ในที่สุด พล.ต.ซอ ชิตตู ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ก็ยอมเคลียร์พื้นที่ย้ายกลุ่มทุนจีน และผู้บริหารบริษัทยาไถ่ ( Yatai ) ออกจากเมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษชเวโก๊กโก ไปยัง "เมืองพะอัน" หรือ"ปะอัน" เมืองหลวงรัฐกะเหรี่ยง ทางทิศตะวันออกของแม่น้ำสาละวิน และเปิดปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซนเตอร์ และรวบรวมเหยื่อค้ามนุษย์กว่า 2,000 คน ให้เสร็จตามกำหนดการที่ระบุไว้
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเดินทางเข้า-ออก ประเทศไทยและเมียนมา ของ "หลิว จงอี้" ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน หลังเข้าพบ "ภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2568 ได้นำมาสู่ข้อหารือการส่งกลับชาวจีน รวมทั้งข้อเสนอแนะในการปราบปราบแก็งคอลเซนเตอร์
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17-19 ก.พ.ที่ผ่านมา หลิว จงอี้ ได้เจอกับ พล.ท.ทุน ทุน หน่อง รมว. มหาดไทย สภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ซึ่งการข้ามริมน้ำแม่น้ำเมยไปฝั่งเมียนมาในวันนั้น แม้ได้พบ พล.ต.หม่อง ชิตตู แต่เจอ พ.ท.ติ่นวิน รอง ผบ.กองกำลัง BGF ที่เมืองชเวก๊กโก ถือเป็นมาตร การกดดันครั้งสำคัญที่ “พญามังกร”ลงไปขยี้
แม้จะยังไม่สามารถจัดการปิดเมืองเมียวดี ในพื้นที่อิทธิพลของ พล.ต.หม่องชิต ตู และเมืองใหม่ในพื้นที่ของกะเหรี่ยง DKBA ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่การแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลป ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นผลจากความร่วมมือของ 3 ประเทศคือ จีน เมียนมา และไทย
นอกจากปฏิบัติการ "กัดไม่ปล่อย" ของ "หลิว จงอี้" แล้ว ว่ากันว่า ยังมีใช้การทูตแบบทางลับหลังบ้าน ผ่าน "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) และ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตเจ้ากรมกิจการชายแดน ที่ปรึกษารมว.กลาโหม อีกด้วย
โดยเฉพาะ พล.อ.อาวุโส มิน อ่องหล่าย ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีบทสำคัญต่อการกดดัน พล.ต.ซอ ชิตตู่ ผบ.กองกำลัง BGF และผู้นำกองกำลัง DKBA ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ไซ่ จ่อ หล่า, พ.อ. ซาน เอ่า ผู้บัญชาการกองทัพกะเหรี่ยง DKBA และอีกหลาย ๆ คน จึงทำให้ได้เห็นภาพชาวต่าง ชาติจำนวนมากถูกขนมานั่งรวมกัน เพื่อรอคัดกรอง จากศูนย์คัดกรองเหยื่อการค้ามนุษย์ และรอสั่งกลับข้ามแดน มายังฝั่งไทย ก่อนจะส่งกลับไปยังประเทศต้นทาง
ยังไม่มีหลักฐานชัดว่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่องหล่าย อาศัยจังหวะที่จีนต้องการกวาดล้างแก๊งคอลเซนเตอร์ เพื่อทวงคืนเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยงจาก พล.ต.ซอ ชิตตู หรือไม่ แต่หลังจากฝั่งไทยเริ่มมาตรการ 3 ตัด ตัดไฟ ตัดน้ำมัน และตัดเน็ต ทางฝั่งเมียนมา ก็ได้มีการกดดันตัดน้ำมัน ขณะที่ลาวก็ลดการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้เช่นกัน
