เชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์นั้นมีหลายชนิด ตั้งแต่ดีเซลไปจนถึงเบนซินที่มีเลขออกเทน (Octane) ต่างกัน เช่น เบนซิน 95 และ เบนซิน 91 เป็นต้น หรือการผสมเอทานอลลงไปผสมน้ำมันเบนซินพื้นฐาน เกิดเป็นแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ตามลำดับ แน่นอนว่าเชื้อเพลิงแต่ละแบบย่อมมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกันกับเชื้อเพลิงของอากาศยานที่มีหลายชนิดและมีการใช้งานที่แตกต่างกัน ในบทความนี้เราจะพูดถึงเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานพาณิชย์เท่านั้น เนื่องจากเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานทางการทหารนั้นยิ่งมีหลายชนิดมากกว่าอากาศพาณิชย์เสียอีก
เชื้อเพลิง Jet A และ Jet A-1 นั้นเป็นเชื้อเพลิงที่ถูกใช้ในการบินอากาศยานพาณิชย์มากที่สุด Jet A นั้นมักจะพบเห็นในท่าอากาศยานของสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา แต่ไม่ถูกใช้งานนอกเหนือจากนี้เลย ส่วน Jet A-1 นั้นเป็นที่แพร่หลายในเกือบทุกประเทศ ยกเว้นประเทศที่ใช้ Jet A
เชื้อเพลิง Jet A และ Jet A-1 มีจุดวาบไฟ (Flash Point) สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส จุดวาบไฟหมายถึงอุณหภูมิที่เชื้อเพลิงจะคายไอของเชื้อเพลิงออกมาซึ่งจะทำให้ไวไฟมากขึ้น ซึ่งเชื้อเพลิงที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 37.8 องศาเซลเซียสนั้นจะเรียกว่าเชื้อเพลิงไวไฟ ในขณะที่เชื้อเพลิงที่มีจุดวาบไฟสูงกว่า 37.8 องศาเซลเซียสนั้นจะเรียกว่าเชื้อเพลิงสันดาป ดังนั้นเชื้อเพลิง Jet A/A-1 จึงยากต่อการติดไฟในสภาพแวดล้อมทั่วไป เนื่องจากจะต้องมีอุณหภูมิภายนอกที่เหมาะสมและมีอัตราการผสมเชื้อเพลิงต่อปริมาณอากาศ (Air-Fuel Ratio) ที่เหมาะสม
Jet A/A-1 มีจุดติดไฟ (Autoignition Temperature) อยู่ที่ 210 องศาเซลเซียสซึ่งเป็นจุดที่เชื้อเพลิงจะติดไฟขึ้นมาได้เองโดยปราศจากการติดไฟจากภายนอก เช่น เปลวไฟ
สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง Jet A และ Jet A-1 คือจุดเยือกแข็ง Jet A มีจุดเยือกแข็งอยู่ที่ -40 องศาเซลเซียส ในขณะที่ Jet A-1 มีจุดเยือกแข็งอยู่ที่ -47 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ Jet A-1 ยังมีการใส่สารป้องกันการก่อตัวของไฟฟ้าสถิตอีกด้วย
ในบางประเทศอย่างประเทศจีนนั้น มีการใช้เชื้อเพลิงที่มีคุณสมบัติและส่วนผสมคล้ายกับ Jet A-1 เรียกว่า RP-3
Jet B เป็นเชื้อเพลิงอากาศยานที่มีส่วนผสมของแนฟทาและน้ำมันก๊าด (Naphtha-Kerosene Fuel) โดยที่ Jet B ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานในพื้นที่หนาวเย็นเนื่องจาก Jet B มีจุดเยือกแข็งที่ -60 องศาเซลเซียสซึ่งต่ำกว่า Jet A/A-1 จึงมักจะถูกนำไปใช้งานในแถบแคนาดาทางตอนเหนือซึ่งมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก ๆ และเสี่ยงต่อการแข็งตัวของเชื้อเพลิง Jet A/A-1 จึงต้องใช้เชื้อเพลิง Jet B แทน
Jet B ไม่ถูกใช้งานนอกเหนือจากพื้นที่หนาวเย็นเนื่องจาก Jet B มีจุดวาบไฟต่ำกว่า Jet A/A-1 ทำให้การขนส่ง Jet B รวมถึงการใช้งาน Jet B นั้นมีความเสี่ยงมากกว่าการใช้งาน Jet A/A-1 มากกว่า
TS-1 เป็นเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานพาณิชย์ ซึ่งถูกใช้งานโดยประเทศรัสเซียและเครือรัฐเอกราช (CIS) มีความคล้ายคลึงกับเชื้อเพลิง Jet A-1 แต่ถูกออกแบบมาให้ใช้ในสภาพแวดล้อมหนาวเย็น จึงมีจุดวาบไฟที่ต่ำกว่าซึ่งอยู่ที่ 28 องศาเซลเซียส และมีจุดเยือกแข็งที่ต่ำกว่าซึ่งอยู่ที่ -50 องศาเซลเซียส
นอกจากเชื้อเพลิงที่กล่าวมาแล้ว หลายประเทศยังมีมาตรฐานเชื้อเพลิงอากาศยานเป็นของตัวเอง ทำให้มีสูตรของเชื้อเพลิงอากาศยานพาณิชย์ที่หลากหลาย เช่น RP-1 RP-2 และ RP-3 ซึ่งเป็นมาตรฐานของประเทศจีน หรือเชื้อเพลิง T-1 ถึง T-8 และเชื้อเพลิง RT ซึ่งใช้งานในยุคสหภาพโซเวียต อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน มีอยู่สามมาตรฐานที่ถูกใช้อ้างอิงสำหรับเชื้อเพลิงอากาศยานพาณิชย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Jet A-1 คือ
1. DEF STAN 91-91 (Jet A-1)
2. ASTM Specification D1655
3. IATA Guidance Material (Kerosene Type), NATO Code F-35
ส่วน Jet A นั้นจะต้องมีมาตรฐานเทียบเท่า ASTM Specification D1655 (Jet A)
เรียบเรียง : โชติทิวัตถ์ จิตต์ประสงค์
🎧 อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech