เรียกได้ว่า ไร้เทียมทานทีเดียวสำหรับ ขุนพลปราสาท สายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หลังก่อนหน้านี้ คว้าไปแล้ว 2 แชมป์ ก็คือ แชมป์ไทยลีก และ แชมป์เอฟเอ คัพ
เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.2565) ก็สามารถคว้าแชมป์สุดท้ายของฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ ด้วยการโชว์ฟอร์มโหด เดินหน้า ถล่ม พีทีประจวบ เอฟซี แชมป์รายการนี้ในปี 2019 ไปอย่างขาดลอย 4 - 0 ได้ประตูจาก โจนาธาน โบลินกี้ คนเดียว 2 ประตู , พีรดล ฉ่ำรัศมี และ ศุภณัฐ เหมือนตา อีกคนละ 1 ประตู
ทำให้ บุรีรัมย์ กวาดหมดทั้ง 3 แชมป์ในฤดูกาลนี้ ได้สำเร็จ และถือเป็นแชมป์สมัยที่ 6 เฉพาะรายการนี้ของ ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่มีการแข่งขันมา 11 ครั้งด้วย
ซึ่งปัจจัยความสำเร็จ ปฏิเสธไม่ได้ว่า มาจากการกล้าที่เปลี่ยนแปลงทีมของ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เลือก มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น เข้ามาในเลกที่ 2
รวมถึงทุ่มดึง อดีตลูกหม้อ อย่าง ธีราทร บุญมาทัน กลับมาจาก เจลีกญี่ปุ่น ที่สามารถเข้ามายกระดับทีมได้มากทีเดียว รวมถึง ระบบการเล่นที่ เปลี่ยนไป เป็นสไตล์แบบญี่ปุ่น ที่เน้นพละกำลัง และการเคลื่อนที่เป็นหลัก
มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์ว่า เป้าหมายต่อไปของทีม นอกจากการป้องกันแชมป์ ทั้ง 3 แชมป์ให้ได้แล้ว ในเวที เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ที่ทีมจะได้เล่นรอบแบ่งกลุ่ม ในฤดูกาล 2023-2024 ซึ่งถือว่ามีเวลาพอสมควรในการเตรียมทีม ซึ่งในปีนี้ที่ทีมตกรอบคัดเลือกนั่นคือประสบการณ์สำคัญ ที่จะทำให้ บุรีรัมย์ แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ ในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน
หลังจากนี้ นักเตะของ บุรีรัมย์ หลายคน จะมีภารกิจรับใช้ทีมชาติใน ทั้งในศึกชิงแชมป์เอเชีย รุ่น 23ปี และ เอเชียนคัพ รอบคัดเลือก รอบที่ 3 ที่ประเทศอุซเบกิสถาน ก่อนจะกลับเตรียมทีมช่วงปรีซีซัน ที่จะมีโปรแกรมแข่งขัน ศึกแชมเปียนส์คัพ กับ บีจีปทุม ยูไนเต็ด รองแชมป์ไทยลีก ในช่วงต้นเดือน ส.ค. ก่อนเปิดฤดูกาลไทยลีก ในวันที่ 12 ส.ค.นี้