วันนี้ (3 มี.ค.2568) กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงข้อมูล ระบุว่า ตามที่เพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “วันนี้พรรคสีส้มโกหกอะไร” ได้เผยแพร่ข้อความเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา กล่าวถึงจดหมายของผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ ซึ่งมีตราประทับจากเรือนจำกลางคลองเปรม ส่งถึงนายกรัฐมนตรีลงวันที่ 15 พ.ย.2567
กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเรือนจำกลางคลองเปรมแล้วขอเรียนว่า ผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ให้การยืนยันว่า ไม่เคยเขียนจดหมายฉบับดังกล่าวตามที่ปรากฏในสื่อ และลายมือที่ปรากฏมิใช่ลายมือของพวกตน โดยในช่วงระหว่างเดือน พ.ย.2567 ถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยส่งจดหมายออกภายนอกเรือนจำแต่อย่างใด ซึ่งเบื้องต้นเรือนจำฯ ได้เปรียบเทียบลายมือแล้วพบว่า แตกต่างกันอย่างชัดเจน
อ่านข่าว ไม่ใช่ผู้ลี้ภัย! ทูตจีนยันไทยส่ง 40 อุยกูร์กลับทำตามกฎหมายสากล
ทั้งนี้ เรือนจำกลางคลองเปรมได้ตรวจสอบข้อมูลการรับ-ส่งจดหมาย ไม่ปรากฏว่ามีจดหมายฉบับดังกล่าว อีกทั้งตราประทับที่ปรากฏบนจดหมายฉบับนั้น ก็มิใช่ตราประทับของเรือนจำกลางคลองเปรมแต่อย่างใด โดยตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ก่อนส่งจดหมายถึงภายนอกเรือนจำฯ ต้องตรวจสอบเนื้อหาในจดหมายว่ามีผลกระทบต่อความมั่นคงหรือความสงบเรียบร้อยหรือไม่
ปรากฏว่าไม่มีจดหมายฉบับดังกล่าว และโดยเฉพาะจดหมายผู้ต้องขังจากเรือนจำจะไม่มีตราประทับของเรือนจำแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ต้องขังดังกล่าวไม่มีญาติหรือทนายความมาเยี่ยมเยียน
กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า จดหมายฉบับดังกล่าวไม่ใช่จดหมายที่ออกจากเรือนจำกลางคลองเปรม ดังนั้น จึงน่าจะเป็นจดหมายที่ทำขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้อง โดยเรือนจำฯ ได้ตรวจสอบและถือปฏิบัติตามระเบียบและแนวทางที่กรมราชทัณฑ์กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
อ่านข่าว “กัณวีร์” ถาม “ใครจะเชื่อ อุยกูร์อยากกลับจีน”
ก่อนหน้านี้ นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงจดหมายที่ชาวอุยกูร์ 48 คน รวมตัวกันและเขียนจดหมายฉบับหนึ่งส่งไปยัง UNHCR โดยส่งไปขอให้เข้ามาช่วยคุ้มครองระหว่างประเทศ หรือการพิจารณาสถานะผู้ลี้ภัย และระบุชัดต้องการกลับประเทศจีน เพราะหากกลับจะถูกประหัสประหาร การกักขัง การทรมาน ทำให้ชีวิตเผชิญกับอันตราย ถูกทำร้ายจนถึงชีวิต
แต่จดหมายฉบับดังกล่าว ไปไม่ถึง UNHCR และอ้างว่า ชาวอุยกูร์ ถูกถ่ายรูปเชื่อว่าเป็นการเตรียมความพร้อม ในการผลักดันกลับประเทศจีน จึงมีการประท้วงการอดอาหาร
ส่วนจดหมายฉบับที่สอง เป็นของญาติชาวอุยกูร์ ที่ถูกแยกครอบครัว ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ ในประเทศตุรกี ส่งไปถึงนายกรัฐมนตรีของไทย ว่า “ขอให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา โดยหยิบยกกรณีบิดาของนายกรัฐมนตรีลี้ภัยไปในต่างประเทศมาชี้เห็น ขอให้มีการพิจารณารวมครอบครัวได้ ณ ประเทศใดก็ได้” และเป็นการส่งในช่วงต้นปี 2568
สำหรับจดหมายฉบับที่สาม ส่งในช่วงต้นปี 2568 เนื้อหาขอร้องว่า “อย่าให้ถูกผลักดันกลับประเทศจีน ขอให้มีชีวิตและอยู่ด้วยกันได้” ที่เรียกว่าเป็นจดหมาย SOS
โดยจดหมายทั้งสามฉบับชัดเจนว่า ชาวอุยกูร์ ไม่ได้สมัครใจ หรือเต็มใจที่จะเดินทางกลับประเทศจีน ด้วยยังกังวลอันตรายที่จะเกิดขึ้น และสะท้อนว่า การแถลงข่าวของรัฐบาลไทย ที่กระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2568 เป็นเท็จ อ้างว่า เดินทางกลับด้วยความสมัครใจ
อ่านข่าว
อเมริกา-อังกฤษประณามไทยส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน