“กุมภาพันธ์” เดือนนี้เป็นเดือนที่ระลึกถึงความรักถึงสองวันได้แก่ วันที่ 14 ก.พ. ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี และวันที่ 12 ก.พ. ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา ถือว่าเป็นวันแห่งความรักในทางพุทธศาสนาอีกด้วยเพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมอันแสดงถึงความรัก ความเมตตา ปรารถนาดีต่อกัน และเว้นต่อความชั่วความทุจริตทั้งปวง อันเป็นการรักตนเองและรักผู้อื่น รวมทั้งเพื่อนร่วมโลก
ชวนเริ่มต้นที่ตัวเราด้วยการ “รักตัวเอง”
การรักตัวเองที่ถูกวิธีไม่ใช่การตามใจตัวเองในทุก ๆ เรื่อง หากแต่ต้องตามใจในสิ่งที่จะไม่ทำร้ายตัวเอง ทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งไม่เบียดเบียนบุคคลอื่นไปด้วย
หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินว่า การตื่นเช้าขึ้นมาแล้วเริ่มต้นรักตัวเองด้วยการมองตัวเองในกระจกแล้วพูดว่า “ฉันรักตัวฉันเองมาก ๆ นะ” ไปพร้อม ๆ กับการใส่ความรู้สึกจากสมองว่า ฉันรักตัวเองจริง ๆ นะ วันนั้นทั้งวันของเรา จะเป็นวันดี ๆ ที่มีมูลเหตุมาจากการรักตนเองของเรา
ฟัง ๆ ดูก็เหมือนเป็นการร่ายเวทมนต์เพื่อสะกดจิตตัวเอง แต่เดี๋ยวก่อน มีหลักฐานเป็นงานวิจัยรองรับว่า การฝึกฝนที่จะรักตัวเองให้ประโยชน์ทั้งในด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ นั่นคือ เป็นเสมือนแรงกระตุ้นที่ทรงพลังในการขับเคลื่อนให้เราสามารถไปได้ถึงเป้าหมาย
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยควีนส์ ประเทศแคนาดา พบว่า มนุษย์มีความคิดเกิดขึ้นในสมองมากกว่า 6,000 ครั้ง ในแต่ละวัน และเชื่อหรือไม่ว่า ร้อยละ 80 ไม่ใช่เรื่องดี ๆ ที่ทำให้เรามีความสุข แต่หากเป็นเรื่องเชิงลบ เรื่องที่เลวร้าย ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้น เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายของเรามันรับรู้ได้และเชื่อฟังความคิดลบ ๆ เหล่านั้นด้วยน่ะสิ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ความคิดของเราจึงส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ เพราะเซลล์ในร่างกายแปลความหมายของความคิดลบว่าเป็นความเครียด
“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” เป็นสำนวนไทยที่คุ้นเคยกันดี นั่นคือ ใจสามารถสั่งการร่างกายได้ แท้จริงแล้ว ใจที่กล่าวถึงนี้คือ “ความคิด” นั่นคือ เราสามารถใช้สมองสั่งการความรู้สึกนึกคิดของเราได้นั่นเอง
“สมอง” เป็นศูนย์กลางการควบคุมการทำงานของร่างกาย ควบคุมระบบการหายใจ การเคลื่อนไหว รวมไปถึงการควบคุมพฤติกรรม ความคิด อารมณ์ ตลอดจนการสร้างความทรงจำ ประกอบด้วยซีรีบรัม (cerebrum), ซีรีเบลลัม (cerebellum) และก้านสมอง ซึ่งแต่ละส่วนมีหน้าที่แตกต่างกัน
“สมอง” มีเซลล์มากกว่า 86,000 ล้านเซลล์ เป็นอวัยวะที่ซับซ้อนที่สุดในร่างกาย สมองทำงานตลอดเวลา จึงเป็นอวัยวะส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุด มีน้ำเป็นองค์ประกอบถึง 3 ใน 4 ส่วน และมีไขมันมากรองลงมา ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่บางครั้งพบว่า เมื่อร่างกายเราขาดน้ำ จะทำให้เกิดอาการสมองเบลอ ไม่จดจ่อ จดจำได้น้อยลง แต่หากขาดออกซิเจนเป็นเวลาประมาณ 5 นาที จะทำให้เซลล์สมองเสียหายเป็นอย่างมาก ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเซลล์สมองทำให้คนเรามีพฤติกรรมเปลี่ยนไปได้
สมองผู้ชายมีขนาดใหญ่กว่าผู้หญิง แต่ขนาดที่ใหญ่กว่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความฉลาดหรือเชาวน์ปัญญา คำกล่าวที่ว่า มนุษย์ใช้สมองไม่ถึง 10% แต่ในแท้ที่จริงแล้ว เราใช้สมองอยู่ตลอดเวลาในทุก ๆ กิจกรรมแม้ขณะนอนหลับ โชคดีอย่างยิ่งที่เราสามารถฝึกฝนเพื่อพัฒนาสมองได้อยู่เสมอโดยไม่มีขีดจำกัด
พัฒนาสมอง ฝึกจิตให้รักตัวเองเพื่อเพิ่มศักยภาพของตัวเราเพราะการรักตนเอง คือรางวัลที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเอง
การ “รักตัวเอง” คืออะไร
การรักตัวเองไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่เป็นการตระหนักรู้ความต้องการของตัวเองและจัดการความต้องการเหล่านั้นอย่างเหมาะสม กล่าวได้ว่า การรักตัวเองคือกุญแจสำคัญแห่งการมีความสุข
เทคนิคเริ่มต้นในการรักตัวเอง
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว การดูแลรักษาร่างกายด้วยการปฏิบัติพื้นฐานได้แก่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นสิ่งที่ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว แต่ยังมีเทคนิคเพิ่มเติมในการรักตัวเองดังต่อไปนี้
- ระลึกรู้ความคิดของตนเองอยู่เสมอ เมื่อมีความคิดลบเข้ามา ให้นึกถึง “การรักตัวเอง”
- ให้กำลังใจและชื่นชมตัวเองอยู่เสมอ
- ใช้คำพูดดี ๆ ในบทสนทนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงตนเอง
- ให้รางวัลกับตนเอง แม้เป็นความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ รวมทั้งร่วมแบ่งปันให้ผู้อื่นร่วมยินดี รางวัลเหล่านั้นคืออะไรก็ได้ที่ทำให้เรารู้สึกดี
- มีช่วงเวลาสำหรับการผ่อนคลายและพักผ่อน โดยอาจวางแผนกำหนดเวลาไว้ล่วงหน้า
- ค้นหากิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบ แล้วลงมือทำ !
สุดท้าย อย่าลืมส่องกระจกและบอกรักตัวเองทุกวัน ด้วยรักและห่วงใยจาก Thai PBS Sci & Tech
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech