maps ดังนี้

  1. เปิดแอป Google Maps ในมือถือ
  2. ค้นหาสถานที่ที่ต้องการเดินทางไป
  3. แตะรูปโปรไฟล์
  4. สไลด์ไอคอนไปเรื่อยๆจนเจอ …MORE กดเข้าไปแล้วเลือก “ดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์”
  5. เลือกพื้นที่ที่จะดาวน์โหลด
  6. แตะ “ดาวน์โหลด”
     

เทคนิคการใช้งาน

1. การจัดการแผนที่

  1. ตั้งชื่อแผนที่ให้จำง่าย เช่น "ปารีส_เมืองเก่า", "ลอนดอน_ย่านช้อปปิ้ง"
  2. จัดหมวดหมู่แผนที่ตามทริปหรือพื้นที่
  3. อัปเดตแผนที่ก่อนออกเดินทางเสมอ
  4. เช็คว่าดาวน์โหลดสำเร็จก่อนใช้งานจริง

2. ฟีเจอร์ที่ใช้ได้แบบออฟไลน์

  1. การนำทางพื้นฐาน
  2. ค้นหาสถานที่ที่บันทึกไว้
  3. ดูรายละเอียดถนนและสถานที่
  4. ดูเส้นทางและระยะเวลาเดินทางโดยประมาณ

3. ข้อจำกัดที่ควรรู้

  1. ไม่สามารถดูการจราจรแบบเรียลไทม์
  2. ไม่สามารถดูรีวิวและรูปภาพใหม่ๆ
  3. ไม่สามารถใช้การนำทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
  4. ข้อมูลร้านค้าและสถานที่อาจไม่อัปเดต


 

ข้อควรระวัง

1. เรื่องระยะเวลา

  1. แผนที่ออฟไลน์จะหมดอายุหลังจาก 15 วัน และจะถูกลบอัตโนมัติ
  2. ควรอัพเดตแผนที่ก่อนใช้งานทุกครั้ง เนื่องจาก Google Maps มีการอัพเดตข้อมูลอยู่ตลอด
  3. ตรวจสอบวันหมดอายุของแผนที่ในส่วนการตั้งค่า
     

2. การประหยัดแบตเตอรี่

  1. ปิด GPS เมื่อไม่ได้ใช้งาน
  2. ลดความสว่างหน้าจอ
  3. ปิดการซิงค์ข้อมูลอัตโนมัติ
  4. พกแบตเตอรี่สำรองติดตัว
     

เคล็ดลับเพิ่มเติม

  1. บันทึกสถานที่สำคัญไว้ก่อนออกเดินทาง
  2. แคปหน้าจอเส้นทางสำรองเก็บไว้
  3. จดจำจุดสังเกตสำคัญระหว่างทาง
  4. มีแผนสำรองในกรณีที่แผนที่มีปัญหา
  5. แชร์แผนใน Google Maps กับเพื่อนร่วมทริป
  6. ทำกลุ่มแชร์ Location ให้เรียบร้อย ไม่หลงกัน
  7.  ตั้งเวลาแชร์ให้พอดีทริป จะแชร์กี่วันก็ได้
  8.   เซ็ตการแจ้งเตือนให้ทุกคนรู้ เช่น เมื่อถึงจุดนัดพบ
  9.   กำหนดว่าใครเห็นอะไรได้บ้าง เพื่อความเป็นส่วนตัว
  10.   แชร์ Lists ที่เที่ยวให้ทุกคนช่วยกันวางแผน


 

👉 ใช้งาน Google Maps ระหว่างเที่ยวอย่างโปร

  1.   ปรับเสียงนำทางให้ฟังชัด เลือกภาษาได้ด้วย
  2.   ลองใช้ AR นำทางตอนหลงทาง โดยเฉพาะในเมืองที่ไม่คุ้น
  3.   เปิดแจ้งเตือนรถติดไว้ด้วย จะได้รู้ล่วงหน้า
  4.   สั่งงานด้วยเสียงตอนขับรถได้ ปลอดภัยกว่า
  5.   ดูกล้องจับความเร็วและด่านตรวจได้ด้วยนะ



Google Maps how to

 

