วันนี้ (25 เม.ย.68) นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.พรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการเข้ามาของทุนจีน ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า จากที่ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง มีเพียงนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม มาชี้แจง โดยในที่ประชุมได้พูดถึงการลงทุนศูนย์เหรียญในประเทศไทย โดยเฉพาะใน จ.ระยอง เป็นหลัก เพราะเกี่ยวข้องกับธุรกิจศูนย์เหรียญที่กำลังเป็นผลกระทบอยู่ ทั้งการจ้าง การผลิตสินค้าไม่ได้คุณภาพ
ส่วนเรื่องกากสารเคมีที่มีการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ มาไว้ใน จ.ระยอง ซึ่งเราได้ถามไปว่า มีการลักลอบจริงหรือไม่ รวมถึงกรณีโรงงาน ซิน เคอ หยวน ที่ตนไปพบว่า มีการขนฝุ่นแดงออกมาจากโรงงาน ซึ่งทางรัฐมนตรีได้ส่งทีมไปตรวจสอบ
โดยรัฐมนตรีแจ้งว่า ต่อให้คำนวณอย่างไรก็ตาม ถ้าเอาฝุ่นแดงทั้งหมดที่มีการผลิต ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย ที่ถูกปิดโรงงาน ยังไงก็ไม่เกิน 50,000 ตัน แต่ปรากฏว่าฝุ่นแดงที่เก็บไว้ และสำแดงตามเอกสารคือ 2,000 ตัน ปรากฏว่า พบจริง มีจำนวนถึง 60,000 ตัน จึงมีข้อสงสัยว่า มีการลักลอบนำเข้าฝุ่นแดงมาเก็บหรือไม่
ทั้งนี้ รมว.อุตสาหกรรม ได้แจ้งให้กรรมาธิการช่วยตรวจสอบว่า การลักลอบนำเข้าฝุ่นแดงมีอยู่ตรงไหนบ้าง ซึ่งทางกรรมาธิการก็รับไว้ อย่างไรก็ตามในตัวฝุ่นแดง มีข้อสันนิษฐานว่า ราคาต่อตันสูงมาก จึงมีการนำมาใช้มาเป็นหน่วยการแลกเปลี่ยน ในการซื้อขายสินค้าอะไรบางอย่างหรือไม่ ซึ่งทางกรรมาธิการก็ติดตามในประเด็นนี้
ส่วนเรื่องการส่งเสริมการลงทุน ที่ทางบีโอไอเปิดให้นักลงทุนประเทศต่าง ๆ เข้ามานั้น ซึ่งทางกรรมาธิการได้สอบถามว่า มีความยากแค่ไหน ที่จะยกเลิกกับนักลงทุนที่ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งทางบีโอไอแจ้งว่า การยกเลิกบีโอไอ ต้องให้หน่วยงานเสนอการยกเลิกมาจากหน่วยงานต้นทาง
ถ้าเป็นปัญหาเรื่องการละเมิดสิ่งแวดล้อม ก็ต้องให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แจ้งมา ว่ามีการละเมิดกฎหมาย หรือถ้ามีการละเมิดมาตรฐานอุตสาหกรรม ก็ให้กระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งมา ซึ่งในกรรมาธิการได้สอบถามว่า นอกจากเชิญมาลงทุนแล้วได้มีการตรวจสอบส่วนอื่นหรือไม่ ทางบีโอไอ ยืนยันว่า ได้มีการตรวจสอบ แต่ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนจากบีโอไอเกี่ยวกับการตรวจสอบบ่อยแค่ไหน
ส่วนเรื่องการยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ของโรงงาน ทาง รมว.อุตสาหกรรม ยืนยันว่า การยกเลิก มอก. ของโรงงานจีนที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่ใช่เรื่องที่ยาก หากพบความผิดจริงก็ไม่มีการละเว้น และจะมีการดำเนินคดีทางปกครองและอาญา
นอกจากนั้น สส. ระยอง ยังได้ฝาก นายเอกนัฏให้ดูเรื่องการเข้ามาของโรงงานจีน ซึ่งนายเอกนัฏชี้แจงว่า จะส่งทีมสุดซอยไปร่วมปฏิบัติงาน ซึ่งล่าสุดจะเชิญทีมของรัฐมนตรีไปร่วมลงพื้นที่ ที่ จ.ระยอง ในวันที่ 6 พ.ค.นี้ โดยจะลงพื้นที่ร่วมกับ กมธ.ความมั่นคงฯ
โดยจะมีการไปดูการก่อสร้าง โรงงานซิน เคอ หยวน ที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ที่เคยถูกระงับก่อสร้าง แต่มีการลักลอบสร้างจนเสร็จ ทั้งที่ทางจังหวัดไม่ได้อนุญาต ดังนั้นเราจึงต้องเข้าไปตรวจสอบ นอกจากนั้น นายเอกนัฏยังขอให้กรรมาธิการฯ ช่วยผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.จัดการกากอุตสาหกรรม ที่จะเข้าสู่สภาฯ ด้วย
