สัตว์เลี้ยงขี้เหร่ สัตว์เลี้ยงที่ดูน่าเกลียด เคยสงสัยมั้ย ? เหตุใดจึงมีกลุ่มคนเลี้ยงที่ตกหลุมรักสัตว์ที่ส่วนใหญ่มองดูว่า “ขี้เหร่” ได้
ในทุกเดือนมิถุนายน ที่เมืองเปตาลูมา รัฐแคริฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จะมีการรวมตัวกันของกลุ่มคนรักสุนัขขี้เหร่จากทั่วโลก เพื่อร่วมประกวดแข่งขันหาสุนัขที่ขี้เหร่ที่สุดในโลก (World’s Ugliest Dog Contest) รูปของเหล่าสุนัขที่มีรูปลักษณ์ที่ดูขี้เหร่ ฟันยื่นผิดรูป ลิ้นห้อย จมูกแบน กลายเป็นกระแสที่พูดถึงไปทั่วโลก
ความแปลกของหน้าตาสัตว์เหล่านี้ ความรักที่เจ้าของมอบให้กับพวกมัน ชวนให้หลายคนสนใจ Thai PBS พาทุกคนไปสำรวจ ที่มาของสัตว์ขี้เหร่คืออะไร ? เพื่อค้นให้ถึงความเข้าใจว่า เหตุใดบางคนถึงชอบสัตว์ขี้เหร่เหล่านี้ ?
สัตว์น่ารัก น่าชัง ขี้เหร่ เปิดงานวิจัย เหตุใดผู้คนถึงหลงรัก ?
สัตว์เลี้ยงโดยทั่วไป มักเป็นสัตว์ที่ดูน่ารัก เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังนั้น ดร.คอนราด ลอเรนซ์ (Dr. Konrad Lorenz) นักสัตววิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ ให้คำอธิบายว่า มนุษย์นั้นจะมีความสนใจต่อสัตว์ที่มีตาโต หัวใหญ่และมีร่างกายที่ดูนิ่ม รูปหน้าที่เป็นทรงกลม นี่เป็นผลมาจากการวิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์
ทำให้มนุษย์รู้สึกเอ็นดู อยากปกป้องดูแล ลูกของมนุษย์เองที่มีลักษณะดังกล่าว รวมถึงลูกของสัตว์อื่น ๆ เรารู้สึกว่าน่ารักเช่นกัน มีคำเรียกความเอ็นดูเด็กทารกนี้ว่า “Kindchenschema” หรือ “Baby Schema”
มีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการมองเห็น “ความน่ารัก” เป็นสิ่งที่ฝังรากลึกและมีการพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ในช่วงวัยเด็กเล็ก โดยให้เด็กวัย 3 – 6 ขวบ ดูรูปของสัตว์ต่าง ๆ พบว่าเด็กเล็กมองไปยังสัตว์ที่ดูน่ารักกว่า และเมื่อทดลองให้คะแนนความน่ารัก ก็พบว่าสัตว์ที่มีลักษณะตาโต จมูกแบน เล็กและหน้าเป็นทรงกลม ได้คะแนนความน่ารักมากกว่า
แล้วกับสัตว์ขี้เหร่ละ เหตุใดผู้คนถึงรักและเลี้ยงดู ?
สัตว์ขี้เหร่ (Ugly) ตามความเข้าใจของมนุษย์ มักมีรูปลักษณ์ที่ดูผิดแปลก ทว่าแท้จริงแล้ว พวกมันมีรูปลักษณ์แบบนั้นเพื่อความอยู่รอด สัตว์อย่าง บล็อบฟิช (Blobfish) ปลาน้ำลึกที่ได้ฉายาว่าเป็นสัตว์ที่ขี้เหร่ที่สุดในโลก และหนูตุ่นเปลือย (Naked mole rat) สัตว์ที่มีฉายาว่าดูแปลกประหลาดที่สุดในโลก ต่างก็มีรูปลักษณ์มาจากการปรับตัว เพราะต่างอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่สุดขั้ว
สัตว์ขี้เหร่เหล่านี้ต่างมีรูปลักษณ์ที่ประหลาดมาจากการปรับตัว เพื่อใช้ชีวิตในธรรมชาติ พวกมันได้ประโยชน์จากระบบนิเวศที่พวกมันมีชีวิตอยู่ และไม่ได้ต้องการดึงดูดความสนใจจากสัตว์อื่นด้วยความน่ารักตามอย่างสัตว์อื่น ๆ ในธรรมชาติ เหตุนี้เองที่สัตว์ขี้เหร่จึงมักถูกมองข้ามไป เพราะธรรมชาติของพวกมันเองก็ไม่ต้องการดึงดูดความสนใจนัก
จากความต่างทั้งสองขั้ว นั่นคือ กลุ่มสัตว์น่ารักทำให้คนสนใจ และกลุ่มสัตว์ขี้เหร่ที่มีธรรมชาติไม่ดึงดูดผู้คน นำมาซึ่งปรากฏการณ์ที่ผู้คนนิยมเลี้ยงสัตว์ขี้เหร่กันมากขึ้น มันเกิดขึ้นจากอะไร ? คำตอบคือการผสม 2 สิ่งนี้เข้าด้วยกัน โดยมีปัจจัยหลักคือวัฒนธรรม จนเกิดเป็นแนวคิดของ “สัตว์น่ารักน่าชัง” หรือสัตว์ขี้เหร่แต่น่ารัก (Ugly-cute animal)
ดร. โรวีนา พาร์คเกอร์ (Rowena Parker) อาจารย์จากสถาบันวิทยาศาสตร์ด้านสวัสดิภาพและพฤติกรรมสัตว์เลี้ยง (Companion Animal Behaviour and Welfare Science) the Royal Veterinary College (RVC) มหาวิทยาลัยลอนดอน (University of London) มองปรากฎการณ์นี้ว่า สัตว์น่ารักน่าชัง (Ugly-cute animal) ถือเป็นแฟชั่นที่ส่วนหนึ่ง มีกระแสมาจากโซเชียลมีเดีย กลุ่มเซเลบในสังคม รวมถึงเหล่าอินฟลูเอนเซอร์
นอกจากนี้ ภาพสัตว์เลี้ยงที่น่ารักและดูแปลกตา มักจะเป็นที่สนใจของผู้คน ส่งผลให้เกิดกระแสการเลี้ยงดูสัตว์ขี้เหร่เหล่านี้ตามมา ด้านหนึ่งทำให้ผู้คนเปิดใจยอมรับ และสามารถรักสัตว์เลี้ยงที่อาจจะไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่ดูน่ารักตามอุดมคติมากขึ้น
ความรักที่ก้าวข้ามความน่ารักในอุดมคติ
ความน่ารักในอุดมคติ คือภายนอกที่ตามองเห็น ทว่าความน่ารักที่มองเห็นเพียงภาพนอก อาจไม่ใช่เพียงสิ่งเดียวที่เจ้าของมีให้ต่อสัตว์เลี้ยงของตัวเอง
มีผู้คนมากมายเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้น่ารัก หรือหน้าตาดีนัก แต่พวกเขาก็รักมันอย่างที่พวกมันเป็น และรักก่อนที่จะเกิดกระแสหรือเทรนด์ใด ๆ ขึ้นมา เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นที่การประกวดแข่งขันหาสุนัขที่ขี้เหร่ที่สุดในโลก ที่เริ่มต้นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1970