แชร์ ETA (Estimated Time of Arrival)  ใน Google Maps ให้คนรออุ่นใจ

  1.   เลือกแชร์กับใครก็ได้ ทั้งเบอร์โทร อีเมล หรือแอพแชท
  2.   ตั้งเวลาแชร์ได้ตามต้องการ จะหยุดเมื่อไหร่ก็ได้
  3.   แจ้งเตือนคนรอเมื่อใกล้ถึง ไม่ต้องโทรถามบ่อยๆ
  4.   ส่งข้อความบอกถ้าติดรถ หรือต้องเปลี่ยนเส้นทาง
  5.   แชร์ระดับแบตมือถือให้ดูด้วย จะได้ไม่เป็นห่วง


คู่มือการแชร์ ETA (Estimated Time of Arrival) ใน Google Maps

1. ขั้นตอนพื้นฐาน

  1. เริ่มการนำทางไปยังจุดหมาย
  2. แตะที่ "ˆ" (เครื่องหมายชี้ขึ้น) ด้านล่างหน้าจอ
  3. เลือก "แชร์การเดินทาง" หรือ "Share trip progress"
  4. เลือกผู้ที่ต้องการแชร์จากตัวเลือก
  5.  รายชื่อที่แนะนำ (บุคคลที่แชร์บ่อย)
  6.   เลือกจากรายชื่อติดต่อ
  7.   ส่งผ่านแอพข้อความ/อีเมล
     

2. การตั้งค่าการแชร์

2.1 เลือกระยะเวลาการแชร์

  1.  แชร์จนถึงจุดหมาย (ค่าเริ่มต้น)
  2.  กำหนดระยะเวลาเอง

2.2 ตั้งค่าการแจ้งเตือน

  1.   เมื่อออกเดินทาง
  2.   เมื่อถึงจุดหมายใกล้แล้ว
  3.   เมื่อเบี่ยงเส้นทาง 


 

การจัดการการแชร์ระหว่างเดินทาง

1. การอัพเดทข้อมูล - ข้อมูลที่ผู้รับจะเห็น

  1.  เวลาที่คาดว่าจะถึง (ETA)
  2.   ตำแหน่งปัจจุบันแบบเรียลไทม์
  3.  เส้นทางที่กำลังใช้
  4.  ระดับแบตเตอรี่อุปกรณ์ของผู้แชร์
     

2. การปรับแต่งระหว่างทาง

  1. ยกเลิกการแชร์กับบางคน
  2. เพิ่มผู้รับใหม่
  3. อัพเดท ETA เมื่อมีการเปลี่ยนเส้นทาง
  4. ส่งข้อความแจ้งความล่าช้า


Google Maps

ฟีเจอร์เสริมอื่นๆที่น่าสนใจของ Google Maps ที่ต้องลอง

1. Street View ใน Google Maps ช่วยได้เยอะ

  1.   ดูได้รอบทิศ 360 องศา เหมือนยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ
  2.   ย้อนดูภาพเก่าเปรียบเทียบได้ ดูว่าที่เที่ยวเปลี่ยนไปยังไง
  3.   เซฟมุมสวยๆ ไว้ก่อนได้ จะได้รู้ว่าควรถ่ายรูปตรงไหน
  4.   แชร์วิวให้เพื่อนดูได้ด้วย ช่วยกันเลือกที่เที่ยว
  5.   ใช้ดูทางเข้าออก ที่จอดรถ จุดสังเกตต่างๆ ได้
     

2. แผนที่ในอาคารของ Google Maps

  1.   ดูแผนผังแต่ละชั้นได้เลย ไม่หลงในห้างแน่นอน
  2.   หาร้านในห้างไม่หลง บอกชั้นและโซนชัดเจน
  3.   รู้ทางหนีไฟไว้ก่อน เผื่อฉุกเฉิน
  4.   เช็คว่าลิฟต์บันไดเลื่อนอยู่ไหน สะดวกมาก
  5.   ดูห้องน้ำ จุดบริการต่างๆ ได้ด้วย

 

