ในการปาฐกถาในหัวข้อ "เรื่องนโยบายเศรษฐกิจและทิศทางประเทศไทย" วานนี้ (27 ส.ค.2558) เป็นครั้งเเรกหลังจากที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ รับตำเเหน่งอย่างเป็นทางการ โดยมั่นใจว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในเวลานี้จะไม่นำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจเหมือนปี 2540 แต่ภาวะซบเซาที่เกิดขึ้นเกิดจากกำลังซื้อถดถอยเพราะขาดความเชื่อมั่น โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย จึงเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับผู้มีรายได้น้อยเเละผู้ประกอบการ SME เเละหากสามารถฟื้นความเชื่อมั่นระยะสั้นกลับมาได้จะเร่งปรับปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทย โดยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและลดพึ่งพาต่างประเทศ ทั้งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านกลไกผู้ว่าราชการจังหวัด เช่น ฟื้นโครงการ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ หรือโอท็อป และจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นหลังเตรียมจัดเขตเศรษฐกิจพิเศษเฉพาะสินค้า เช่น เขตเศรษฐกิจสำหรับยางพารา จัดกลุ่มอุตสาหกรรมหรือคลัสเตอร์แนวใหม่ สร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่ สนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแบบร่วมภาครัฐและเอกชนหรือพีพีพี ตลอดจนปฏิรูประบบงบประมาณและการศึกษา โดยไม่มุ่งหวังสร้างตัวเลขทางเศรษฐกิจเหมือนในอดีต
"ผมไม่เคยพูดแม้แต่คำเดียวว่า GDP ต้องเป็นแค่นี้ GDP ต้องเป็นแค่นั้น นักข่าวเลิกถามผมได้ เพราะ GDP นั้นเป็นปลายเหตุไม่ใช่ต้นเหตุ ถ้าพื้นฐานดี ความมั่นใจมี ลงทุนดี ช่วยกันกำกับพัฒนาไป GDP จะค่อยๆดีขึ้น บางประเทศในอดีตที่ล้มเหลวเป็นเพราะทุกอย่างต้องตาม GDP เฉพาะหน้า" นายสมคิดกล่าว
ขณะที่ตัวแทนเอกชน ทั้งจากสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ผลัดกันเสนอความเห็นให้รัฐบาลพิจารณา เช่น การปรับปรุงโครงสร้างภาษีผู้ประกอบการ SME การลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร และระบบการเงินให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นต้น
สภาอุตฯ ชี้รัฐบาลมุ่งแก้ปัญหาคนรายได้น้อย สร้างความเชื่อมั่นภาคเอกชน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่าภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นนโยบายเศรษฐกิจจของรัฐบาลมากขึ้น ที่มุ่งแก้ไขปัญหาช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยก่อน รวมทั้งกลุ่มเกษตรกรที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ หากทำให้ 2 กลุ่ม มีรายได้เพิ่มจะส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น พร้อมชี้ว่ามาตรการนี้จะเห็นผลชัดจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในอีก 2 เดือนข้างหน้า
"ปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นเรื่องสำคัญ เวลานี้คนในประเทศมีรายได้น้อยลง จะทำอย่างไรให้มีรายได้มากขึ้น เงินคงคลังเรายังสูง หนี้สาธารณะเราต่ำ สิ่งที่ยังไม่ควรจะเป็นห่วงมากคือตัวเลขการส่งออก แต่สิ่งที่ควรจะเป็นห่วงคือคนที่มีรายได้น้อย ในระยะสั้นควรแก้ไขตรงนี้ก่อน การที่รัฐบาลมุ่งแก้ไขเรื่องนี้จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนมากขึ้น" นายสุพันธ์ กล่าว
สภาหอการค้าหนุนรัฐปลดล็อคอุปสรรคด้านกฎหมาย
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่าภาคเอกชนเชื่อว่านโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการจัดกลุ่มอุตสาหกรรมหรือคลัสเตอร์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมชี้ว่าเอกชนต้องการให้รัฐบาลปลดล็อกระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรค โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออก
สมาคมธนาคารไทย คาดเห็นผลใน 3-4 เดือน
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่านายสมคิดได้ชี้ให้เห็นจุดแข็งของประเทศ โดยเฉพาะการที่ไทยเป็นศูนย์กลางของ AEC รวมทั้งภาคเอกชนและระบบธนาคารที่เข้มแข็ง สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ และเป็นการส่งสัญญาณในทิศทางที่ชัดขึ้นในการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน คาดเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนใน 3-4 เดือน นับจากนี้