ข้อมูลจากหน่วยข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่ระบุว่า แม้จะมีข้อสรุปหลังการประชุมไทย-จีน ระหว่าง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และหลิว จงอี้ เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยทางฝ่ายจีนเสนอให้มีการจัดตั้งกลไกพหุภาคีเพื่อป้องกันปราบปรามปัญหาระหว่างประเทศ โดยจีนจะออกเอกสารในเรื่องความร่วมมือเสนอให้ ไทย ลาว โดยหลังจากนี้จะมีการจัดประชุมขึ้นอย่างเป็นทางการที่ประเทศไทย
และยังขอให้ไทยยังใช้มาตรการตัดไฟ น้ำมัน และเพิ่มเติมในเรื่องการตัดการส่งสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้กับทางพม่า รวมทั้งขอให้สกัดกั้นพื้นที่ชายแดน เพื่อไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์หนีไปยังประเทศอื่น ๆ
นอกจากนี้ ยังขอให้ไทยช่วยเหลือในการส่งกลับกลุ่มคนจีน กลับประเทศจีน โดยใช้วิธีเดียวกับปี 2024 ที่มีการส่งกลับ เดือนก.พ.นี้ จำนวน 800 คน โดยขอให้เริ่มส่ง ช่วงวันที่ 20-22 ก.พ. ส่งได้วันละ 4 ไฟล์ท ไฟล์ทละ 50 คน รวม 200 คน และให้ออกเอกสารเดินทาง โดยให้ทางสถานฑูตจีนประจำประเทศไทยออก และให้เจ้าหน้าที่ข้ามไปประทับตราเข้า-ออก ที่เมียนมา
ทั้งนี้ แนวทางการให้ความช่วยเหลือบุคคลสัญชาติอื่น ในเมียนมาเดินทางกลับสู่ภูมิสำเนาผ่านประเทศไทย (สะพานมิตรภาพไทย -เมียนมา แห่งที่ 2) จะมีจัดจุดเทียบรถบัสนำส่ง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจคัดกรองโรค, คัดกรอง NRM โดยเจ้าหน้าที่พม. และตรวจ Biometrics ตรวจสัมภาระสิ่งของผิดกฎหมาย ,ทางออกขึ้นรถ-ท่าอากาศยานแม่สอด และการตรวจค้นสิ่งของผิดกฎหมาย สำหรับการขนชาวจีนกลับประเทศ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทางการจีนได้ระบุว่า มีข้อมูลการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับแก็งคอลเซนต์เตอร์ที่กระทำความผิดที่บริเวณชายแดนเมียนมา โดยมีข้อมูลว่าน่าจะมีจำนวนมากว่า 50,000 คน
แม้ขณะนี้ ความพยายามปิดฐานค้ามนุษย์ -กลุ่มคอลเซนเตอร์ ในเมืองเมียวดีและเมืองใหม่อื่น ๆ เพื่อทำสลายกลุ่มทุนจีนเทา แต่ต้องจับตาดูว่า จะไปโผล่อยู่ตรงบริเวณใดของชายแดยไทยอีก ในส่วนของไทย ชายแดนด้านตะวันตก อาจจะดูเหมือนสมรภูมิรบจีนเทาใกล้ปิดฉาก
แต่อาจถึงคิวที่จะฟื้นฟูการค้าขายชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติแต่ในฤดูแล้งปีนี้ ไม่แน่ว่า อาจตามมาด้วยสงครามสู้รบอีกระลอก ระหว่างทหารตัดมาดอว์ และกลุ่มชาติพันธุ์ KNU และกลุ่มอื่นๆ ขึ้นอีกครั้ง
อ่านข่าว:
ตีวงล้อม “หม่อง ชิตตู” บัญชีดำ “อังกฤษ-สหภาพยุโรป” หมายหัว
เบื้องลึก DSI จ่อหมายจับ "หม่อง ชิตตู" ค้ามนุษย์อินเดีย ใต้เงาจีนเทา
"มั่นคง" ส่องชายแดนไทย-เมียนมา หลังตัดไฟ-อินเทอร์เน็ต เมียวดี