👉 อัพเดทข้อมูลใน Google Maps หลังเที่ยวด้วยรีวิวดีๆ ใน Google Maps ช่วยคนอื่น

  1.   เขียนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช่น ราคา เมนูแนะนำ ที่จอดรถ
  2.   แปะรูปสวยๆ ให้ด้วย ทั้งอาหาร บรรยากาศ
  3.   บอกว่าไปวันไหน เพราะบางที่คุณภาพไม่เหมือนเดิม
  4.   แนะนำทริคดีๆ ให้คนอื่น เช่น เวลาที่ควรไป วิธีจอง
  5.   อัพเดทข้อมูลที่เปลี่ยนแปลง เช่น ย้ายร้าน เปลี่ยนเวลาเปิดปิด
     

👉 เทคนิคประหยัดแบตใช้ Google Maps

1. ใช้ Google Maps แบบไม่กลัวแบตหมด

  1.   เปิดโหมดประหยัดพลังงาน ใช้ได้นานขึ้นเยอะ
  2.   ลดความถี่ GPS ลงหน่อย ถ้าไม่ได้ขับรถ
  3.   ปิดของที่ไม่จำเป็น เช่น การแจ้งเตือนร้านใกล้เคียง
  4.   โหลดแผนที่ออฟไลน์ไว้ ประหยัดทั้งแบตและเน็ต
  5.   พกแบตสำรองไว้ด้วย เผื่อฉุกเฉิน
     

2. ใช้ Google Maps อย่างปลอดภัย

  1.   เช็คการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้ดี โดยเฉพาะการแชร์ตำแหน่ง
  2.   ระวังแชร์ Location กับคนแปลกหน้า อาจเป็นอันตรายได้
  3.   ล้างประวัติบ้างนะ โดยเฉพาะถ้าใช้มือถือร่วมกับคนอื่น
  4.   ตั้งรหัสกันพลาดไว้ด้วย ป้องกันข้อมูลส่วนตัว
  5.   อย่าลืมล็อกเอาท์ถ้าใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะ

     

Google Translate  ล่ามส่วนตัวในมือถือ ที่พร้อมช่วยคุณสื่อสารได้ทุกภาษาด้วยการแปลแบบทันที ไม่ว่าจะเป็นการพูด การเขียน หรือการถ่ายภาพป้ายต่างๆ


Google Translate

 

🔥 เตรียมตัวก่อนเที่ยวด้วย Google Translate 

1. สร้าง Phrasebook สุดปังใน Google Translate

- หมวดเดินทาง & ขนส่งสาธารณะ

  1.   เก็บประโยคถามทางเด็ดๆ เช่น "ไปที่นี่ยังไง?" "รถไฟสายนี้ไปไหน?"
  2.   ประโยคเรียกแท็กซี่ เช่น "ไปสนามบินราคาเท่าไหร่" "มีมิเตอร์ไหม"
  3.   คำศัพท์ซื้อตั๋ว อย่าง "ขอตั๋วไป..." "มีส่วนลดไหม" "ตั๋วเที่ยวเดียว/ไป-กลับ"
  4.   ประโยคต่อรองราคา แบบ "ลดได้อีกไหม" "แพงไปนะ"
  5.   ประโยคแจ้งปัญหา เช่น "รถเสีย" "หลงทาง" “ช่วยด้วย”

- หมวดโรงแรม & ที่พัก

  1.   ประโยคเช็คอิน เช่น "จองไว้ชื่อ..." "ขอดูห้องก่อนได้ไหม"
  2.   รายงานปัญหาห้อง อย่าง "แอร์ไม่เย็น" "น้ำไม่ไหล" "ไฟดับ"
  3.   ขอของใช้เพิ่ม เช่น "ขอผ้าเช็ดตัวเพิ่ม" "ขอหมอนเพิ่ม"
  4.   เรื่องจ่ายเงิน เช่น "รูดบัตรได้ไหม" “มี Service Charge ไหม”

- หมวดร้านอาหาร & การกิน

  1.   สั่งอาหารเบื้องต้น แบบ "ขอเมนูหน่อย" "น้ำเปล่า" "เช็คบิล"
  2.   แจ้งแพ้อาหาร เช่น "แพ้กุ้ง" "แพ้ถั่ว" "แพ้อาหารทะเล"
  3.   สั่งพิเศษ อย่าง "ไม่เผ็ด" "ไม่ใส่ผงชูรส" "เอาซอสแยก"
  4.   ถามส่วนผสม เช่น "มีนมวัวไหม" "ใส่อะไรบ้าง" “เป็นมังสวิรัติไหม”

