ชาวนาพระนครศรีอยุธยารอรัฐบาลแก้ปัญหาน้ำ แนะแล้งหน้าจัดสรรให้เท่าเทียม-ต้นกลางปลาย
นิตยา กีรติเสริมสิน ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานจาก อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยาว่า ชาวนาในจ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงเฝ้าติดตามท่าทีรัฐบาลว่าจะมีความชัดเจนในการพิจารณาทบทวนปล่อยน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรที่มีความจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้นาข้าวในหลายพื้นที่เริ่มตั้งท้องและออกรวง หากขาดน้ำ ข้าวอาจจะยืนต้นตายหรือเมล็ดข้าวลีบได้
วันนี้ (21 ก.ค.2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในนาข้าวที่กำลังออกรวงใน ต.มารวิชัย อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอีกประมาณ 10 วันจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ แต่ชาวนาบอกว่าต้องการน้ำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อให้นาข้าวรอดตายได้ ชาวนาหลายคนบอกว่าต้องการนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐบาลในการสูบน้ำเข้ามาช่วยเหลือนาข้าว แม้จะเหลือน้ำบางส่วนในลำคลองที่กักเก็บไว้พอเลี้ยงต้นข้าวก่อนรัฐบาลมีมติประกาศให้ยุติการสูบน้ำจากเขื่อนหลักเพื่อใช้ในการเกษตร แต่ชาวนาระบุว่าสามารถใช้เลี้ยงต้นข้าวได้ไม่เกินอีก 3 วัน
การที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เสนอที่ประชุมบูรณาการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ 22 จังหวัดภาคกลางเพื่อให้รัฐบาลพิจารณาปล่อยน้ำช่วยเหลือชาวนาในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.บางซ้าย, อ.ผักไห่ และ อ.เสนา เป็นการเร่งด่วน เนื่องจากนาข้าวกว่า 200,000 ไร่ กำลังตั้งท้อง และเหลือเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ จึงเป็นความหวังของชาวนาที่จะสามารถดูแลต้นข้าวที่กำลังตั้งท้อง และออกรวงให้อยู่รอด และสามารถเก็บเกี่ยวได้
ขณะที่เครื่องสูบน้ำ 5 เครื่อง ที่ตั้งอยู่ริมคลองลาดชะโด บริเวณหมู่ 1 ต.จักรราช อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา กำลังเร่งสูบน้ำเข้าคลองลาดชิด เพื่อใช้ในการอุปโภค บริโภค และเตรียมไว้การเกษตร ซึ่งชาวนาใน ต.จักรราช ต.ลาดชิด และ ต.ลำตะเคียนบอกว่า หากรัฐบาลมีมติพิจารณาช่วยเหลือชาวนาเป็นการเร่งด่วน จะเร่งสูบน้ำเข้านาที่มีพื้นที่รวมกว่า 5,000 ไร่ ทันที
ด้านชาวนาใน ต.โคกช้าง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ทำนากว่า 200 ไร่ ขณะนี้กำลังสูบน้ำจากแม่น้ำน้อย จำนวน 5 ทอดเพื่อเข้านา พร้อมทั้งเสนอว่า การบริหารจัดการน้ำในหน้าแล้งครั้งหน้า รัฐบาลควรวางแผนจัดสรรผู้ใช้น้ำตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้เท่าเทียมกัน โดยแบ่งตามความจำเป็นของผู้ใช้น้ำในภาวะน้ำน้อย ว่าจุดไหนสำคัญ และจุดไหนไม่จำเป็น ไม่ใช่ประกาศ 1 พฤษภาคม ทำพร้อมกันหมดก็จะทำให้เกิดการแย่งชิงน้ำอย่างในปัจจุบัน
ปัจจุบัน พื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ มีพื้นที่ชลประทานกว่า 160,000 ไร่ ปลูกข้าวในช่วงหน้าแล้งไปแล้วกว่า 140,000 ไร่ ขณะนี้มีข้าวที่ตั้งท้องในพื้นที่ 68,000 ไร่ ที่กำลังรอน้ำเข้าสู่แปลงนาเพื่อไม่ให้ยืนต้นตาย
นอกจากนาข้าวที่กำลังตั้งท้องเพื่อรอความหวังให้รัฐบาลนั้นมีมติในการช่วยเร่งนำน้ำเข้ามาสู่แปลงนาแล้ว ขณะนี้ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโครงการผักไห่ ยืนยันว่าจะมีการระบายน้ำมาช่วยในเรื่องของการประปาอยู่ประมาณ 7 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งน้ำในขณะนั้นก็อาจจะช่วยได้ในเรื่องของการประปา ส่วนชาวนานั้นก็ยังรอความหวังจากรัฐบาลอยู่