ด้าน นายชุติพงศ์ อ้างอิงข้อมูลการจัดหางานจังหวัดระยอง ตัวเลขการจ้างงานคนจีน ซึ่งมีข้อสันนิษฐานว่า รายงานคนจีนใน จ.ระยอง และชลบุรี เบื้องต้นคาดว่า มีประมาณ 20,000 คน (คำนวณมาจากการคำนวณจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คำนวณจากที่พัก) แต่การเข้ามาทำงานจะใช้ฟรีวีซ่าหรือวีซ่านักศึกษา แต่ตัวเลขจัดหางานพบว่า มีตัวเลขคนจีนทำงาน 3,367 คน โดยเข้ามาทำงานตาม BOI มาตรา 62 ในการส่งเสริมการลงทุน
มีคนจีน 1,380 คน ทำงานในส่วนช่างเทคนิค ซึ่งถือว่าเกินครึ่งของจำนวนผู้ทำงาน ไม่ใช้วีซ่าของผู้บริหาร หรือวีซ่าของคนมีทักษะพิเศษ จึงแจ้งให้กรมจัดหางานจังหวัดระยอง แจ้งข้อมูลว่า มีการมอบวีซ่าในการจัดจ้างงานช่างฝีมือเทคนิคด้วยสาเหตุอะไร ให้กับโรงงานอะไรบ้าง
การจ้างงานคนจีนในฐานะช่างเทคนิค อาจจะไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ BOI ที่มีความตั้งใจ ให้การลงทุนต้องจ้างคนไทย และส่งเสริมเศรษฐกิจภายในประเทศ ถ้าหากการจ้างงานคนไทยเกิดขึ้นน้อย สุดท้ายกลายเป็นจ้างคนจีนเยอะ เช่น โรงงานซิน เคอ หยวน ที่สั่งปิดไป มีการจ้างงานคนไทยรวม 2 สาขา แค่ 9.4 % ที่เหลือเป็นแรงงานเอ็มโอยู เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว และจีน เยอะกว่าแรงงานคนไทย
จึงเกิดคำถามว่า จ.ระยอง ได้อะไรจากการส่งเสริมการลงทุนแบบนี้ ได้อะไรจากการลงทุน ที่สุดท้ายไม่เห็นการจ้างงานคนไทย เพราะกรณีเครนถล่มของซิน เคอ หยวน ก็ชัดเจนว่า บุคคลที่เสียชีวิตเป็นคนจีน เป็นบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมเข้ามาทำงาน มาทำงานฐานะแรงงานทักษะพิเศษ คำถามว่า คนขับเครนขาดแคลนแรงงานในประเทศไทยตั้งแต่ตอนไหน
นายชุติพงศ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะติดตามเรื่องการ อนุญาตทำงานอย่างถูกกฎหมายแต่ไม่สมเหตุสมผล และการปล่อยให้บุคคลที่มีวีซ่านักท่องเที่ยว แต่ไม่มีเอกสารการทำงานหรือวีซ่ายังถูกกฎหมายยังคงทำงานอยู่ เพราะกระทบเศรษฐกิจประเทศไทย
ขณะนี้มีหลายโรงงานทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม ใน จ.ระยอง มีการประกอบกิจการและผลิต แต่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นโรงงาน จดทะเบียนเป็นโกดัง จะติดตามเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งเป็นโรงงานข้ามชาติจากจีน
นายชุติพงศ์ กล่าวถึงข้อมูลที่ รมว.อุตสาหกรรม ชี้แจงต่อกรรมาธิการว่า มีการตรวจเหล็กเส้นที่เก็บมาจากอาคาร สตง. ถล่ม ซึ่งเหล็กเส้นของบริษัท ซิน เคอ หยวน เป็นเหล็กเส้นขนาด 20 มิล SD40T หลังจากมีการตรวจครั้งแรก รัฐมนตรียืนยันว่า กระบวนการตรวจถูกต้องมีมาตรฐาน รวมถึงการสอบถามยกเลิกใช้เตา IF ที่เตาเหล็กไม่ได้มาตรฐาน
รัฐมนตรียืนยันการเพิกถอน และไม่ให้ มอก. ทำให้โรงงานผลิตเตาดังกล่าว ต้องย้ายฐานผลิตออกไปทั้งหมด ซึ่งกรรมาธิการไม่ได้ติดขัดในเรื่องนี้ และต้องจับตาดูว่า จะมีการดำเนินการจริงหรือไม่ ซึ่งจะทำให้โรงงานอย่างบริษัทซิน เคอ หยวน ที่มีมลพิษเยอะผลิตเหล็กที่คุมคุณภาพค่อนข้างยาก จะได้ยกเลิกประกอบกิจการ หรือปรับไปใช้เตา EAF แทน และในส่วนที่เกี่ยวข้องรัฐมนตรีที่ยืนยันว่าจะเอาผิด ทางกฎหมายกรณี การลักลอบเก็บฝุ่นแดง และการผลิตสินค้าไม่ได้คุณภาพ
อ่านข่าว : ผลตรวจออกแล้ว “ปลาน้ำกก” สารหนูไม่เกินค่ามาตรฐาน
เปิดข้อมูล เครื่องบิน DHC6-400 Twin Otter เข้าประจำการ ตร.ปี 63
เครื่องบินเล็กตกในทะเลชะอำ เบื้องต้นมีรายงานเสียชีวิต 5 เจ็บ 1 คน