- หมวดฉุกเฉิน & การแพทย์

  •   แจ้งเหตุด่วน เช่น "เกิดอุบัติเหตุ" "ขโมย" "ไฟไหม้"
  •   บอกอาการป่วย แบบ "ปวดหัวมาก" "ท้องเสีย" "มีไข้สูง"
  •   ขอความช่วยเหลือ อย่าง "พาไปโรงพยาบาล" "เรียกตำรวจ"
  •   แจ้งประวัติแพ้ยา เช่น "แพ้เพนนิซิลิน" “แพ้แอสไพริน”
     

2. ฟีเจอร์แปลเสียงใน Google Translate

  1.   ฝึกพูดช้าๆ ชัดๆ ให้ระบบจับเสียงได้ดี
  2.   ลองใช้ในที่เสียงดัง เผื่อต้องใช้ในตลาดหรือสถานีรถไฟ
  3.   ทดสอบโหมดออโต้ที่แปลโดยอัตโนมัติ
  4.   ซ้อมสนทนาโต้ตอบกับเพื่อน จำลองสถานการณ์จริง
     

3. เตรียมระบบให้พร้อมใช้ Google Translate แบบออฟไลน์

- โหลดภาษาที่ต้องใช้

  1.   เลือกภาษาของประเทศที่จะไปให้ครบ
  2.   เช็คว่ามือถือมีพื้นที่พอไหม ภาษาแต่ละอันกินเนื้อที่ไม่เท่ากัน
  3.   ลองแปลแบบออฟไลน์ดูก่อน เผื่อแปลผิดแปลถูก
  4.   อัพเดทฐานข้อมูลภาษาให้ใหม่ล่าสุด

- จัดการพื้นที่มือถือ

  1.   ลบภาษาที่ไม่ได้ใช้แล้วทิ้งไป
  2.   ล้างขยะในแอพ Google Translate บ้าง
  3.   แบ็คอัพ Phrasebook เก็บไว้กันพลาด
  4.   เช็คว่าซิงค์ข้อมูลกับ Google Account แล้ว
     

4. โหมดสนทนาใน Google Translate

  1.   เลือกภาษาให้ถูกทั้งสองฝั่ง
  2.   กดไมค์ตอนจะพูด ปล่อยตอนพูดจบ
  3.   พูดช้าๆ เสียงดังฟังชัด
  4.   รอให้แปลจบก่อนพูดประโยคต่อไป
     

5. เทคนิคคุยให้รู้เรื่อง

  1.   ใช้ประโยคสั้นๆ ได้ใจความ
  2.   หลีกเลี่ยงสำนวน คำคม คำแสลง
  3.   ถามกลับว่าเข้าใจตรงกันไหม
  4.   เก็บบทสนทนาสำคัญไว้ดูทีหลัง

6. ข้อควรระวังในการใช้ Google Translate

  1.   เช็คความหมายซ้ำๆ ถ้าเป็นเรื่องสำคัญ
  2.   สำนวน/คำเฉพาะอาจแปลไม่ตรง
  3.   เตรียมแผนสำรองถ้าแอพมีปัญหา
  4.   ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่นนิดนึง จะได้ไม่พูดผิดๆ

เคล็ดลับสุดท้าย อย่าลืมเช็คว่าดาวน์โหลดภาษาที่ต้องการไว้ออฟไลน์แล้วนะ จะได้ใช้ได้แม้ไม่มีเน็ต! 🌍✨

 

Google Lens


Google Lens เปลี่ยนกล้องมือถือให้กลายเป็นเครื่องมือค้นหาข้อมูล แปลภาษา และระบุสิ่งต่างๆ รอบตัวแบบเรียลไทม์


1. Google Lens ช่วยอะไรได้บ้างตอนเที่ยว?

- หาข้อมูลสถานที่แบบง่ายๆ

  1.   แค่ชี้กล้องไปที่แลนด์มาร์ค Google Lens จะบอกว่านี่ที่ไหน
  2.   ดูเวลาเปิด-ปิด คะแนนรีวิว แถมบอกประวัติให้ด้วย
  3.   รู้เลยว่าค่าเข้าชมเท่าไหร่ ต้องจองคิวไหม
  4.   หาวิธีเดินทางไปที่นั่นได้ง่ายๆ

