วันนี้ (21 มิ.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากปัญหาราคาผลผลิตข้าวโพดราคาตก ไทยพีบีเอสตรวจสอบต้นทุนการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยนางศรีสุดา ยอดหล้า ชาวบ้านตาลชุม ต.ตาลชุม อ.ท่าวังผา จ.น่าน บอกถึงตุนทุนเบื้องต้น โดยพบว่ามีปุ่ยบำรุงต้น ถุงละ 600-700 บาท จำนวน 3 ถุงต่อไร่ เป็นเงิน 2,000 บาท เป็นหนึ่งในต้นทุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของ
นอกจากปุ๋ยแล้ว ยังต้องจ่ายค่าเมล็ดพันธุ์ 600 บาท ค่าสารเคมีกำจัดศัตรูพืช 1,000 บาท รวมทั้งค่าจ้างแรงงานในการไถปรับพื้นที่ก่อนปลูก และเก็บเกี่ยวอีก 300-600 บาท เมื่อรวมทั้งหมด จึงมีต้นทุนในการปลูกข้างโพด ประมาณ 4,000-5,000 บาทต่อไร่
นางศรีสุดา เปิดเผยว่า หากราคาข้าวโพด ที่พ่อค้าในชุมชนรับซื้อ ยังอยู่ที่กิโลกรัมละ 5-6 บาท เชื่อว่าจะยังมีกำไรเหลือ แต่การที่โรงงานผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ หยุดรับซื้อข้าวโพดชั่วคราว ทำให้เริ่มกังวลว่าปัญหาผลผลิตตกต่ำ จะเกิดขึ้นซ้ำรอยกับพืชผลอีกหลายชนิดที่ได้ปลูกไว้
ขณะที่ผู้ปลูกข้าวโพดใน อ.แม่สอด จ.ตาก ระบุว่า หากต้องการให้ผลผลิตมีคุณภาพ ก็ต้องยอมจ่ายเงินซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ราคาที่สูงกว่าเมล็ดพันธุ์ทั่วไป 2-3 เท่าตัว แต่ยังคงต้องแบกรับความเสี่ยงจากภัยพิบัติต่างๆ ส่วนกรณีโรงงานผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ จะหยุดรับซื้อข้าวโพด และมีความพยายามนำเข้าข้าวสาลี และข้าวบาเลย์มาทดแทน เกษตรกรหลายคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เห็นด้วย
เกษตรกรใน อ.แม่สอด ยังให้ข้อมูลอีกว่า แม้บางส่วนจะเป็นสมาชิกของสหกรณ์ โดยซื้อเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยา และขายผลผลิตให้สหกรณ์ แต่ผลผลิตทั้งหมด สุดท้ายก็ยังมีปลายทางที่โรงงานผลิตอาหารสัตว์อยู่ดี จึงเรียกร้องรัฐบาลหาทางช่วยเหลือ หากสถานการณ์ราคาข้าวโพดมีแนวโน้มลดต่ำลงในอนาคต