สัญญากับลูก ถ้าแม่หาลูกไม่เจอ แม่จะไม่มาเหยียบเกาะพีพีอีกแล้ว
กว่า 1 ปี ที่ นางอีซา ทองเกิด ตามหาร่างของลูกและคนในครอบครัว อีก 6 ชีวิต ที่สูญหายไปหลัง คลื่นยักษ์สึนามิถล่มเกาะพีพี จ.กระบี่ เมื่อ 20 ปีก่อน เธอต้องตรวจดีเอ็นเอถึง 5 ครั้ง และตามหาในทุก ๆ ที่ที่มีการลำเลียงศพมาตรวจอัตลักษณ์ จนในที่สุดก็พบร่างที่ไร้ลมหายใจของลูก หลาน และคนในครอบครัวทั้งหมด 7 คน
วันนี้นางอีซา จึงกลับมารับซื้อปลา เพื่อนำมาขายต่อให้ร้านต่าง ๆ บนเกาะอีกครั้ง กับฝันร้ายที่ไม่เคยจางหายไป
“พอคิดขึ้นมาในหัวถึงเหตุการณ์นี้ ก็ยังคิดถึงลูก โดยเฉพาะในวันครบรอบ ที่เขามีการจัดงานรำลึกกัน ก็ไม่เคยไปร่วม เพราะทำใจไม่ได้ แต่ส่งของไปร่วมทำบุญในงานทุกครั้ง โดยเฉพาะนม เพราะ 3 ใน 7 คนที่ตายจากเหตุครั้งนี้คือ หลานที่ยังอายุน้อย” นางอีซากล่าว
รอดชีวิตมาได้เพราะถุงดำ
ถ้าผมไม่มีถุงดำ ผมตายแน่ เพราะน้ำซัดถุงดำ มาดันที่ท้อง ทำให้ตัวผมลอยขึ้นจนไปชนหลังคาบ้านใครก็ไม่รู้ ผมจึงพยายามคลานขึ้นไปบนหลังคาที่ลอยเหนือน้ำเพราะคลื่นที่หนุนสูง 2-3 เมตร ผมเกาะอยู่อย่างนั้นเป็นครึ่งชั่วโมง ในใจก็คิดว่าผมไม่รอดแน่ แต่ผมก็รอด ตอนน้ำลด ผมเห็นศพจนเกลื่อนหาดที่หนีไม่พ้นคลื่นยักษ์
นายวัน เม๊งเอียด เล่าย้อนถึงวินาที่ที่เอาชีวิตรอดมาได้ราวปาฎิหารย์ เพราะตัวเขาทำงานอยู่หน้าหาด ที่ที่คลื่นยักษ์สึนามิพัดเขาฝั่ง แต่ปาฎิหาริย์นี้ กลับไม่เกิดขึ้นกับหลานวัยขวบเศษของเขา ที่เสียชีวิตบริเวณบ่อบำบัดน้ำเสียที่อยู่กลางเกาะ เป็นความสูญเสียที่ยังเจ็บปวดมาจนถึงทุกวันนี้
ความสูญเสียนี้ยังเกิดขึ้นกับนางจะเสาะ ฝั่งฝา หลังสามีจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ไปกับคลื่นยักษ์ เธอเล่าว่า วันเกิดเหตุเธอนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยการอาการป่วยบนฝั่ง ทันทีทราบว่ามีคลื่นยักษ์เธอพยายามติดต่อกลับมายังสามี แต่ก็ติดต่อไม่ได้ จนเพื่อนของสามีโทรกลับมาแจ้งว่า ได้ช่วยสามีขึ้นเหนือน้ำมาแล้ว แต่เพียงแค่ 1 วัน สามีก็หมดลมหายใจ เพราะบาดเจ็บสาหัส
“ตอนนั้นดีใจมากที่ทราบข่าวว่า มีคนช่วยสามารถได้แล้ว โดยไม่รู้เลยว่า หลังจากนั้นอีก 1 วัน สามีจะเสียชีวิต และก็ไม่มีใครกล้าบอกเรา เพราะกลัวเราจะอาการทรุด แต่ความเป็นห่วงสามีมาก จึงขอหมอออกจากโรงพยาบาลก่อน และกลับมาที่เกาะใน 4 วัน ให้หลัง เมื่อมาถึงก็ทราบว่า สามีเสียชีวิตแล้ว เพราะบาดเจ็บหนัก และไม่สามารถเคลื่อนย้ายมารักษาตัวบนฝั่งได้ทันที เนื่องจากไม่มีเรือ และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก” นางจะเสาะ กล่าวทั้งน้ำตา