- เรื่องอาหารก็เก่ง

  1.   ชี้ไปที่อาหารแปลกๆ Google Lens บอกได้ว่าคืออะไร
  2.   ส่องเมนูภาษาต่างประเทศก็อ่านได้
  3.   อยากหาร้านที่ขายอาหารแบบนี้ก็หาได้
  4.   ดูแคลอรี่ ส่วนผสม วิธีทำก็ได้นะ

 

2. เตรียมตัวก่อนใช้ Google Lens เที่ยว

- เซ็ตแอพให้พร้อม

  1.   ดาวน์โหลด Google Lens ให้เรียบร้อย
  2.   เช็คว่าเวอร์ชั่นล่าสุดไหม
  3.   เปิดสิทธิ์กล้องกับ GPS ไว้
  4.   เตรียมเน็ตให้พร้อม หรือโหลดข้อมูลออฟไลน์ไว้
     

- เรื่องเอกสารก็จัดการได้

  1.   แสกนพาสปอร์ต วีซ่า ตั๋วเครื่องบิน เก็บไว้ดูง่ายๆ
  2.   แปลงเป็นไฟล์ PDF ได้เลย
  3.   แชร์ให้เพื่อนร่วมทริปก็ได้
  4.   เก็บใบเสร็จไว้ทำเบิกก็สะดวก

 

3. ใช้ Google Lens ระหว่างเที่ยวยังไงให้ปัง

- แปลภาษาแบบเรียลไทม์

  1.   ชี้กล้องไปที่ป้าย เมนู หรือข้อความ
  2.   Google Lens แปลให้ทันที ไม่ต้องพิมพ์
  3.   บันทึกคำแปลไว้ดูทีหลังได้
  4.   แชร์ให้เพื่อนที่มาด้วยกันอ่านได้
     

- ช้อปปิ้งฉลาดขึ้น

  1.   ส่องราคาสินค้าว่าแพงไปไหม
  2.   เช็คร้านที่ขายถูกกว่าในละแวกนั้น
  3.   ดูรีวิวสินค้าจากคนที่ซื้อไปแล้ว
  4.   หาของแท้ของปลอมก็ช่วยได้

 

4. ฟีเจอร์เด็ดๆ ของ Google Lens

- ฟีเจอร์ค้นหา

  1.   หาของที่เห็นว่าคืออะไร ซื้อที่ไหนได้บ้าง
  2.   ค้นรูปคล้ายๆ กัน
  3.   หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เห็น
  4.   แชร์สิ่งที่ค้นพบกับเพื่อนๆ ได้
     

- แปลภาษาผ่านหน้าจอทันที

  1.   รองรับเยอะแยะหลายภาษา
  2.   แปลได้แม้ตัวอักษรแปลกๆ
  3.   ทับซ้อนคำแปลบนภาพจริงได้
  4.   ก็อปข้อความที่แปลแล้วได้ด้วย

 

5. ทริคเด็ดใช้ Google Lens ให้ปัง

- ใช้งานให้ลื่น

  •   เน็ตต้องแรงหน่อยถ้าจะใช้แบบเรียลไทม์
  •   ถ้าเน็ตช้า ถ่ายรูปไว้ค่อยแปลทีหลังก็ได้
  •   ใช้ร่วมกับ Google Maps เพื่อหาทางไปร้านที่เจอ
  •   เชื่อมกับ Google Photos เก็บภาพสวยๆ ไว้

 

6. ข้อควรระวังในการใช้ Google Lens

- ระวังนิดนึง

  1.   อย่าเชื่อการแปล 100% เช็คกับคนท้องถิ่นด้วย
  2.   เน็ตอาจกินแบตเยอะ พกแบตสำรองไว้ด้วย
  3.   บางทีอาจจำเป็นต้องถ่ายซ้ำถ้าภาพไม่ชัด
  4.   ระวังเรื่องความเป็นส่วนตัวเวลาถ่ายในที่สาธารณะ

