ภายหลังจากการที่การทดสอบจรวด H3 ของ JAXA ประสบความสำเร็จไปเรียบร้อย JAXA ไม่ได้นิ่งนอนใจกับราคาค่าบริการของจรวด H3 ที่ต้องต่อสู้กับสงครามราคาการขนส่งจากทั่วทุกมุมโลก เตรียมหั่นราคาการขนส่งลดครึ่งหนึ่ง เร่งศักยภาพอุตสาหกรรมจรวดญี่ปุ่น
จรวด H3 เป็นจรวดที่ผลิตขึ้นโดยบริษัท Mitsubishi Heavy Industry และ JAXA ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งศักยภาพของจรวด H3 นั้นอยู่ในกลุ่ม Medium-lift Launch Vehicle กลุ่มเดียวกับจรวด Falcon 9 ของ SpaceX, จรวด Ariane 6 ของ ArianeGroup และจรวด Vulcan Centaur ของ ULA ที่มีศักยภาพบรรทุกขนส่งไปยังวงโคจรต่ำรอบโลกที่ช่วงน้ำหนักประมาณ 20 ตัน
จากการปลดระวางการใช้งานจรวดตระกูล HII ภายในปี 2024 นี้ ทำให้ทาง JAXA และ Mitsubishi Heavy Industry ต้องเร่งมือพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถของจรวด H3 ให้ได้เร็วที่สุด อีกทั้งต้องหาวิธีการลดต้นทุนการผลิตเพื่อให้แข่งขันกับสงครามการขนส่งอวกาศที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ ซึ่งในตลอด 3 ภารกิจที่ผ่านมา ตัวจรวด H3 ใช้รูปแบบของจรวดหลักท่อนแรกเป็นเครื่องยนต์ LE-9 ทั้งหมด 2 ตัว และมีการติดตั้งจรวดเชื้อเพลิงแข็งขนาบสองข้างในการใช้งาน แต่เพื่อให้สามารถแข่งขันในด้านราคาได้ ทางญี่ปุ่นได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการติดตั้งเครื่องยนต์ LE-9 เป็น 3 ตัวเพื่อลดการพึ่งพาจรวดเชื้อเพลิงแข็งที่มีราคาสูงและเต็มไปด้วยข้อจำกัดมากมาย และคาดว่าในการพัฒนาครั้งนี้จะลดต้นทุนของจรวดลงได้ครึ่งหนึ่ง JAXA คาดว่าราคาการปล่อย H3 ได้แบบ 3 เครื่องยนต์จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 5 พันล้านเยน หรือ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,200 ล้านบาท ถูกกว่าค่าใช้จ่ายของการปล่อยกับจรวด Falcon 9 ประมาณครึ่งหนึ่ง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2,400 ล้านบาท
แต่ความท้าทายในการลดราคาต้นทุนการปล่อยของจรวด H3 นี้คือการที่ทาง Mitsubishi Heavy Industry ต้องติดตั้งให้จรวดท่อนแรกมีเครื่องยนต์จรวดทั้ง 3 เครื่อง ซึ่งองค์ความรู้นี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับจรวดจากทางญี่ปุ่น
การเพิ่มประสิทธิภาพของจรวดและลดต้นทุนการปล่อยในระดับนี้จะทำให้ญี่ปุ่นเข้ามาเป็นผู้เล่นรายสำคัญอีกรายหนึ่งของตลาดการขนส่งอวกาศหลังจากที่ SpaceX ได้ผูกขาดตลาดการขนส่งอวกาศจากการบริการจรวด Falcon 9 ซึ่งลดต้นทุนการปล่อยด้วยการนำจรวดกลับมาใช้งานซ้ำได้หลาย ๆ ครั้ง
ในอนาคตทาง JAXA ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการจรวดรุ่นนี้ให้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น และจะรองรับการปล่อยดาวเทียมแบบ Rideshare หรือการปล่อยดาวเทียมพร้อมกันหลาย ๆ ดวงจากหลาย ๆ บริษัทพร้อมกันด้วยจรวดเพียงเที่ยวบินเดียว ซึ่งการพัฒนาเครื่องยนต์และตัวจรวดให้มีความซับซ้อนที่น้อยลง จะช่วยลดต้นทุนการผลิตเครื่องยนต์จรวดพร้อมมอบศักยภาพเครื่องยนต์จรวดที่เพิ่มมากขึ้นได้
หากทางญี่ปุ่นสามารถลดต้นทุนจรวด H3 ได้จริง จรวดลำนี้จะเป็นจรวดในกลุ่ม Medium-lift Launch Vehicle ที่มีราคาถูกที่สุดและเป็นผู้เล่นรายสำคัญที่จะเข้ามาในอุตสาหกรรมการขนส่งอวกาศ
🎧 อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
ที่มาข้อมูล : spaceth
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech