จากเรื่องราวโศกนาฏกรรมเรือล่มเมื่อกว่า 100 ปีก่อน ตราบจนถึงวันนี้ หลายคนยังจำเรื่องราวของเรือ TITANIC ได้เป็นอย่างดี Thai PBS ชวนย้อนเรื่องราวเรือที่สร้างแรงบันดาลใจ และอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ที่ผู้คนยังไม่ลืมเลือน…
เรือไม่มีวันจม สู่เรือที่จมแต่สร้างตำนาน
เพราะการแข่งขันของเรือโดยสารข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ทาง White Star Line จึงอยากสร้างเรือที่ใหญ่กว่าและหรูหรากว่าเรือบริษัทอื่น RMS Titanic จึงเริ่มสร้างในปี 1909 ควบคู่กับเรือ RMS Olympic ผู้สร้างคาดคำนวนว่ามันสามารถลอยอยู่บนผิวน้ำได้ในกรณีที่มีอุบัติเหตุใดๆ เกิดขึ้น จนมีการโฆษณาว่าเป็นเรือที่ถูกออกแบบมาให้ไม่มีวันจม
Titanic ออกเดินทางรอบปฐมฤกษ์จากเซาท์แฮมตัน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 1912 โดยแวะรับส่งผู้โดยสารที่แชร์บูร์กในฝรั่งเศสและควีนส์ทาวน์ในไอร์แลนด์ แล้วออกเดินทางสู่มหาสมุทรแอตแลนติกพร้อมผู้โดยสาร 2,208 ชีวิต เพื่อเดินทางสู่นิวยอร์ก
จนเมื่อวันที่ 14 เมษายน 1912 เรือได้รับคำเตือนเรื่องภูเขาน้ำแข็ง เวลาผ่านไปไม่นานนัก ในเวลา 23.40 น. เรือได้ชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง สร้างความเสียหายบริเวณกราบเรือด้านขวา น้ำเริ่มทะลักเข้ามาภายในตัวเรือ เรือชูชีพที่มีเพียง 20 ลำ ถูกปล่อยไปพร้อมผู้โดยสารที่ยังไม่เต็มลำ จนกระทั่งเรือจมลงใต้มหาสมุทรทั้งลำในช่วงเวลาประมาณ 02.20 น. มีผู้เสียชีวิตไปทั้งสิ้น 1,514 คน และมีผู้รอดชีวิต 710 คน จากการช่วยเหลือของเรือ RMS Carpathia
จากโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ สู่หนังรักสุดตราตรึงแห่งยุค
Titanic เปิดตัวออกฉายเมื่อ 19 ธันวาคม 1997 จากฝีมือการกำกับของ เจมส์ คาเมรอน ที่หยิบเรื่องราวของโศกนาฎกรรมครั้งนี้มาถ่ายทอดเป็นหนังรัก นำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ และเคท วินสเล็ท สองซูเปอร์สตาร์แห่งยุค 90 ความรักของแจ๊คกับโรส กับการเดินทางครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเรือไม่มีวันจม สู่โศกนาฎกรรมที่สร้างกระแสฟีเวอร์ในไทยมากมาย
Titanic ได้รับการฉายในโรงนานกว่า 4 เดือน หลายคนดูไม่ต่ำกว่า 2 รอบ ฟังเพลง My Heart Will Go On กันบ่อย ๆ ของสะสมที่ขายดี และยังกลับมาฉายอีกครั้งในเมื่อปี 2023 ในระบบ 3D เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี
ภาพยนตร์เรื่องนี้คว้ารางวัล Oscars ครั้งที่ 70 มากถึง 11 รางวัล จากการเข้าชิง 14 รางวัล ซึ่งคว้ารางวัลไปมากสุดเท่ากับเรื่อง “The Lord of the Rings: The Return of the King” และ “Ben-Hur” และยังเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลอันดับ 4 ปัจจุบันทำรายได้รวม 2,264 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นรายได้จากกว่าฉายทั่วโลก 1,590 ล้านบาท ส่วนในสหรัฐฯ ทำรายได้ 674 ล้านดอลลาร์ และยังสร้างชื่อให้กับ Celine Dion กับเพลง My Heart Will Go On ที่คว้ารางวัลมากมายทั้ง Grammy Awards และ ออสการ์ และยังเป็นเพลงประจำตัวของเธอ
ก่อนหน้านี้มีภาพยนตร์ที่พูดถึงเหตุโศกนาฏกรรมของเรือ Titanic อย่าง A Night to Remember ออกฉายในปี 1958 ดัดแปลงจากนวนิยาย A Night to Remember ของ Walter Lord ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเรือตั้งแต่ออกเดินทางจนถึงจุดจบของเรือกลางมหาสมุทร
จากความหลงไหลโลกใต้ทะเล สู่ภาพยนตร์ระดับตำนาน
เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับของเรื่อง ชื่นชอบการดำน้ำในโลกใต้ทะเลตั้งแต่เด็ก และการทำภาพยนตร์เรื่อง Titanic นั้นเพื่อที่จะได้ไปสำรวจซากเรือของจริงบนพื้นมหาสมุทรแอตแลนติกด้วยตาของตัวเอง เพื่อนำมาเป็นฟุตเทจให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาลงไปครั้งแรกเมื่อปี 1995 และยังมีการลงไปเก็บภาพอีกหลายครั้งเพื่อเพิ่มความสมจริง เสริมด้วยการค้นคว้าจากภาพถ่ายและเรือ RMS Olympic รวมทั้งบุคคลที่มีอยู่จริงบนเรือ เพื่อที่จะให้ภาพยนตร์มีความสมจริง
แม้ว่าภาพยนตร์จะฉายไปแล้ว แต่ เจมส์ คาเมรอน ยังคงลงไปสำรวจซากเรือต่อ เขาลงสำรวจถึง 33 ครั้ง ใช้เวลาสำรวจซากเรือประมาณ 15 – 17 ชั่วโมง และยังพาผู้ชมไปออกสำรวจในรูปแบบสารคดีอีกด้วย
- Ghosts of the Abyss (2003)
- Last Mysteries of the Titanic (2005)
- Titanic: 20 Years Later with James Cameron (2017)
Titanic ณ วันนี้
Titanic จมแน่นิ่งใต้มหาสมุทรแอตแลนติกตั้งแต่ปี 1912 แต่ซากเรือได้ถูกค้นพบอีกครั้งเมื่อปี 1985 ที่ความลึกประมาณ 3.8 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากชายฝั่งเกาะนิวฟันด์แลนด์ 400 กิโลเมตร ได้รับการยืนยันว่าเรือแตกออกเป็นสองส่วน ซึ่งตรวจพบหัวเรือและท้ายเรือที่แยกจากกัน
ในปี 2019 จากการสำรวจสภาพของเรือ แม้บริเวณหัวเรือและท้ายเรือจะขาดออกจากกัน และทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่ส่วนหัวเรือยังมีความคงรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ส่วนท้ายเรือกลับผุกร่อนอย่างมาก ห้องกัปตันที่เคยเห็นกลับผุพังจนมองไม่เห็นอ่างอาบน้ำ ตัวเรือมีสนิมเกาะทั้งลำ ด้วยกระแสน้ำที่รุนแรง รวมทั้งความเค็มของน้ำทะเล และจุลินทรีย์ชนิดที่กัดกินโลหะ ทำให้ซากเรือไททานิกผุกร่อนลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้หลายคนอยากได้เห็นซากเรืออย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะผุผังไปกว่านี้
จากการท่องเที่ยวครั้งใหม่ สู่โศกนาฏกรรมที่เดิมอีกครั้ง
เพราะความชื่นชอบในเรือลำนี้ ทำให้ผู้คนที่รักการผจญภัยอยากลองไปสัมผัสกับเรือลำนี้ที่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกสักครั้ง จนเกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมเรือดำน้ำ "ไททัน" ที่เกิดระเบิดขณะดำลงไปชมซากเรือไททานิก ทำให้ผู้ที่อยู่บนเรือทั้ง 5 คนเสียชีวิต การทัวร์สำรวจซาก Titanic ครั้งนี้ เป็นของบริษัทโอเชียนเกต ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ ปี 2021 ซึ่งให้บริการนำเที่ยว 8 วัน ในราคา 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ
โดยใช้เวลาดำลงใต้น้ำเพื่อสำรวจซากเรือไททานิก แล้วขึ้นสู่ผิวน้ำ 8 ชั่วโมง เรือมีอุปกรณ์ยังชีพเผื่อฉุกเฉิน 4 วัน แม้จะใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ แต่ผู้โดยสารต้องยอมรับความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัย โดยเมื่อลงเรือต้องลงนามในเอกสารรับทราบว่าเรือยังไม่ได้รับใบอนุญาต อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่หลายคนก็ยังพร้อมที่จะเสี่ยง เพื่อพบประสบการณ์ล้ำค่าที่ไม่มีใครได้เห็นนัก
แม้ Titanic จะสร้างเรื่องราวที่ตราตรึงใจใครหลาย ๆ คน แต่เรื่องความปลอดภัยในการเดินทางลงไปสำรวจซากเรือ ยังเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายแรงเหมือนกับเรือดำน้ำไททันอีก
อ่านเรื่องราวของเรือ Titanic แล้วมาย้อนนึกถึงผ่าน SOUNDTRACK และภาพยนตร์รักที่ยังทำให้อินถึงทุกวันนี้ในรายการนักผจญเพลง ตอน SOUNDTRACK ข้ามกาลเวลา
แหล่งข้อมูล
- The Movies That Have Made More Than $1 Billion At The Box Office: Photo Gallery
- James Cameron เคยดำลงไปเก็บภาพ-สำรวจซากเรือไททานิคของจริง 33 ครั้ง เพื่อเอามาสร้าง ‘Titanic’
- ครบรอบ 111 ปี “เรือไททานิก” จากโศกนาฏกรรม สู่จุดท่องเที่ยวใต้ทะเล
- มีอะไรเหลืออยู่ในเรือไททานิค และสรุปปัญหาของยานดำน้ำไททันที่มีมาตั้งแต่ต้น
- เรือไททานิค สร้างขึ้นมาได้อย่างไร
- ไททานิก โศกนาฏกรรมโลกไม่ลืม