 

สุดท้าย อย่าลืมอัพเดท Google Lens ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดเสมอนะ! แอพมีการอัพเดทฟีเจอร์ใหม่ๆ มาเรื่อยๆ บางทีอาจมีของเด็ดๆ ที่จะช่วยให้ทริปของเราสนุกขึ้นอีก! 🌟 ที่สำคัญ Google Lens ทำงานได้ดีที่สุดเมื่อมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แต่ก็มีฟีเจอร์บางอย่างที่ใช้งานออฟไลน์ได้ เตรียมพร้อมก่อนเที่ยวจะได้ใช้งานได้เต็มที่! 🎯

 

Google Flights
 

 

Google Flights ค้นหาและเปรียบเทียบเที่ยวบิน - ตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด พร้อมติดตามความเปลี่ยนแปลงของราคาแบบเรียลไทม์

👉 หาตั๋วเครื่องบินราคาถูกด้วย Google Flights ✈️

1. เช็คราคาแบบเรียลไทม์

- เปิดดูแบบปฏิทิน มองภาพรวมทั้งเดือน

  •   เลือกดูแบบตารางราคา ดูง่ายกว่าเยอะ
  •   ใช้ฟิลเตอร์ช่วย กรองทุกอย่างที่ต้องการ
  •   ดูได้ว่าวันไหนราคาถูกสุด แพงสุด
  •   เลือกจำนวนแวะต่อได้ด้วยนะ
     

- สอยตั๋วราคาประหยัด

  •   ลองเลื่อนวันไปมา ±3 วัน บางทีถูกกว่าเยอะ
  •   เช็คสนามบินรองๆ ด้วย บางทีราคาต่างกันมาก
  •   ใช้ฟีเจอร์ Explore ดูว่าเงินเท่านี้บินไปไหนได้บ้าง
  •   ดูสายการบินที่มี hub ที่นั่น มักจะราคาถูกกว่า

 

2. ใช้ Google Flights จับตาดูราคาหาความเปลี่ยนแปลง

- ตั้งเตือนราคา

  •   กด Track prices ไว้ Google จะคอยแจ้งเตือน
  •   เลือกได้ว่าจะให้แจ้งเมื่อราคาลดกี่เปอร์เซ็นต์
  •   ตั้งราคาเป้าหมายได้ พอถึงราคานั้นจะมีเมลมาบอก
  •   รู้ทันทีถ้ามีการเปลี่ยนตารางบิน

- ดูเทรนด์ราคา

  •   ส่องกราฟราคา 60 วันย้อนหลัง เห็นเทรนด์ชัดๆ
  •   ราคามักจะถูกสุดช่วง 3-4 เดือนก่อนบิน
  •   จองวันอังคาร-พฤหัสฯ มักจะถูกกว่า
  •   ระวังช่วงเทศกาล ราคาพุ่งแน่นอน!

 

3. เลือกเที่ยวบินทั้งทีต้องเช็คอะไรบ้าง

- เช็คดีๆ ก่อนจอง

  •   ดูว่ากระเป๋าได้กี่กิโล รวมในราคาไหม
  •   มี WiFi บนเครื่องไหม คิดเงินเพิ่มไหม
  •   เช็คที่นั่งว่าแบบไหน มีจอส่วนตัวไหม
  •   ดูว่ามีอาหารให้ไหม หรือต้องซื้อเพิ่ม
     

- เช็คความน่าเชื่อถือ

  •   ดูสถิติว่าเที่ยวบินนี้ล่าช้าบ่อยไหม
  •   เคยยกเลิกบ่อยไหม
  •   ถ้าล่าช้าเค้าชดเชยยังไงบ้าง
  •   มีประกันอะไรให้บ้าง

 

4. วางแผนต่อเครื่องให้สบายใจ

- จัดการเวลาให้ดี

  •   บินในประเทศ เผื่อเวลาต่อเครื่อง 2-3 ชั่วโมง
  •   บินต่างประเทศ เผื่อ 3-4 ชั่วโมง ปลอดภัยไว้ก่อน
  •   ต้องเปลี่ยนสนามบิน เผื่อเวลาเยอะๆ 5-6 ชั่วโมง
  •   อย่าลืมเช็คเวลาที่ต้องใช้ผ่านตม.ด้วย
     

- เตรียมตัวต่อเครื่อง

  •   ศึกษาแผนผังสนามบินไว้ก่อน
  •   เช็คว่าต้องผ่านจุดตรวจอะไรบ้าง
  •   ดูว่าต้องขอวีซ่าทางผ่านไหม
  •   เตรียมเอกสารให้พร้อม

 

5. ติดตามเที่ยวบินแบบเรียลไทม์

- เช็คก่อนบิน

  •   ดูสถานะเที่ยวบิน 24 ชม.ก่อนออกเดินทาง
  •   เช็คว่ามีเปลี่ยนเกตไหม
  •   ดูว่าล่าช้าไหม จะได้วางแผนทัน
  •   เช็คสภาพอากาศด้วย
     

- ติดตามระหว่างทาง

  •   ใช้แอพสายการบินคู่กับ Google Flights
  •   ติดตามกระเป๋าได้ด้วยนะ
  •   รู้เลยว่ากระเป๋าจะมาเมื่อไหร่
  •   รู้ว่าต้องไปรับที่สายพานไหน

 

6. เทคนิคเด็ดๆ ที่ควรรู้

- จองหลายที่ในทริปเดียว

  •   ใช้ฟีเจอร์ Multi-city ประหยัดกว่าจองแยก
  •   จัดลำดับจุดหมายให้เหมาะสม ประหยัดเวลา
  •   คำนวณราคารวมให้อัตโนมัติ
  •   เช็คว่าสายการบินเดียวกันถูกกว่าไหม
     

- ใช้กราฟราคาให้เป็น

  •   ดูเทรนด์ราคาตามฤดูกาล
  •   เปรียบเทียบราคาแต่ละสายการบิน
  •   หาช่วงราคาต่ำสุดในรอบปี
  •   วางแผนเที่ยวตามช่วงราคาถูก

 

7. วางแผนสำรองไว้เสมอ

- รับมือเหตุไม่คาดฝัน

  •   มีแผนสำรองถ้าเที่ยวบินล่าช้า
  •   รู้ว่าต้องติดต่อใครถ้ามีปัญหา
  •   เช็คเงื่อนไขการขอเงินคืน
  •   รู้สิทธิ์ในการเปลี่ยนเที่ยวบิน

 

8. เทคนิคเก็บไมล์ให้คุ้ม

- สะสมไมล์อย่างฉลาด

  •   เลือกสายการบินที่ให้ไมล์เยอะๆ
  •   ดูว่าใช้ไมล์อัพเกรดได้ไหม
  •   เช็คพันธมิตรสายการบิน บางทีใช้ไมล์ร่วมกันได้
  •   สมัครบัตรเครดิตที่ให้ไมล์คุ้มๆ
     

สุดท้าย อย่าลืมว่า Google Flights อัพเดทราคาแบบเรียลไทม์ แต่พอจะกดจองจริงๆ ราคาอาจเปลี่ยนได้นิดหน่อย เพราะต้องไปจองที่เว็บสายการบินโดยตรง! แนะนำให้เปิดแท็บเว็บสายการบินเตรียมไว้ พอเจอราคาดีๆ จะได้จองได้เลย! ✈️🎯

 

 

Google Products

 

ไทม์ไลน์เตรียมตัวเที่ยวต่างประเทศด้วย Google Products

3-4 เดือนก่อนเดินทางเริ่มวางแผนหลักๆ

- Google Flights - จับตาดูราคาตั๋ว

  •   เช็ควันหยุดให้ชัวร์และลงวันลาให้พร้อม
  •   ตั้ง Price Alert ไว้เยอะๆ
  •   ดูเทรนด์ราคาย้อนหลัง จะได้รู้ว่าควรจองตอนไหน
  •   เลือกวันที่ราคาถูกๆ จองตั๋วให้เรียบร้อย
     

- Google Drive - เริ่มรวบรวมข้อมูล

  •   สร้างโฟลเดอร์เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับทริป
  •   แชร์ให้เพื่อนร่วมทริปช่วยกันหาข้อมูล
  •   เก็บ e-ticket ทุกอย่างไว้ในที่เดียว
  • อาจหาไอเดียเที่ยวจากเทรนต่างๆได้จาก Google Trend หรืออาจหาจากบทความแนะนำที่ท่องเที่ยวต่างๆ