ท่ามกลางการแข่งขันหาสัตว์เลี้ยงหน้าตาดีที่เกิดขึ้นมากมาย ในคราวเดียวกัน การประกวดแข่งขันหาสุนัขที่ขี้เหร่ที่สุดในโลก ก็เป็นการแข่งขันที่เติบโตขึ้น และกลายเป็นการเฉลิมฉลองให้เหล่าสุนัขขี้เหร่ และความรักไร้ข้อแม้ที่มนุษย์มีให้กับสัตว์เลี้ยงคู่ใจ
เรื่องราวของเจ้า Wild Thang สุนัขพันธุ์ปักกิ่งอายุ 8 ปี ที่มีลิ้นห้อยออกมาตลอดเวลา พร้อมขนที่ดูกระเซอะกระเซิง ผู้เป็นแชมป์ของการแข่งขันสุนัขขี้เหร่ปีล่าสุด (2024) หลังเข้าร่วมการประกวดมาแล้วเป็นครั้งที่ 5 เรื่องราวของมัน บอกเล่าถึงความงดงามที่ซ้อนอยู่ภายใต้ความขี้เหร่นั้นได้เป็นอย่างดี
ในอดีต เจ้า Wild Thang เป็นสุนัขที่ได้รับการอุปการะมาจากสถานรับเลี้ยงสัตว์ ทว่าเกิดภาวะการติดเชื้อขึ้นในสถานสงเคราะห์สัตว์แห่งนั้น มีสุนัขมากมายที่ต้องจบชีวิต แต่เจ้า Wild Thang กลีบรอดชีวิตมาได้จากการรักษาโดยเจ้าของ แต่ผลข้างเคียงก็ทำให้ฟันจำนวนหนึ่งของมันไม่งอกออกมา เป็นสาเหตุที่ลิ้นของมันห้อยออกมาจากปากตลอดเวลา
Ann Lewis ผู้เป็นเจ้าของ Wild Thang เผยว่า ตลอดระยะหลายปีของการแข่งขันนั้น เต็มไปด้วยความสนุก Wild Thang ชอบผู้คน แม้มันจะขี้เหร่ แต่กลับชอบที่จะเป็นจุดสนใจ และสิ่งสำคัญมากกว่าก็คือการส่งสารที่สำคัญ นั่นคือ แม้สุนัขจะมีหน้าตาขี้เหร่ แต่มันก็ควรที่จะได้รับความรักและการอุปการะเลี้ยงดู
ด้านมืดของแฟชั่นสัตว์เลี้ยงน่ารักน่าชัง (หากมากเกินเลย)
ในแวดวงสัตว์แพทย์มีข้อกังวลถึงเทรนด์การเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ที่น่ารักจนเกินจริง หรือสัตว์ที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงเพื่อให้มีรูปร่างตรงตามที่คนต้องการ เช่น บลูด๊อกที่จมูกสั้นลง แมวที่ตัวเล็กกว่าปกติ สุนัขตัวเท่ากระเป๋า รวมถึงสัตว์ที่มีหนังเหี่ยวย่นกว่าปกติ
ดร. โรวีนา เผยถึงข้อกังวลดังกล่าว ที่เริ่มเป็นแฟชั่นในกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ ซึ่งนำไปสู่การผสมพันธุ์สัตว์จนเกิดสัตว์ที่ไม่แข็งแรง มีปัญหาด้านการหายใจ และอายุขัยอาจสั้นลงเรื่อย ๆ ลักษณะที่ดูขี้เหร่แต่เป็นจุดเด่นเหล่านี้ บางครั้งสะท้อนถึงความผิดปกติของสุขภาพสัตว์ด้วยเช่นกัน
สัตว์ขี้เหร่ สัตว์น่ารัก อาจขึ้นอยู่กับการมองของแต่ละคน ทว่าท้ายที่สุดแล้วการมอบความรักอย่างไร้เงื่อนไข ยังคงเป็นคุณค่าที่สำคัญหนึ่งที่ทำให้ผู้คนรักในสิ่งที่แตกต่างกันได้ นี่เองคือสิ่งสวยงามที่อยู่ภายใต้ความขี้เหร่เหล่านั้น
อ้างอิง
ทำไมเราจึงรักสัตว์ที่หน้าตาดูน่าเกลียด
Meet Wild Thang, crowned the World’s Ugliest Dog after 5 tries
Ugliest Dog Day – June 20, 2025
Why Are the Babies of Mammals Cute?
Baby schema in human and animal faces induces cuteness perception and gaze allocation in children