ข้อมูลของสภาธุรกิจไทย-ลาว ระบุว่า ตั้งแต่ลาวเปิดประเทศ ในวันที่ 9 พ.ค.-31 ก.ค.2565 มีนักท่องเที่ยวไทย-ลาว ข้ามไปมาระหว่างกัน อยู่ที่ฝ่ายละ 250,000 คน รวมแล้ว 500,000 คน โดยคาดการณ์ว่า จะมีเม็ดเงินสะพัดมากกว่า 800 ล้านบาท
ขณะที่จีน-ลาว ต้องเพิ่มเที่ยวรถไฟจาก 2 เที่ยวเป็น 3 เที่ยวในวันธรรมดา และเป็น 4 เที่ยวในวันหยุด รวมถึงเพิ่มการจำหน่ายตั๋วยืนเพื่อรองรับ ซึ่งหากจีนคลายล็อกในเดือน ต.ค.นี้ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ก็คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ช่วงที่วันหยุดยาวของไทยที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปเที่ยวลาว โดยใช้เส้นทางรถไฟมากขึ้นจากช่วงปกติทั่วไปถึงเท่าตัว ทำให้รถไฟจีน-ลาวมีการเพิ่มโบกี้รถไฟชั้น 2 จาก 8 โบกี้เป็น 16 โบกี้ ให้เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสารที่จองที่นั่งไว้ ซึ่งโบกี้ชั้น 2 หนึ่งโบกี้นั่งได้ 94 คน
ข้อมูลจากบริษัทนำเที่ยวใน จ.หนองคาย ที่ให้บริการนำเที่ยวในลาว พบว่า โดยเฉลี่ยจะมีนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 100 คนต่อวัน แต่ในช่วงวันหยุดยาวจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
เนื่องจากการเดินทางไปเที่ยวลาวสะดวกสบายมากขึ้น ขั้นตอนต่างๆ น้อยลงโดยมีพาสปอร์ต และมีใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็ม ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวลาวโดยใช้เส้นทางรถไฟจีน-ลาวได้
ส่วนปัญหาเงินเฟ้อในลาว ทำให้รัฐบาลลาวออกหลายมาตรการเพื่อแก้ปัญหา โดยเฉพาะมาตรการเข้มงวดร้านแลกเปลี่ยนเงินตรา ก่อนหน้านี้เงินกีบของลาวประมาณ 26,000 กีบ เท่ากับเงินไทย 100 บาท แต่ล่าสุดวันนี้ (17 ก.ย.) เงินไทย 100 บาทจะแลกเงินลาวได้ 49,800 กีบ
เงินกีบที่อ่อนค่าลงกว่า 70% ทำให้การหาแลกเงินบาทในลาวทำได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นร้านแลกเปลี่ยนเงิน หรือเคาน์เตอร์ธนาคารพาณิชย์ หรือหากนักท่องเที่ยวลาวจะมาเที่ยวไทยในช่วงนี้ ก็ถือว่าต้องใช้เงินกีบมากขึ้น จนทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลาวมาไทยลดลง
อ่านข่าวอื่นๆ
นั่งรถไฟจีน-ลาวเที่ยว "วังเวียง-หลวงพระบาง"
เตรียมสร้างสะพานรถไฟแห่งใหม่ไทย-ลาว-จีน รองรับขนส่งทางราง