เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2566 1 วันหลังทำเนียบขาวออกมาสนับสนุนร่างกฎหมายที่ยื่นเสนอโดยวุฒิสมาชิกจาก พรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถออกคำสั่งห้ามใช้เทคโนโลยี ที่กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่ามีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติในสหรัฐฯ
TikTok แอปลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ ของ ByteDance บริษัทเทคโนโลยีจากจีน เร่งสร้างความเชื่อมั่น โดยประกาศโครงการ Project Clover ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกับบริษัทด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้งาน TikTok ในยุโรป
ข้อมูลของผู้ใช้งาน TikTok ในยุโรป จะถูกเก็บไว้ที่ศูนย์ข้อมูล 2 แห่ง คือ ดับลิน และ นอร์เวย ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป แทนการเก็บข้อมูลที่สิงคโปร์และสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้
มาตรการดังกล่าว มีขึ้นเพื่อสร้างความั่นใจให้กับผู้ใช้งานในยุโรป หลังจากมีกระแสความกังวลต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวในกลุ่มประเทศตะวันตก ขณะนี้ TikTok เผชิญคำสั่งห้ามใช้ในอุปกรณ์สื่อสารของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และแคนาดา
ด้านสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะใช้มาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น ต่อแอปพลิเคชัน TikTok ที่ถูกนำไปโยงกับการควบคุมโดยรัฐบาลจีน
ทำเนียบขาวออกมาสนับสนุนร่างกฎหมายที่ยื่นเสนอโดยวุฒิสมาชิกของทั้ง 2 พรรค ให้สิทธิกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ควบคุมและห้ามใช้งานสินค้าเทคโนโลยี ที่มองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ
ในการตั้งกระทู้ถามของวุฒิสมาชิก แอปพลิเคชัน TikTok ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุย โดยผู้อำนวยการ FBI แสดงความกังวลว่า TikTok ส่งผลต่อความมั่นคงสหรัฐฯ ทั้งเรื่องการเข้าถึงข้อมูล และการสร้างแนวคิดแตกแยกในสังคม
ปัจจุบัน ในสหรัฐฯ มีผู้ใช้งาน TikTok มากกว่า 100 ล้านบัญชี ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ออกกฎหมาย ห้ามใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok บนอุปกรณ์ของภาครัฐ
แต่หาก ร่างกฎหมาย RESTRICT Act ที่มีเป้าหมายเพื่อจำกัดภัยคุกคามด้านเทคโนโลยีจากต่างชาติ ผ่านการพิจารณา จะเปิดทางให้รัฐบาลสหรัฐฯ ควบคุมและห้ามการใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok ทั่วสหรัฐฯ
ด้านผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ประเมินว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก หากสหรัฐฯ จะห้ามการใช้งานแอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้งานมหาศาลอย่าง TikTok รวมไปถึงแนวโน้มที่ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวจะขัดต่อสิทธิตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ
ผู้ใช้งาน TikTok ในสหรัฐฯ มองว่าแอปพลิเคชันนี้มีประโยชน์มากกว่าเป็นเพียงสื่อสังคมออนไลน์ แต่สามารถใช้เป็นช่องทางหารายได้ ไปจนถึงแพลตฟอร์มเพื่อการพูดคุยของกลุ่มคนต่างๆ และแลกเปลี่ยนเรื่องราวซึ่งกันและกัน
อ่านข่าวต่างประเทศเพิ่ม :