วันนี้ (14 มี.ค.2568) บุคคลสัญชาติจีน 375 คน จากทั้งหมด 825 คน เป็นชาวจีนกลุ่มที่ 3 ที่ถูกส่งตัวมาจากเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 มายังไทย เพื่อเดินทางกลับประเทศ ในช่วง 2 วันนี้ ตามข้อตกลงระหว่างประเทศไทย จีน และเมียนมา ทั้งหมดจะเข้าสู่ขั้นตอนการถูกปฏิเสธเข้าเมือง และผลักดันกลับประเทศ โดย ตม.จะทำบันทึกอัตลักษณ์บุคคล และขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศไทย
ชาวจีนกลุ่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งของชาวต่างชาติ กว่า 7,000 คน ที่กองกำลัง บีจีเอฟ. ให้การช่วยเหลือ หลังมีปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการคอลเซนเตอร์ ที่ผ่านมา และได้ส่งกลับประเทศต้นทางไปแล้ว 4,000 คน เหลือผู้ที่รอเดินทางกว่า 3,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน รองลงมา คือ เวียดนาม และอินโดนีเซีย
พ.ท.นายหม่องโซ โฆษกกองกำลังบีจีเอฟ ระบุว่า ในการดูแลชาวต่างชาตินั้น บีจีเอฟต้องใช้งบประมาณวันละ 2,000,000 บาท ที่ผ่านมากว่า 1 เดือน ได้ใช้เงินไปแล้วกว่า 70,000,000 บาท โดยยืนยันว่าการกวาดล้างจะยังคงทำต่อไปจนกว่าขบวนการคอลเซนเตอร์ เมืองชเวโก๊กโก่ และ k k Park จะหมดไป
นอกจากนี้ จะพัฒนาเมืองดังกล่าวตามวัตถุประสงค์เดิม คือ การเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์สำหรับนักท่องเที่ยว โดยจะป้องกันไม่ให้เกิดกระบวนการคอลเซนเตอร์ในพื้นที่อีก ซึ่งอาจจัดทำสถานที่ไม่ให้มีห้องลับ และ ทางเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบได้
พ.ท.นายหม่องโซ กล่าวว่า ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ ร้อยละ 98 เดินทางผ่านไทยเข้ามาในพื้นที่ด้วยการลักลอบเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติ และยืนยันว่าที่ผ่านมามีการประสานการร่วมมือในการกวาดล้างคอลเซ็นเตอร์กับฝั่งไทยมาโดยตลอด และ ขอให้รัฐบาลไทย เห็นใจชาวเมียนมาที่กำลังประสบปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง และ ไฟฟ้าอยู่ในขณะนี้
อ่านข่าว : DSI แจงคดี "อดีต ผกก.โจ้" ตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ไม่เข้าเป็นคดีพิเศษ
รอง ผบก.น.2 เผยผลจำลองเหตุอดีต ผกก.โจ้ เชื่อจบชีวิตด้วยตัวเอง
"จิราพร" เตรียมให้ปชช. แจ้งเบาะแส "บุหรี่ไฟฟ้า" ผ่าน "แอปฯทางรัฐ"