20 ปี กับความหวาดกลัวที่ยังหลงเหลือ
วันนี้ครอบครัวผู้สูญเสีย และผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิ ส่วนใหญ่บนเกาะพีพี ได้ขึ้นมาอาศัยในบ้านที่มูลนิธิศุภนิมิต สร้างให้บนภูเขาสูงกลางเกาะ หลายคนบอกว่า ฝันร้ายในครั้งนั้น ทำให้ไม่กล้ากลับไปอยู่พื้นที่ริมหาดอีกต่อไป หลายคนจึงกลับไปทำงานด้านล่าง แค่ช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายก็จะกลับมาอาศัยในบ้านบนเขา พร้อม ๆ กับความทรงจำที่ยังฝั่งตรึงในใจของหลายคน
วางพวงมาลาสแตนเลสในอนุสรณ์สถานใต้น้ำ รำลึก 20 ปี สึนามิ
วันนี้ ครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์สึนามิ ที่เกาะพีพี ได้มีการจัดงาน ที่ลานปาฏิมากรรมปลาใบ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ภายในงานมีการนำภาพถ่ายของผู้เสียชีวิตบางคน มาให้ผู้เข้าร่วมงานวางดอกกุหลาบสีขาวเพื่อไว้อาลัย ซึ่งบางคนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เพราะบนเกาะพีพี มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้มากถึง 722 คน และสูญหาย อีก 587 คน
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมทางศาสนาทั้งศาสนาอิสลาม คริสต์ และศาสนาพุทธ เพื่อทำบุญให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ พร้อมกับการยืนสงบนิ่งไว้อาลัย โดยมีครอบครัวผู้สูญเสีย ผู้รอดชีวิตและผู้ประกอบการบนเกาะจำนวนมากเข้าร่วม
หลังจากนั้น กลุ่มพิทักษ์พีพี ซึ่งมีนักดำน้ำทั้งชาวและชาวต่างชาติได้นำพวงมาลาสแตนเลส และดอกไม้ เพื่อนำไปวางในอนุสรณ์สถานใต้น้ำ ไว้อาลัยให้แก่ผู้วายชนม์ด้วย
หลายคนบอกว่า แม้จะผ่านมากว่า 20 ปีแล้วแต่เหตุการณ์สึนามิยังคงอยู่ในความทรงจำของหลายคน และ ความสูญเสียในครั้งนั้นยังให้บทเรียน ว่าภัยพิบัติสามารถเกิดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจึงมีความจำเป็นที่ทุกคนจะต้องมีการเตรียมพร้อมรับมือกับธรรมชาติ
เรียบเรียง : ติชิลา พุทธสาระพันธ์ ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคใต้
อ่านข่าว : "สึนามิ" 20 ปี บาดแผลแห่งการสูญเสีย ความทรงจำที่ไม่เคยลืม
10 ฉายาตำรวจ บิ๊กต่าย “กัปตันเรือกู้” - สารวัตรแจ๊ะติดโผ “อย่าเล่นกับระบบแจ๊ะ”
สิ้น "พล.ต.ประพาศ ศกุนตนาค" เจ้าของเสียง โปรดฟังอีกครั้ง