 

2 เดือนก่อนเดินทาง: ลุยหาข้อมูลเชิงลึก

- Google Maps - วางแผนที่เที่ยว

  •   สร้าง Lists แยกเป็นหมวดๆ 
  •   เซฟร้านอาหาร ที่เที่ยว ที่ช้อปปิ้ง
  •   อ่านรีวิว ดูรูป ศึกษาเส้นทาง
     

- Google Keep- จดโน้ตสำคัญ

  •   ทำ Checklist ของที่ต้องซื้อ/เตรียม
  •   จดทริคเด็ดๆ จากคนที่เคยไป
  •   เก็บลิงก์ข้อมูลดีๆ ไว้อ่านทีหลัง


 

1 เดือนก่อนเดินทางเริ่มเตรียมตัวจริงจัง

- Google Calendar- จัดตารางทริป

  •   ใส่กำหนดการทั้งหมด
  •   ตั้งแจ้งเตือนเรื่องสำคัญๆ
  •   ซิงค์กับเพื่อนร่วมทริปทุกคน
     

- Google Translate- เตรียมพร้อมเรื่องภาษา

  •   สร้าง Phrasebook รวมประโยคจำเป็น
  •   ดาวน์โหลดภาษาไว้ใช้ออฟไลน์
  •   ฝึกใช้ฟีเจอร์แปลผ่านกล้อง


 

1 สัปดาห์ก่อนเดินทางอย่าลืมเช็คความพร้อม

- Google Maps

  •   ดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์
  •   เช็คเส้นทางจากสนามบินไปที่พัก
  •   ดู Street View ซ้อมทางไว้ก่อน
     

- Google Lens

  •   ทดลองใช้สแกนป้าย/เมนู
  •   เช็คว่าแอพทำงานดีไหม
  •   เรียนรู้ฟีเจอร์ที่จะใช้งาน


 

ระหว่างเที่ยวใช้งานเต็มสูบ

- Google Maps + Lens + Translate

  •   ใช้ Maps นำทางทั้งออนไลน์/ออฟไลน์
  •   Lens ช่วยอ่านป้าย เมนู หาข้อมูล
  •   Translate ช่วยสื่อสารกับคนท้องถิ่น
     

- Google Photos

  •   ตั้งค่าแบ็คอัพรูปอัตโนมัติ
  •   แชร์อัลบั้มกับเพื่อนร่วมทริป
  •   เคลียร์พื้นที่มือถือเป็นระยะ


 

เคล็ดลับสำคัญ

1. เรื่องเน็ต & แบต

   - ดาวน์โหลดทุกอย่างที่ต้องใช้ออฟไลน์ไว้ก่อน

   - พกแบตสำรอง อย่าลืมชาร์จทุกคืน

   - หาวิธีเชื่อมเน็ตในต่างประเทศให้พร้อม
 

2. เรื่องความปลอดภัย

   - แบ็คอัพเอกสารสำคัญใน Drive

   - แชร์ Location กับคนที่ไว้ใจ

   - เก็บข้อมูลสำคัญไว้ดูออฟไลน์ได้

  - อย่าลืมเช็คพยากรณ์อากาศล่วงหน้า
 

3. เรื่องการจัดการ

   - อัพเดทแอพทุกตัวให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

   - จัดระเบียบไฟล์ใน Drive ให้หาง่าย

   - เช็คพื้นที่มือถือให้พอใช้ระหว่างทริป

ทริปจะสนุกและราบรื่นถ้าเตรียมตัวดีๆ! อย่าลืมว่าแอพ Google พวกนี้ทำงานร่วมกันได้ ยิ่งใช้เป็นก็ยิ่งช่วยให้เที่ยวได้สบายขึ้นเยอะ! 🎉

อ้างอิง : ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Google

ติดตามเนื้อหาอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.thaipbs.or.th



 


 

 



 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

GoogleGoogle LensGoogle MapsGoogle Street View
ผู้เขียน: Thai PBS Digital Media

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด